“เก๋” แถลงโต้ “อั้ม” สาธิตท่าแตะหลัง “โน้ต” ยันไม่ได้ลูบหลังแน่นอน อ้ำอึ้งถูกถามอั้มดึงแขนหรือไม่ บอกไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด แต่พอถูกนักข่าวเซ้าซี้ก็บอกว่าดึงแต่ไม่ได้อะไรขนาดนั้น ปฏิเสธโชว์เอสเอ็มเอสที่เพื่อนอั้มส่งมาขอโทษอ้างลบทิ้งไปแล้ว ส่วนเรื่องเหน็บเรื่องขายตัวกับเป็นเมียน้อยแล้วแต่คนจะคิด
เรียกได้ว่าประกาศศึกเกาเหลากันอย่างชัดเจนเลยทีเดียว สำหรับกรณีของ “อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ” กับอดีตนักแสดง “เก๋ รุ่งนภา พงศ์ทิพย์สุคนธ์” หลังจากที่ซุป’ตาสาวได้ออกมาบอกว่า ฉุนไฮโซ ก. ที่กล้ามาลูบไล้แผ่นหลังแฟนหนุ่ม “โน้ต วิเศษ รังสีสิงห์พิพัฒน์” แฟนหนุ่ม ชนิดที่ใครเห็นก็ต้องร้องโอ้....แต่ตนเองไม่อยากจะพูดมากเพราะกลัวว่าไฮโซ ก.จะอาย แถมยังแฉอีกว่า ไฮโซ ก. ที่ว่านั้น จริงๆ แล้วไม่ใช่ไฮโซ แต่เป็นดาราที่ผันตัวไปเป็นเซเลบริตี้เท่านั้น
ทันทีที่ข่าวแพร่สะพัดออกไป ปรากฏว่าทางฝ่ายของสาวเก๋เอง ก็ได้ออกมาซัดกลับทันควันชนิดที่ว่าสาวอั้มต้องรู้สึกเจ็บๆ คันๆ เลยทีเดียว โดยบอกว่า คู่กรณีหึงเว่อร์เกินไป ตนยืนยันว่าไม่ได้ลูบไล้แผ่นหลังของหนุ่มโน้ต แต่แค่แตะหลังทักทายธรรมดาเท่านั้น เพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนกันอีกทั้งเคยเป็นแฟนเก่าเพื่อนมาก่อน แถมยังแฉอีกว่าโดนนางเอกอั้มฉุดแขน และถามแบบไม่สุภาพด้วยความหึง ก่อนจะเหน็บทิ้งท้ายแบบแสบสันต์ว่า บางทีดาราที่ชอบพูดตรงก็เสแสร้งเพื่อสร้างคาแร็คเตอร์ให้ตัวเอง
เจอไปชุดใหญ่ขนาดนี้ทำเอาทางฝ่ายของอั้มถึงกับเนื้อเต้นนั่งไม่ติด ออกโรงจวกกลับพร้อมทั้งลิสต์หัวข้อจับผิดคำกล่าวอ้างของสาวเก๋รวม 9 ข้อ ชนิดที่ว่าหนังคนละม้วนเลยทีเดียว หนำซ้ำยังลากพยานมายืนยันกะเอาให้ตายกันไปข้าง
ที่ผ่านมาถือว่าทั้งคู่ก็ได้ปล่อยหมัดเด็ดกันไปคนละดอก ตามที่ผู้สื่อข่าวบันเทิงผู้จัดการออนไลน์ได้นำเสนอข่าวไปแล้ว แต่ปรากฎว่าเรื่องไม่จบง่ายๆ เพราะล่าสุดวันนี้(1 มีนาคม) เวลา 10.30 น “เก๋ รุ่งนภา” กลับออกมาตอบโต้อีกครั้ง ด้วยการออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนอย่างเปิดหน้าเปิดตัวที่ ร้าน MIX เอสพลานาร์ด รัชดา ทั้งนี้สาวเก๋ยังได้กำลังใจจาก “แบงค์ ธนาคาร โสรัตน์” แฟนหนุ่มนอกวงการ ที่ตามมาเฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ โดยเนื้อหาใจความหลักๆ ก็เป็นการตอบโต้คำกล่าวอ้างของคู่กรณี
“ที่เก๋แถลงวันนี้อยากมาชี้แจงเรื่องราวทั้งหมดซึ่งที่จริงมันเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ (เน้นเสียง)อยากให้มันจบไปแค่เรื่องลูบไม่ลูบ วันนี้เก๋อยากยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่าเราไม่ได้คิดอะไรกับเขา ทักด้วยความบริสุทธิ์ใจเหมือนทักเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น สำหรับเหตุการณ์วันนั้น ความจริงเก๋พูดไปหมดแล้วเดี๋ยวเหมือนจะย้อนกลับไปอีกรอบ เดี๋ยวมันไม่จบ เก๋ยืนยันว่าสิ่งที่พูดไปทั้งหมดเป็นความจริง มันเป็นเรื่องของความเข้าใจผิด”
“คือจริงๆ เก๋พูดไปหมดแล้วในเวปเมเนเจอร์ นั่นคือเรื่องราวทั้งหมดว่ามันเกิดอะไรบ้าง สำหรับฝั่งเก๋แต่สำหรับเขาถ้าจะจินตนาการแบบไหนก็แล้วแต่เขา แต่เก๋ไม่มีอะไร ถ้าเก๋อยากดังหรืออยากเกาะกระแส เก๋คงแถลงก่อนที่เขาจะพูดอีก เขาเป็นคนให้ข่าวก่อน พี่ๆ นักข่าวหลายคนก็รู้ว่าเก๋มีเบอร์พวกพี่ๆ ไม่ว่าจะหัวไหนก็ตาม ถ้าเก๋อยากดังเก๋เรียกพวกพี่ๆ มาแถลงข่าวแล้ว รับรองดังแน่นอน ใครอ่านก็ขำมันเป็นเรื่องความเข้าใจผิด เก๋ยืนยันว่าไม่ได้ลูบแค่แตะเฉยๆ แต่ถ้าเขาคิดว่าลูบก็แล้วแต่”
“เก๋เฉยๆ นะกับเรื่องนี้ ถ้าคนใกล้ตัวจะรู้ว่าเก๋เป็นคนยังไง มันเป็นเรื่องไร้สาระกับการแตะ การลูบ มันมีเรื่องที่ให้เครียดมากกว่าอย่างเช่นเรื่องสังคม ตั้งแต่เกิดเรื่องมาเก๋ก็ไม่จำเป็นต้องโทร.เคลียร์กับทางนั้นนะ ความจริงมันเคลียร์จบไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว ทุกอย่างจบปุ๊บเก๋ก็จูงมือแฟนเก๋ไปลาเพื่อนๆ ในกลุ่ม แต่ไม่ได้ไปบอกเขาเพราะเดี๋ยวกลัวหาว่าประชด ก็ไม่รู้ต้องเคลียร์อะไร กับกระแสที่ว่าเก๋เมา อุ้ย (เสียงตกใจ)จะเมาอะไรคะ เพิ่งไปถึงไม่ได้เมา ถ้าใครอยู่ที่นั่นก็คงจะเห็นว่ามันเป็นยังไง”
เมื่อถูกถามว่าส่วนตัวรู้จักกับหนุ่ม "โน้ต วิเศษ"หรือไม่เก๋สวนกลับทันทีว่า
“ตอนแรกรู้จักเขานะคะ แต่ตอนนี้ไม่รู้จักแล้วดีกว่าเพราะเขาบอกว่าเขาไม่รู้จักเก๋ ไม่ต้องรู้จักเขา ก็ดีไม่รู้จักด้วยก็ได้ คนในสังคมรู้ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร หลังมีข่าวก็ไม่มีการโทร.เคลียร์ไม่มีอะไรเลย เพราะมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ มันมีประเด็นแค่นิดเดียวว่าแตะไม่แตะ ลูบไล้ไม่ลูบไล้ เก๋ยืนยันว่าเก๋ทักทายแค่คนเคยรู้จักคนหนึ่ง”
“วันนั้นตั้งใจที่จะเดินเข้าไปทักทายเพื่อนซึ่งทั้งโต๊ะเก๋รู้จักหมดยกเว้นพี่อั้ม เข้าไปก็ทักทายทุกคนแต่เราไม่ทักพี่เขาเพราะไม่รู้จัก ก่อนหน้านี้เราเจอโน้ตก็ทักทายตามปกติ แต่วันนั้นไม่รู้ว่าทักไม่ได้ ก็โอเคต่อไปจะได้รู้ว่าถ้าเจอหน้าจะได้ไม่ต้องทัก คนเรารู้จักกันไว้เป็นสิ่งที่ดีถ้าคนเราไม่ได้ทำอะไรไม่ดีก็น่าจะรู้จักกันไว้จะได้มีเพื่อนเยอะๆ มันก็เป็นสิ่งที่ดี”
ไม่หวั่นว่าการแถลงข่าวครั้งนี้จะทำให้เกิดปัญหาบานปลายกับ “อั้ม พัชราภา” แจง เจตนาดี อยากให้เรื่องจบๆ
“ที่เก๋มาแถลงข่าววันนี้ก็ไม่กลัวว่าจะมีปัญหากับทางฝ่ายนั้น เพราะเก๋อยากเคลียร์ๆ ให้จบรู้ว่าสื่อหลายคนรู้จักฝั่งเขา และหลายคนก็รู้จักกับเก๋ ก็ติดตามแค่ที่เก๋ให้สัมภาษณ์ไปกับทางเมเนเจอร์อย่างเดียวซึ่งเก๋มองว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆ น้อย และหลายคนยังไม่ได้ยินจากปากเก๋ มีบางคนก็โทร.หาเรื่อยๆ เก๋ยังต้องทำงานร่วมกับพวกพี่ๆอยู่ เลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วก็เลยต้องออกมาพูดเลยดีกว่า ว่าเราไม่ได้อะไรจะได้ไม่ต้องมาถามอีกวันนี้เก๋จบไม่มีอะไรไม่เกี่ยวแล้วนะคะ (หัวเราะ)”
ปัด โชว์เอสเอ็มเอส ที่เพื่อนของคู่กรณีส่งมาขอโทษ เพราะไม่มีความจำเป็นต้องเก็บไว้ จะเหมือนเจตนาหาเรื่อง เกินไป บอก ถ้าจะยืนยันกันจริง ให้เอาตำรวจมาสอบสวนเลยดีกว่า
“แต่ยอมรับว่าเรื่องหลักฐานเก๋ไม่มี เพราะตัวเก๋ไม่ได้คิดอะไร แต่มีคนของเขาส่งเมสเสจมาขอโทษ แต่ ณ เรื่องวันนั้นมันจบแล้ว เหตุการณ์วันนั้นมันเคลียร์แล้ว จะให้เก๋มาเก็บข้อความในบีบีเอามาให้ดูมันก็คงจะตลก เพราะเหมือนจงใจหาเรื่องทุกคนรู้อยู่แล้ว ฝั่งเขาก็มีทั้งพยาน เก๋ว่าถ้าจะเอาจริงๆ เอาตำรวจ เอากรมสอบสวนกลางมาสอบปากคำเลยดีไหม (หัวเราะ)คดีลูบไล้อะไรก็ไม่รู้ไร้สาระ”
เจ้าตัวยัน คำพูดที่ว่าตนมีอาชีพสุจริตไม่ได้ไปเป็นเมียน้อยใคร ไม่ได้มีเจตนาพูดกระทบนางเอกสาว แต่ถ้าอีกฝ่ายจะเป็นเมียน้อยใครหรือเปล่า ตนก็ไม่รู้เรื่องด้วย แค่ รู้สึกติดใจกับคำพูดของอั้มที่บอกว่าหากเขาพูดไปตนจะรู้สึกอาย
“กับคำที่เก๋ให้สัมภาษณ์ไปว่า เก๋ทำงานสุจริตไม่ได้ไปเป็นเมียน้อยใคร ประโยคนี้เก๋ไม่ได้พูดประชดใคร ทุกอาชีพไม่มีความจำเป็นต้องอาย พวกพี่เป็นนักข่าวก็ไม่ต้องอาย เก๋เป็นพีอาร์เก๋ก็ไม่ต้องอาย ต่อให้เป็นคนเก็บขยะ หรือค้าขายก็ไม่ต้องอาย เราทำงานด้วยของตัวเอง แต่สำหรับผู้หญิงมันมีไม่กี่เรื่องที่ควรอาย ก็คือขายตัวกับเป็นเมียน้อย เราพูดทั่วไป มันแล้วแต่คนจะคิด เก๋ไม่ได้พูดประชดใคร แล้วแต่คิดถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริงก็ไม่เป็นไร เพราะเก๋ไม่ได้อะไรจริงๆ เก๋ไม่ได้ตั้งใจประชดฝ่ายนั้นเขา เพราะเก๋จะไปรู้เรื่องอะไรของเขา เก๋ไม่รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว เขาจะเป็นหรือไม่เราก็ไม่รู้”
“ส่วนเรื่องที่บอกว่าเขาหึงเว่อร์ มันแรงไป เก๋ไม่คิดว่ามันแรงนะแต่เก๋เข้าใจว่าคนหวงแฟน เก๋ถึงไม่มีอะไร เพื่อนในกลุ่มที่เป็นดาราก็รู้ ถามว่าตอนที่ให้สัมภาษณ์ไปโกรธไหม ไม่นะแต่แค่ไม่เข้าใจเขาคำเดียวว่า ไม่อยากพูดเพราะเดี๋ยวเก๋อาย เป็นคำเดียวที่เก๋รู้สึกว่าชีวิตเก๋ไม่มีอะไรต้องอาย ทำไมเขาถึงพูดออกมา เขาก็รู้ว่ามันไม่มีอะไรตั้งแต่แรก เขาก็น่าจะพูดตอนที่พี่อั้มเขาสะกิดเขาคงมีอารมณ์หวงแต่เราเข้าใจไงอารมณ์คนมีแฟน คงมาสะกิดถามดึงแขนเพื่อความชัวร์”
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าสรุป “อั้ม”ดึงแขนหรือแค่สะกิด เจ้าตัวบอก มีการดึงจริงแต่ไม่รุนแรง และไม่มีการพูดคำหยาบ ปัดไม่ทราบว่าอีกฝ่ายเมาหรือเปล่า
“เอาเป็นว่าไม่ว่าเขาจะดึงแขนหรือว่าแค่สะกิด เก๋ไม่อยากพูดถึงเดี๋ยวยาว แต่เอาสรุปแล้วกันว่าเขาดึงคะ แต่ว่าไม่ได้ดึงขนาดอย่างนั้น เก๋ยืนคุยกับเพื่อนอยู่เขาก็แค่ดึงให้เก๋หันหน้าไปคุยกับเขา ไม่ได้ดึงแรงขนาดนั้น แล้วเก๋ไม่รู้ว่าเขาเมาหรือเปล่าด้วย ตัวพี่เขาก็ไม่ได้มีการพูดคำหยาบและไม่ได้มีปากเสียงกัน เขาแค่สงสัยว่าทำไมพอถามฝ่ายชายแล้วบอกว่าไม่รู้จัก เราก็เอ้า ถามโน้ตไปว่าทำไมไม่รู้จักเราเหรอ แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรที่เขาบอกว่าไม่รู้จักเก๋ ตอนนี้เก๋ก็คงไม่อยากรู้จักเขาแล้วละ เราก็งงปกติเจอกันก็ทักได้ แต่อยู่ๆ วันนั้นทักไม่ได้ ทั้งๆ ที่แค่แตะหลังธรรมดา อย่างปกติเก๋เองก็ทักทายเพื่อนแบบนี้อยู่แล้ว แล้วอีกอย่างเราก็ไม่เคยคิดอะไรกับใคร เพราะเรามีแฟนอยู่แล้ว เพื่อนๆ ผู้ชาย ก็จะรู้ดี”
“ส่วนคำที่เก๋บอกว่าบางครั้งนางเอกก็อาจจะการเสแสร้ง ตอนนั้นมันรู้สึกจริงๆ (หัวเราะ) เราโอ้ยตายแล้ว เราเองก็เคยติดตามผลงานเขา เขาเป็นคนที่สวยเป็นคนที่มีความสามารถคนหนึ่ง แต่พอมาเจอแบบนี้ก็งง พอพ้นอารมณ์นั้นแล้วเราก็เข้าใจความรู้สึกของผู้หญิง แต่ถ้าถามถึงตอนนี้เก๋เฉยๆ นะ เราโกหกไม่เป็น และโน้ตเองเขาก็ไม่จำเป็นมีต้องส่งเมสเสจมาขอโทษอะไรแล้ว เพราะไม่รู้จักกันแล้ว เก๋เองไม่คิดจะฟ้องร้องอะไรเพราะเรื่องมันไร้สาระ คดีลูบไม่ลูบขึ้นหน้าหนึ่ง(หัวเราะ)
เมื่อเจ้าตัวได้เปิดเผยรายละเอียดเหตุการณ์ทั้งหมด จึงได้สาธิตท่าลูบหลัง โดยสมมุติให้ผู้สื่อข่าว เป็นหนุ่ม “โน้ต วิเศษ” เรียกเสียงฮือฮาจากผู้สื่อข่าวได้เป็นอย่างดี ยัน ไม่รู้สึกอะไรหลังเปิดศึกเกาเหลานางเอกอันดับหนึ่งของเมือไทย
“อาจเป็นเพราะคำจำกัดความคำว่าลูบของเขากับของเราต่างกัน (สาธิตท่าลูบหลังโดยมีผู้สื่อข่าวเป็นตัวช่วย) เราก็แตะแบบนี้เฮ้ยหวัดดี มันไม่มีอะไรเลย ไม่ได้ลูบไล้แบบนี้(พร้อมกับทำท่าแล้วหัวเราะ)”
“ถามว่ารู้สึกยังไงกับข่าวเกาเหลานางเอกเบอร์หนึ่ง อู้ย(ลากเสียง) เก๋ว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด เรื่องติ๊งต๊อง เดี๋ยวนี้ไปทางไหนก็จะมีแต่คนรู้จักว่าเก๋ ที่ทะเลาะกับอั้มไปแล้ว กลายเป็นที่รู้จัก แล้วเก๋ก็คิดว่าเก๋คงไม่มีปัญหากับแฟนคลับพี่อั้มหรอก เพราะว่าเขาน่าจะเข้าใจ บางครั้งเขาว่าเรามันก็ทำได้ เพราะเขาอยากจะปกป้องคนที่ตัวเองรักก็เป็นเรื่องธรรมดา เรื่องนี้เก๋ไม่ซีเรียสอย่างน้อยคนรอบข้างเข้าใจว่าเก๋เป็นยังไง ส่วนที่หลายๆ คนเชียร์เก๋ ก็ไม่รู้เหมือนกัน (หัวเราะ)ขอบคุณคะที่เป็นกำลังใจให้”