ซีเอ็นเอ็น - ในเสียงพร่ำเรียกหนึ่งซึ่งฟังดูสิ้นหวังทว่าก็เปี่ยมไปด้วยความหวังนั้น ชีว์ เฟยเฟย กำลังพยายามพูดกับลูกสาวตัวน้อยของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผ่านกระจกหน้าต่างบานหนึ่งซึ่งเปิดแง้มทิ้งไว้ ณ โรงพยาบาลทหารใหญ่ที่สุดในเมืองหนึ่งทางตอนใต้ของประเทศจีน เมื่อเที่ยงวันอังคารที่ผ่านมา
“เยว่ เยว่ ให้โอกาสแม่ได้รักลูกอีกสักครั้ง ได้มั๊ย?” ในที่สุดเธอก็กล่าวคำวิงวอน พร้อมกับร้องคร่ำครวญ
ณ อีกด้านหนึ่งของกระจกหน้าต่างบานนี้ เด็กหญิงตัวน้อยวัยสองขวบชื่อว่า “หวัง เยว่” หรือที่เรียกกันในชื่อเล่นว่า “เยว่ เยว่” กำลังนอนนิ่งในสภาพราวไร้วิญญาณอยู่บนเตียงคนไข้ภายในห้องไอซียู โดยที่มีหน้ากากเครื่องช่วยหายใจครอบไว้บนใบหน้ากลมเล็กของเธอ
เด็กน้อยวัยหัดเดินคนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุการณ์ที่มีคนขับรถแวนชนและทับแล้วหลบหนี จากนั้นก็มีรถอีกคันทับเธอซ้ำเข้าอีกในช่วงเวลาห่างกันไม่นานเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว โดยจุดเกิดเหตุอยู่ไม่ไกลจากร้านขายอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ของพ่อเธอ ในเมืองฝอซาน มณฑลกวางตุ้ง (กว่างตง) เมื่อนักข่าวซีเอ็นเอ็นตามไปดูถึงสถานที่เกิดเหตุเมื่อเย็นวันอังคาร ปรากฏว่า รอยคราบเลือดของเด็กน้อยได้เลือนหายไปแล้ว ทว่า รอยขีดทำเครื่องหมายเป็นตัวเลขพร้อมวงกลมล้อมรอบรวมทั้งหมดสองแห่งนั้น บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่า นี่เป็นจุดที่เกิดเหตุการณ์อันน่าเศร้าสลดสองเหตุการณ์ซ้อน
เวลานี้อาการของเยว่ เยว่ ยังคงอยู่ในขั้นวิกฤต สมองของเธอแทบจะไม่แสดงปฏิกิริยาตอบสนองเลย ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ร่างกายช่วงล่างของเธอจะขยับนิดๆ ก็ตาม ทั้งนี้จากคำบอกเล่าของผู้เป็นแม่
ภาพจากกล้องวงจรปิดซึ่งเผยให้เห็นเหตุการณ์จากต้นจนจบอันชวนให้สยดสยอง พร้อมกับที่เด็กหญิงตัวเล็กๆ นอนจมอยู่บนกองเลือดโดยที่ปราศจากการแยแสจากผู้คนซึ่งเดินผ่านไปมารวมเกือบ 20 คนนั้น ได้ก่อให้เกิดความโกรธแค้นขึ้นอย่างกว้างขวางในหมู่คนในชาติ และจุดชนวนให้เกิดการถกเถียงถึงสภาพความเสื่อมถอยของศีลธรรมในสังคมที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วนี้
ในเว็บซีน่า (ซินล่าง) เวยปั๋ว เครือข่ายไมโครบล็อกยอดนิยมของจีน ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับทวิตเตอร์นั้น เรื่องราวของเยว่ เยว่ ได้กลายเป็นจุดสนใจและเป็นท็อปปิกอันดับหนึ่ง หลังจากที่มีชาวเน็ตแห่เข้ามาโพสต์แสดงความคิดเห็นมากกว่า 4.5 ล้านคอมเมนต์ พร้อมกับที่มีข้อความชวนรณรงค์ผ่านโลกออนไลน์ให้ “หยุดพฤติกรรมเฉยเมยเย็นชา”
และในขณะที่คลิปวีดีโอเหตุการณ์นี้แพร่สะพัดไปในโลกไซเบอร์จีนอย่างรวดเร็วราวกับไวรัสนั้น ทั้งหนังสือพิมพ์และสถานีโทรทัศน์ต่างๆ ของรัฐบาลก็ได้ติดตามเรื่องราวนี้ชนิดเกาะติด พร้อมกับพุ่งความสนใจไปที่ฮีโร่พลเมืองดีผู้ซึ่งท้ายสุดเป็นคนช่วยเหลือเยว่ เยว่ ตลอดจนคนจิตใจสามานย์หลายคนที่ไม่แยแสต่อความเป็นตายร้ายดีของเธอแม้แต่น้อย
นางเฉิน เสียนเม่ย อาชีพคนเก็บขยะ วัย 58 ปี ซึ่งเป็นคนช่วยอุ้มหนูน้อยคนนี้ขึ้นมาจากถนนและร้องเรียกหาคนช่วย กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการประพฤติตามทำนองคลองธรรมไปโดยทันใด ในประเทศซึ่งชาวเน็ตจำนวนมากระบุว่าถูกครอบงำจิตใจด้วยเงินทอง โดยต่างก็มุ่งแต่จะแก่งแย่งกันสร้างฐานะ
นักข่าว และช่างกล้องพยายามห้อมล้อมนางเฉินเพื่อขอสัมภาษณ์ ขณะที่อีกด้าน รัฐบาลท้องถิ่นและภาคธุรกิจ รวมถึงองค์กรกุศลต่างๆ ก็ได้มอบเงินรางวัลจำนวนหนึ่งแก่เธอเพื่อตอบแทนคุณงามความดี
“ฉันไม่ได้คิดถึงอะไรทั้งสิ้นในตอนนั้น” เฉิน ให้สัมภาษณ์สื่อท้องถิ่นเมื่อวันอาทิตย์ “ฉันแค่ต้องการช่วยเด็กคนนั้น”
ยายเฉิน กลายเป็นบุคคลมีชื่อเสียงในชั่วข้ามคืน อย่างไรก็ดี นั่นดูเหมือนจะทำให้เธอรู้สึกไม่เคยชิน เพื่อนบ้านของเธอบอกกับซีเอ็นเอ็นเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า ยายเฉินได้เดินทางกลับบ้านที่ชนบทพร้อมกับลูกชายของเธอแล้ว
สื่อในประเทศยังตามแกะรอยไปสัมภาษณ์คนเดินถนนที่ปรากฏอยู่ในคลิปวิดีโอดังกล่าว โดยหลายคนปฏิเสธว่าไม่เห็นหวัง เยว่ นอนกองอยู่บนพื้น แต่มีอยู่คนหนึ่งเล่าเหตุการณ์กับหนังสือพิมพ์หยางเฉิง อีเวนนิง นิวส์ ว่า เธอสังเกตเห็นเด็กผู้หญิงกำลังร้องไห้อยู่ถัดจากกองเลือด
“ฉันเดินเข้าไปในร้านค้าที่ใกล้ที่สุดและถามชายหนุ่มคนหนึ่งว่า เด็กผู้หญิงคนนั้นใช่ลูกของเขาไหม แต่เขาตอบกลับว่าไม่ใช่” หนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวยังอ้างคำพูดของเธอซึ่งบอกด้วยว่า “ไม่มีใครกล้าแตะต้องตัวเธอหรอก จะทำได้อย่างไรเล่า?”
“นี่เป็นกรณีตัวอย่างคลาสสิกของปรากฏการณ์คนมุงผู้เพิกเฉย (bystander effect) ที่ซึ่งผู้คนจะเกี่ยงความรับผิดชอบให้คนอื่นแทน” เวนดี วอลช์ นักจิตวิทยาซึ่งทำงานในนครลอสแองเจลิส ให้ทัศนะกับซีเอ็นเอ็น
แม่ของเยว่ เยว่ เล่าด้วยน้ำตานองหน้าว่า เธอยังไม่อาจเข้าใจถึงพฤติกรรมโหดร้ายของคนเดินผ่านไปมาโดยไม่สนใจเหล่านี้ได้ ทว่า เธอต้องการมองในแง่บวกมากกว่า
“คุณยายเฉิน แสดงให้เห็นถึงธรรมชาติอันดีงามของมนุษย์ได้ดีที่สุด” ชีว์ กล่าวถึงผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตลูกสาวเธอไว้ “มันเป็นสิ่งที่งดงามที่สุดและเป็นธรรมชาติที่สุดของพวกเรา (มนุษย์)”
ถึงแม้ว่าจะมีความวิตกกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับศีลธรรมในจีนที่กำลังดำดิ่งลงเหวจากกรณีที่เพิ่งเกิดขึ้น ทว่ากระแสธารน้ำใจจากทั่วสารทิศก็ยังคงหลั่งไหลไม่ขาดสายไปยังโรงพยาบาลกว่างโจวที่ซึ่งเยว่ เยว่ รับการรักษาอยู่
บรรดาผู้ใจบุญยังคงเดินทางมาพบครอบครัวของเยว่ เยว่ ตลอดทั้งวัน โดยที่พวกเขาเสนอจะมอบสิ่งของ, เงิน ตลอดจนความช่วยเหลืออื่นๆ ให้
“ฉันรู้สึกซาบซึ้งคนดีทั้งหมดเหล่านี้มาก” แม่ของเยว่ เยว่ บอก “เยว่ เยว่ จะไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง”
“ฉันรู้จักลูกสาวของฉันดี เธอเข้มแข็งและเธอจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง”