กุหลาบซาตาน ตอนที่ 1
เมื่อสิบห้าปีก่อน...ที่เมืองชายทะเลแห่งหนึ่ง ทะเลยามเย็นสวยงามยิ่งนัก คลื่นซัดเข้าฝั่ง ที่ชายหาด มีกังหันอันเล็กๆ พับด้วยกระดาษสีสวย ปักอยู่บนทรายเรียงรายเป็นแถว เสียงหัวเราะของเด็กผู้หญิงแว่วมาตามลม
ที่แท้เสียงนั้นดังลอดออกมาจากในบ้านไม้เล็กๆ ริมทะเล เพียงออ เด็กหญิงวัย 10 ขวบในชุดกระโปรงสีแดงน่ารักกำลังช่วย กุล แม่ของเธอเสียบดอกกุหลาบสีแดงสด ลงในแจกันดอกไม้กลางโต๊ะกินข้าว เพียงออยิ้มแย้มร่าเริงมีความสุข
มีเสียงฝีเท้าตึงๆ ดังใกล้เข้ามา กุลกับเพียงออหันไปมอง ประตูบ้านเปิดออก พุฒิ วิ่งเข้ามา ท่าทางร้อนรน
“พ่อ” เพียงออร้องทักพุฒิอย่างดีใจ
พุฒิมีอาการรีบเร่ง อุ้มเพียงออส่งให้กุล ระล่ำระลัก
“กุล พาลูกหนีไป ไปเดี๋ยวนี้ ไป”
พร้อมกันนั้นพุฒิก็ดันกุลกับเพียงออออกไปทางประตูหลังบ้าน กุลลากจูงเพียงออออกไป อึดใจหนึ่ง ทั้งสองก็ได้ยินเสียงปืน ปัง!
เพียงออกับกุลชะงัก หยุดวิ่ง สองแม่ลูกช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ขณะที่ด้านใน ร่างของพุฒิล้มลง ชนแจกันกุหลาบกลางโต๊ะล้มตามไปด้วย ร่างของเขานอนนิ่ง ในมือกำโฉนดที่ดินแน่น เลือดสีแดงไหลนองเต็มพื้น
สายตาของเพียงออ มองภาพดอกกุหลาบที่กระจายเกลื่อนพื้น เลือดสีแดงของพุฒิไหลยาวเป็นทาง มาผสมกับสีแดงของดอกกุหลาบเหล่านั้น
ปัจจุบัน...
ที่หน้าโรงแรมหรู Blue Ocean Marina รถวิ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง พนักงานคนหนึ่งวิ่งตามมา อีกคนวอบอกคนข้างใน
“คุณชัชมา คุณชัชมา กำลังเข้าไป รอรับด้วย”
เสียงรถยนต์จอดเอี้ยดด้วยอารมณ์แรงของคนขับ พนักงานที่รออยู่ข้างใน จะเข้าไปเปิดประตูให้ แต่ไม่ทัน ประตูรถเปิดออกมาก่อนอย่างร้อนใจ ชัช ชนารณพ ใส่สูทชุดทำงานเนี๊ยบลงจากรถ พนักงานตัวงอกันเป็นแถว
“คุณชัช”
“พี่โชคอยู่ไหน ทำอะไรอยู่” ชัชถามเสียงเข้ม พนักงานกลัวจนติดอ่าง
“นาย...นายอยู่...อยู่ท่า...ท่า”
ชัชไม่รอฟังเดินไปทางท่าเรืออย่างใจร้อน หน้าตาฉุนเฉียว
ชัชเดินมาที่ท่าเรือ ขณะนั้น โชค ชนารณพ อยู่ในชุดแล่นเรือสบายๆ แต่หรูหรายืนอยู่กับ กานดา ภรรยาของโชคและ เป๋ง ลูกน้องคนสนิท ในมือโชคมีตะกร้าของว่างใส่แซนด์วิชหลายชนิด ตัดเป็นคำเล็กๆ คุ๊กกี้และเค้ก ทุกอย่างเป็นชิ้นเล็กๆ น่ารัก โชคหันไปพูดกับพ่อครัวหนุ่มร่างอ้วนกลม ท่าทางขี้ตื่น ยืนตัวสั่นอยู่ด้วยความกลัว
“ใครเป็นคนออกกฎ ว่ากาแฟต้องกินกับแซนด์วิช ใคร? ใครบอกแก ว่าห้ามกินกาแฟกับอย่างอื่น ต้องกินกับแซนด์วิช”
พ่อครัวเอ้ออ้า อึกอักกลัวจนปากสั่น
“ค... คือชุดน้ำชากาแฟ ที่เราจัดให้ลูกค้าโรงแรมมันแบบนี้น่ะครับท่าน”
“เหรอ” โชคเอามือตบหน้าอกตัวเอง “ แล้วนี่ใคร” โชคหันไปหากานดา “นี่ใครดา” กานดายังไม่ทันตอบ โชคหันไปหาเป๋ง “ไอ้เป๋ง นี่ใคร”
“เอ่อ นายไม่รู้เหรอครับ” เป๋งย้อนถามอย่างซื่อๆ
“ไอ้เวร!” โชคหันไปใส่พ่อครัวต่อ “ ฉันเป็นเจ้าของโรงแรม เจ้าของท่าเรือ เจ้าของทุกอย่างที่นี่ ฉัน
ไม่ใช่ลูกค้า ... แซลมอนรมควัน แฮมอบน้ำผึ้ง คาเวียร์ ทำไมไม่จัดมา”
โชคหยิบแซนด์วิชจิ๋วขึ้นมามองอย่างเจ็บใจ
“ฉันมีเงินเป็นพันล้าน แกให้ฉันกินกาแฟกับเศษหนมปัง ทำไม! แกเห็นฉันเป็นนกนางนวลหรือยังไง”
พ่อครัวร่างอ้วนกลัวจนฉี่แทบราด กานดาพูดเสียงอ่อนแทรกขึ้น
“เดี๋ยวดาไปทำให้ใหม่ก็ได้ค่ะ”
“ไม่ต้อง เสียเวลา สายมากแล้ว ไปที่เรือก่อนเถอะ” กานดารับตะกร้าแซนด์วิชไป เป๋งรีบเดินตาม โชคหันไปใส่พ่อครัว “อ้าว แล้วมายืนอยู่ทำไมล่ะ อยากโดนด่าอีกชุดรึไง ไป”
พ่อครัววิ่งแจ้นไป เกือบจะชนกับชัช ที่เดินเข้ามา
“พี่โชค!”
ชัชเรียกพี่ชายเสียงเข้ม โชคหันมาเห็นชัช ก็แปลกใจและดีใจ
“อ้าว เฮ้ย ชัช มาไง ไหนว่าวันนี้ไม่ว่างไง” ชัชไม่ตอบแต่เอาสำเนาโฉนดที่ดินของพุฒิอัดเข้าไปที่หน้าอกของโชค “อะไรของแกเนี่ย”
“สำเนาโฉนดที่ดินที่ปราณบุรี...ที่เจ้าของเค้าไม่ยอมขาย จู่ๆ เราก็ได้มาเพราะเจ้าของมันตาย! ทำไมถึงเป็นแบบนี้พี่”
“เอ๊า ไอ้น้องรัก พี่จะไปรู้ได้ยังไง คนเราถึงฆาตขึ้นมา ไม้จิ้มฟันแทงเหงือกยังเสือกตาย” โชคขำแต่ ชัชทำหน้าไม่ขำ โชคจึงแก้ตัวใหม่ “ไอ้นั่นมันเป็นหัวคะแนน มันคงโดนใครเก็บล่ะมั๊ง”
โชคพูดแล้วเดินหนี จะไปลงเรืออย่างไม่ใส่ใจ ชัชเดินตามจิกไม่ลดละ
“พี่โชค พี่อย่ามาเฉไฉ พี่ก็รู้ว่าพี่ทำอะไรลงไป ผมเคยขอพี่แล้วใช่ไหม ให้เลิกทำเรื่องเลวๆ แบบนี้ซะที”
โชคชะงัก ท่าทางกวนๆ ขำๆ เปลี่ยนเป็นดุ เข้ม ราวกับคนละคน
“น้อยๆ หน่อย ไอ้ชัช ตั้งแต่พ่อแม่ตายไป ข้าวทุกคำที่แกกิน เงินทุกบาทที่ส่งให้แกเรียน รถที่แกขับ แล้วก็นี่ ไอ้สูทสวยๆ ที่แกใส่อยู่นี่ มันก็มาจากเงินเลวๆ ของฉันทั้งนั้น”
คำพูดนี้ทำให้ชัชอ่อนลง
“พี่โชค ผมรู้ ว่าพี่สร้างตัวมายังไง เมื่อก่อนพี่จน พี่เรียนไม่จบพี่ไม่มีทางเลือก แต่ตอนนี้พี่มีทุกอย่างแล้ว เราทำมาหากินสุจริตเหมือนคนอื่นเค้าไม่ได้เหรอ”
โชคฟังแล้วจากโกรธ เปลี่ยนเป็นขำ
“เหมือนใครวะ ชัช? เอ่ยชื่อมาซักคนซิ ใครวะ ที่หากินสุจริตแล้วรวย” ชัชอึ้ง โชคหัวเราะเยาะ “แกนี่มันยิ่งเรียนยิ่งโง่ ยิ่งโตยิ่งเซ่อแท้ๆ” โชคตบบ่าชัช “ไป ไปตกปลามากินกันดีกว่า เผื่อจะฉลาดขึ้นมั่ง ไป”
โชคเดินเข้าไปในเรือ ชัชเดินตามไปขวาง
“พี่โชค หยุดก่อน เรายังพูดกันไม่จบ”
“พอแล้ว ฉันมาพักผ่อน ขี้เกียจพูดเรื่องงาน”
“แต่ว่าพี่..”
เสียงสดใสของ ชินภัทร ดังแทรกขึ้นมา
“อาชัช”
ชินภัทร เด็กหนุ่มวัย 19 ปี ลูกชายชองโชคกับกานดา ซึ่งกำลังชะโชกหน้ามาจากด้านล่าง ชัชชะงักโชคปรับสีหน้าให้ปกติ
“อย่าพูดเรื่องนี้ต่อหน้าลูกฉัน” โชคกระซิบบอกชัช
ชินภัทรเดินขึ้นมาหาชัชกับโชค ท่าทางรักและสนิทสนมทั้งพ่อและอามาก
“ไหนพ่อว่าอาชัชจะไม่มา”
โชคโอบบ่าลูกชายอย่างรักมาก
“อาแกเค้าบ้างาน เค้าแวะมาคุยงานกับพ่อ...แต่พ่อไม่คุยด้วย”
“พ่อทำถูกแล้ว ...วันนี้วันหยุดนะครับ อาชัช ต้องพักบ้าง ไปตกปลากับผมดีกว่า” ชินภัทรเข้ามาดึงชัช ชัชฝืนยิ้ม
“ขออาไปถอดสูทก่อน เดี๋ยวตามไป”
ชัชเดินลงไปห้องด้านล่าง โชคกอดคอชินภัทรไปอีกทาง
เรือยอช์ทแล่นออกไปจากท่า กงพัด ในชุดประดาน้ำในมือมีปืนฉมวก เดินออกมาจากที่ซ่อน มองไปยังเรือลำนั้นอย่างสนใจแววตามุ่งมั่น
เรือยอช์ทของโชคลอยลำอยู่กลางทะเลท่ามกลางอากาศสดใส โชคสอนชินภัทรเหวี่ยงเบ็ดตกปลาลงน้ำสองพ่อลูกเฮฮามีความสุข อีกด้านหนึ่งกานดาเอาแซนวิชใส่จานส่งให้ชัช ที่นั่งขรึมอยู่
“พี่โชคเค้าก็เป็นอย่างนี้แหละ ชัช เคยกลัวใครที่ไหน”
กานดาพูดปลอบโยนชัช
“แล้วพี่ดากับลูกล่ะครับ ไม่กลัวเหรอ” กานดาอึ้ง “ถ้าเขาตัวคนเดียว จะห้าวยังไงผมไม่ว่า แต่ถ้าเรื่องมันมาถึงพี่ดากับชิน จะทำยังไง...”
ชัชยังพูดไม่จบ เสียงโชคตะโกนลงมา
“ดา ขอกาแฟกินแก้วซิ”
“ค่ะ”
กานดาหันไปปรุงกาแฟ ชัชถอนใจ
ขณะนั้นที่ข้างเรือ กงพัด โผล่ขึ้นมาจากน้ำทะเลอย่างเงียบเชียบ มองขึ้นไปบนเรือเห็นชินภัทรกับโชคยืนอยู่ที่กราบเรือ โชคสอนชินภัทรเฝ้าดูเบ็ดตกปลาแล้วเดินไปอีกทาง โชคหลบมายืนอยู่อีกมุมที่ร่มกว่า กานดาเอากาแฟมาให้
“กาแฟค่ะ”
โชคจิบกาแฟแล้วเบ้หน้า
“ใส่น้ำตาลเทียมมาอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย”
“หมอเค้าสั่งให้คุณลดน้ำตาลลงบ้าง ดาก็เลย...”
“มันไม่อร่อย เข้าใจไหม ไปชงมาใหม่ไป คนอย่างฉัน ไม่ตายเพราะน้ำตาลหรอกน่ะ”
กานดาเดินออกไปโชคมองไปอีกทางแล้วชะงัก เมื่อเห็นกราบเรืออีกด้านมีรอยน้ำเปียกเป็นทาง โชคเดินไปดู
“น้ำอะไร”
กงพัดยืนซุ่มอยู่ จ้องมองโชคจากทางด้านหลัง โชคมองตรวจตราไปรอบๆ ไม่เห็นความผิดปกติอะไร แต่เข้าไปอยู่ในมุมที่เป็นทางเดินข้างกราบเรือแคบๆ ไม่มีทางหลบได้
“ดา กาแฟน่ะ กินวันนี้นะ”
โชคตะโกนบอกภรรยา
“ค่ะ ค่ะ”
เสียงขยับปืนจากทางด้านหลัง กริ๊ก โชคสังหรณ์เลยหันไปมองจึงเห็นชายในชุดประดาน้ำ ใส่หน้ากากมิดชิด ยืนจังก้า ปืนฉมวกในมือเล็งมาที่เขา
“เฮ่ย”
โชคร้องอย่างตกใจกงพัดลงมือยิงทันที โชคพุ่งตัวหนี พอดีกานดาถือกาแฟเดินสวนเข้ามาพอดี ขวางทางไว้
“ว้าย”
กานดาร้องด้วยความตกใจ กงพัดลงมือทันที ฉมวกพุ่งตรงมาที่โชค ในนาทีคับขันโชคกระชากกานดามาบังด้วยสันชาตญาณเอาตัวรอด ฉมวกปักเข้าที่กลางอกของเธอ! ถ้วยกาแฟตกแตกกระจาย
กานดาสะดุ้งเฮือก เลือดทะลักออกมาทางปาก ตาของเธอเหลือกค้าง คิดไม่ถึงว่าโชคจะทำแบบนี้ กงพัดก็ตกใจเช่นกัน
ชัชวิ่งเข้ามาพร้อมปืนในมือ ชัชไม่ทันเห็นเหตุการณ์ก่อนหน้า เห็นตอนกานดาโดนยิงแล้ว)
“พี่กานดา”
กงพัดได้สติจะหนี
“ชัช จับมันไว้”
โชบอกน้องชาย กงพัดกระโดดลงน้ำหนีไปชัชวิ่งตามไป ยิงสกัด แต่ไม่ทัน ร่างนั้นจมดิ่งหายไปไม่เหลือร่องรอย ชินภัทรวิ่งเข้ามาจากอีกด้านหนึ่ง
“พ่อ ผมได้ยินเสียงปืน...” ชินภัทรชะงักเมื่อเห็นกานดาจมกองเลือด “แม่!”
ชินภัทรเดินเข้ามากอดศพแม่ อึ้ง โชคกอดปลอบลูกชาย ชัชมองภาพนั้นด้วยสีหน้าหนักใจ สังหรณ์ว่าเรื่องร้ายๆ ที่ตนกลัว กำลังจะเริ่มขึ้น
สำนักงานของ ส.ส. ปฐวี เลิศวิทยา ที่ทำการพรรคสันติไทย ภายในห้องทำงาน ส.ส. ปฐวี วัย 48 ปี แต่งตัวหน้าผมเนี๊ยบราวกับนายแบบ อ่านหนังสือพิมพ์ที่พาดหัวข่าว “บุกยิงโชคกลางทะเล เมียดับอนาถ” และมีภาพข่าวของโชค ปฐวีเงยหน้าขึ้นบ่นกับ ดนัย เลขาฯ คนสนิท บ่นกึ่งขำกึ่งไม่พอใจ
“ไม่ได้เรื่อง!ระยะแค่นี้ ทำไมถึงพลาดได้”
“มือคงสั่นน่ะครับท่าน มันคงเป็นมือใหม่”
“มันทำพลาดครั้งนี้ ครั้งต่อไปก็ยากแล้ว นักเลงเก่าอย่างนายโชคคงไม่เปิดโอกาสให้ใครอีกง่ายๆ... ไอ้มือปืนกระจอกเอ๊ย ไม่น่าเลย”
ปฐวีโยนหนังสือพิมพ์ลงที่โต๊ะอย่างเซ็งๆ
อีกด้านหนึ่งที่ถนนข้าวสาร ภายในห้องพักเล็กๆ ซึ่งดูเรียบง่ายสมถะ มีแค่เตียง พรมหน้าเตียง และขวดน้ำเปล่าที่เรียงเป็นระเบียบ หน้าต่างห้องปิดหมด มีแสงแดดยามบ่ายส่องลอดบานเกล็ดเข้ามาเป็นทาง เผยให้เห็นพระคัมภีร์วางอยู่บนเตียง
กงพัดใส่เสื้อกล้าม กางเกงยีนส์ เห็นรอยสักรูปดวงอาทิตย์ที่แขน กำลังติดต่อกับใครคนหนึ่งผ่านมือถือ
“ภารกิจไม่สำเร็จ”
กงพัดกดส่งข้อความมีข้อความตอบกลับมาทันที
“รออยู่ที่นั่น หาโอกาสลงมืออีกครั้ง”
กงพัดลบทิ้ง สีหน้ามีทั้งหนักใจและสับสนนิดๆ
หลายวันต่อมาที่บ้านโชค...เปิดไฟสว่างทั้งหลัง รอบๆ บ้านมีลูกน้องโชคและรปภ. เฝ้าระวังเป็นระยะๆ โชคกับชัชใส่ชุดไว้ทุกข์เถียงกันอยู่ในห้อง
“ฉันไม่เห็นด้วยว่ะ ไม่อยากให้ชินไปเรียนต่อตอนนี้ มันอันตรายเกินไป” โชคบอก
“แต่ยังไงชินก็ต้องเรียนต่อนะพี่ ที่นั่นเป็นโรงเรียนสอนการบริหารจัดการโรงแรมที่ดีที่สุดแห่งนึงในโลกเชียวนะ เขามีการดูแลที่เข้มงวดมาก...ชินจะปลอดภัย” ชัชย้ำประโยคสุดท้าย
“ยังไงฉันไม่สบายใจ ฉันอยากให้ชินอยู่ที่นี่ ฉันคุ้มครองลูกฉันเองได้โว้ย”
“อย่างที่พี่คุ้มครองพี่กานดาน่ะเหรอครับ” โชคชะงักอึ้งไป ถึงแม้จะแน่ใจว่าชัชไม่รู้ว่าตนทำให้กานดาต้องตาย แต่โชคก็อดกลัวไม่ได้ “ชินต้องไปครับ พี่โชค ตราบใดที่เรายังไม่รู้ว่าคนที่ต้องการฆ่าพี่เป็นใครชินยิ่งอยู่ห่างจากพี่มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น!”
โชคอึ้งหันไปที่ประตูห้อง เห็นชินภัทรยืนอยู่ โชคเดินไปหาลูกชาย
“พ่อไม่อยากให้ลูกไปเลย.. แต่อาชัชเค้าก็มีเหตุผล พ่อรักลูกนะ” โชคกอดชินภัทร ชินภัทรกอดตอบ
“ผมก็รักพ่อครับ...ดูแลตัวเองดีๆ นะครับ พ่อ”
ชัชมองภาพพ่อลูกกอดกัน รู้สึกเป็นภาระอันใหญ่หลวงของตัวเอง ที่ต้องปกป้องหลานและพี่ชาย
หลังจากวันนั้นชัชก็พาชินภัทรไปเรียนต่อที่ Caux Palace (โคซ์ พาเลส) ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
ชัชกับชินภัทรลงจากรถที่ด้านหน้าโรงเรียน
“ที่นี่เรียกว่า Caux Palace สร้างมาตั้งร้อยกว่าปีแล้ว เป็นโรงแรม 5 ดาวแห่งแรกในสวิสเซอร์แลนด์เชียวนะ” ชัชบอกแล้วเห็นชินภัทรทำหน้ากังวล “เป็นอะไร ทำไมทำหน้าหยั่งงั้น”
“อดเป็นห่วงพ่อไม่ได้น่ะครับ อาชัชว่าพวกมันจะกลับมายิงพ่ออีกใช่ไหม”
“ชิน” ชัชจับไหล่ชินภัทรหันมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หน้าที่ของชินมีอย่างเดียว คือตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด เรื่องที่เมืองไทยมันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ อย่าเอามาใส่ใจ มันไม่เกี่ยวอะไรกับชิน”
“อาชัชรู้ได้ยังไงครับ ว่ามันไม่เกี่ยวกับผม มันอาจจะอยากฆ่าพวกเราทุกคนก็ได้”
ชัชอึ้งไป เสียงพอลเรียกมาจากด้านหลัง
“Khun Chat. Khun Chinnapat. Hello. (คุณชัช คุณชินภัทร สวัสดีครับ)”
ชัชกับชินภัทรหันไป เห็นคุณพอลเดินยิ้มแย้มมากับวินัย ชายหนุ่มอีกคนที่ดูเรียบร้อย ใส่แว่นแบบนักวิชาการคงแก่เรียน
“Hi, Khun Paul. (สวัสดีครับ คุณพอล)” ชัชทักพอล
“How are you Khun Paul.” ชินภัทรพูดกับพอล
“Oh! very well. May I introduce Winai. He’ll be responsible for all Thai students here.” พอลแนะนำวินัย
“สวัสดีครับ” ชัชทัก วินัย
วินัยขยับแว่น พูดอย่างเคร่งขรึม
“ผมมีหน้าที่ดูแลนักเรียนไทยทุกคนที่อยู่ที่นี่ เชิญข้างในเลยดีกว่าครับพวกเรากำลังรอคุณอยู่”
“พวกเรา? ใครเหรอครับ” ชินภัทรถามอย่างแปลกใจ
“เด็กนักเรียนไทยที่เพิ่งมาเรียนที่นี่พร้อมกับคุณยังไงล่ะครับ ไปทำความรู้จักเพื่อนของคุณกันดีกว่า”
ชินภัทรกอดลาชัช แล้วเดินตามวินัยและพอลเข้าไปในตึกอันโอ่อ่า ชัชมองตาม เป็นห่วงหลานนิดๆ
วินัยพาชินภัทรเดินเข้ามาที่ห้องโถง ที่โซฟามี พีชญา เด็กสาวหน้าตาเซอร์ๆ นั่งสับไพ่ทาโรต์เล่นอยู่ อีกมุม เห็น ภูษณะ เด็กหนุ่มหน้าตากวนๆ นั่งฟังเพลง ไม่สนใจใคร
“ปีนี้เรามีนักศึกษาหลักสูตรปริญญาตรีจากเมืองไทยทั้งหมด 4 คน” วินัยบอกแล้วกวักมือเรียกทุกคนมา “ทุกคนครับ มารู้จักเพื่อนใหม่กันหน่อย พีชญา นี่ชินภัทร ชินภัทร นี่พีชญา”
วินัยแนะนำ พีชญามองชินภัทรอย่างถูกชะตา รีบส่งมือให้จับ
“เรียกพีชก็ได้ ดีใจจังที่มีเพื่อนคนไทย”
พีชญากุมมือชินภัทรอยู่นาน ชินภัทรยิ้มแล้วดึงมือออกอย่างสุภาพ
“แล้วนั่นล่ะ”
ชินภัทรมองไปทางภูษณะที่ฟังเพลงเฉย หน้าตากวนสุดๆ วินัยเดินเข้าไปดึงเฮดโฟนออกจากหูภูษณะ
“ภูษณะ มาทำความรู้จักกับเพื่อนๆ ก่อน”
วินัยบอก ภูษณะมองชินภัทร กวนๆ
“เราชื่อภูษณะ โอเคป่ะ”
ภูษณะเอาหูฟังกลับไปอย่างเดิม วินัยมองเซ็งๆ พิชญาค้อนภูษณะ
“อย่าไปสนใจเลย ท่าทางมันไม่ค่อยเต็มเท่าไหร่”
ภูษณะมองพีชญาอย่างไม่พอใจ เพราะได้ยินที่พิชญาพูด
“ไหนว่ามี 4 คนไงครับ แล้วอีกคนหนึ่งล่ะ”
“อยู่นี่” เสียงของ ไปรมา นั่นเองเธอพูดขึ้นเสียงใสพร้อมกับเดินเข้ามาด้วยท่าทางดูเป็นคุณหนูไฮโซ ที่มั่นใจในตัวเองมาก
“ฉันชื่อไปรมา หรือจะเรียกว่าไป๋ก็ได้” ชินภัทรจะแนะนำตัว ไปรมายกนิ้วชี้แกว่งไปมาตรงหน้า
“โนๆๆ ไม่ต้องพูด ฉันรู้จักทุกคนดี พ่อฉันตรวจสอบประวัติทุกคนอย่างละเอียดแล้ว ก่อนจะส่งฉันมาที่นี่”
ชินภัทรหมั่นไส้ไปรมา
“ขนาดนั้นเลยเหรอ พ่อเธอเป็นใคร ใหญ่โตมาจากไหนไม่ทราบ”
“ส.ส. ปฐวี เลิศวิทยา รองหัวหน้าพรรคสันติไทย ประธานกรรมการบริษัทไพรม ดีเวลอปเมนต์ พ่อฉันสั่งไว้ ให้เลือกคบแต่เพื่อนดีๆ” ไปรมาบอกแล้วมองชินภัทร “ลูกมาเฟียอย่างเธอนี่ พ่อฉันสั่งให้อยู่ห่างๆ เลย เพราะอาจจะโดนลูกหลงได้”
ไปรมาลอยหน้าลอยตาพูด ชินภัทรเถียงเสียงแข็ง
“พูดให้มันดีๆ หน่อย มาเฟียมันหมายถึงคนไม่ดี คนที่ทำเรื่องผิดกฏหมาย พ่อฉันไม่ใช่คนแบบนั้น”
ส่วนที่เมืองไทยขณะนั้นที่ทำการพรรคสันติไทยมีห่ากระสุนรัวยิงป้ายที่ทำการพรรคสันติไทยจนพรุน เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ควันเขม่าปืนตลบ รถกันกระสุนคันหนึ่งจอดอยู่ห่างออกไป โชคนั่งอยู่ในรถ มองลูกน้องรัวกระสุนใส่ป้าย แล้วหัวเราะสะใจ
“แหม ขนาดปิดกระจกเสียงยังดังได้ใจ...จริงไหมวะ ไอ้เป๋ง”
โชคถามลูกน้องคนสนิท เป๋งตอบอย่างอ่อนใจ
“ครับ นาย”
มือปืนหยุดยิง เพราะมีคนให้สัญญาณ แล้วรีบหนีไปด้วยมอเตอร์ไซค์ อึดใจหนึ่ง รถของปฐวีแล่นเข้ามา ปฐวีกับ ดนัย ลูกน้องคนสนิทเห็นป้ายพรรคกระจุยกระจายก็ตกใจ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” ปฐวีกับดนัยวิ่งลงมาดู ปฐวีโกรธมาก “ใครกันเนี่ย ดนัย นี่มันฝีมือใคร”
เสียงรถโชคแล่นผ่านมา ปฐวีหันมองไปเห็นโชคนั่งยิ้มอยู่ในรถ มองออกมาที่ตน พร้อมกับทำมือเป็นรูปปืน แล้วทำท่ายิง ปังๆๆๆ ใส่เหมือนเด็กๆ อย่างสนุก
ขณะที่รถคันนั้นแล่นผ่านไป ปฐวีมองตามด้วยความแค้น
“ไอ้โชค”
อ่านต่อหน้า 2
กุหลาบซาตาน ตอนที่ 1 (ต่อ)
ชัชยืนอยู่ในล็อบบี้ ของโรงแรมสุดหรู มองเทรอ เขากำลังคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“แล้วสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง” ชัชเดินวนไปวนมา ขณะฟังอีกฝ่ายพูดทางปลายสาย
“โอเค ตอนนี้ทุกคนอยู่เฉยๆ ก่อน ห้ามทำอะไรทั้งนั้น ฉันจะรีบกลับไป”
ชัชวางสายอย่างหนักใจ แล้วชะงักเมื่อรู้สึกได้ว่าผู้หญิงคนหนึ่งเดินเฉียดมาทางด้านหลัง กลิ่นน้ำหอมโชยกรุ่น ชัชรำพึงออกมาอย่างลืมตัว
“กลิ่นกุหลาบ”
ชัชมองตาม ก็เห็น โรส ฮอลเลอร์ จากทางด้านหลังในชุดเดรสสีแดงเปลือยไหล่ มีผ้าชีฟองบางๆ สีแดงสดพาดไว้หลวมๆ ชายผ้าและผมยาวพริ้วตามจังหวะเดิน โรสเดินเร็วๆ ห่างออกไป ชัชมองตามอย่างประทับใจ
โรสเลี้ยวที่หัวมุม ก่อนจะลับหายไป ชัชเห็นใบหน้าด้านข้าง เหมือนโรสพรายยิ้มนิดๆ เหลือบมองมาทางเขาอย่างไม่ตั้งใจ ชัชตะลึงในความสวย แล้วเห็นผ้าชีฟองสีแดงของเธอหล่นอยู่ที่พื้น ชัชหยิบขึ้นมา แล้วมองตาม จึงเห็นร่างของโรสกำลังเลี้ยวลับไปอีกด้าน
“Hey, Miss.” ชัชตะโกนเรียกแต่โรสไม่หัน ชัชจึงเดินตามไป
โรสเดินผ่านแจกันกุหลาบแดงของโรงแรม เธอหยิบมา 1 ดอก ยิ้มนิดๆ แล้วเลี้ยวไปทางเดินที่ออกไปทางด้านหน้าโรงแรม
ชัชถือผ้าพันคอสีแดงตามมา ร่างของโรสหายไป เห็นแต่กลีบกุหลาบแดงโรยไว้ที่พื้นเป็นทาง ชัชเดินตามกลีบกุหลาบไป โรสออกมายืนรอที่ริมถนนหน้าโรงแรม ชัชเห็นโรสยืนอยู่ ขยับจะออกไปหา จังหวะนั้นมีรถแล่นมาจอดเทียบ โรสเปิดประตูก้าวขึ้นรถ ชัชเดินตามออกไป โรสเข้ารถไปแล้ว
“Excuse me, Miss”
ชัชชะงักเพราะรถแล่นออกไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงกลีบกุหลาบแดง 4-5 กลีบที่พื้นถนน ชัชยืนถือผ้าพันคอสีแดงในมือมองตามอย่างทึ่ง ประทับใจ
วันต่อมา โชคกำลังยิงปืนขู่ขึ้นฟ้า เสียงดังปัง! อยู่ภายในบ้านของเขา
“เอากุญแจรถมา ไอ้เป๋ง”
เป๋งอยู่ที่ถนนหน้าบ้าน หอบกุญแจรถทุกคันเอาไว้กับตัว ท่าทางกลัวแต่พร้อมสู้ รอบๆ ข้างมีลูกน้องคนอื่น และรปภ. ยืนแอบดูอย่างลุ้นระทึก
“ไม่ได้ครับ นาย นายจะออกจากบ้านไม่ได้”
“มึงห้ามกูเหรอ ไอ้เป๋ง” โชคเงื้อปืนขู่อีกครั้ง “เดี๋ยวนี้มึงกล้าห้ามกูเลยเหรอ”
“เปล่าครับ แต่นายชัชสั่งไว้ ถ้าผมปล่อยให้นายออกจากบ้าน ผมจะโดนไล่ออก ผมไม่อยากตกงาน”
“แล้วมึงอยากตายไหม” โชคเล็งปืนไปทางเป๋ง “เอากุญแจรถมา ไอ้เป๋ง ไม่งั้นมึงตาย”
เป๋งกอดกุญแจแน่น หลับตาปี๋ ขาสั่น จังหวะนั้นรถแล่นเข้ามาในบ้าน ชัชรีบลงมา
“อะไรกัน พี่โชค”
เป๋งวิ่งไปหลบหลังชัช โชคตอบเหวี่ยงๆ
“อยู่บ้าน ไม่มีอะไรทำ เลยจะยิงไอ้เป๋งเล่น...แกมาก็ดีแล้ว จะปล่อยฉันออกจากบ้านได้รึยัง อยู่เฉยๆ เบื่อจะตายอยู่แล้ว”
“ถ้าพี่อยู่เฉยๆ จริง ป้ายพรรคสันติไทยมันถล่มลงมาได้ยังไง มานี่เลย พี่โชค เรามีเรื่องต้องพูดกัน”
ชัชเข้าไปลากแขนพี่ชาย แต่โชคสะบัดออกอย่างรำคาญ
“พูดอะไรเล่า ไปพูดกันข้างนอกก็ได้ ฉันไม่อยากอยู่บ้าน ไปร้านนวดตีนก็ยังดี”
ชัชไม่สนใจลากแขนโชคเข้าบ้าน โชคขัดขืน แต่ในที่สุด ก็โดนชัชลากเข้าบ้านไปจนได้...
ที่ถนนฝั่งตรงข้ามบ้านโชค เห็นรถคันหนึ่งที่มีสติ๊กเกอร์ บริการติดเคเบิ้ลทีวีจอดอยู่ที่เสาไฟฟ้า ที่เสาไฟฟ้าต้นนั้นมีบันไดสูงพาด ด้านบนเห็นกงพัดอยู่ในชุดช่าง แอบอยู่หลังเสาไฟ
กงพัดยกกล้องขนาดจิ๋วส่องดู เห็นลูกน้องโชคยืนยามเป็นระยะๆ เห็นการรักษาความปลอดภัยแน่นหนา สีหน้ากงพัดหนักใจ
กงพัดกลับห้องพักแล้วเอารูปภาพที่ถ่ายมาติดบนผนังอย่างตั้งใจ...ผนังข้างหนึ่งในห้องกงพัด มีภาพถ่ายบริเวณรอบบ้านโชคหลายสิบภาพจากมุมต่างๆ ติดเต็มผนัง ถัดไปมีฟลอร์แปลน บ้านโชค ที่กงพัดเขียนเองแผ่นใหญ่ มีเครื่องหมายระบุตำแหน่งของกล้องวงจรปิด
เสียงเมสเสจเข้า กงพัดเปิดดู เห็นข้อความถามเหตุการณ์ “เป็นยังไงบ้าง”
กงพัดพิมพ์ข้อความ
“ระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนามาก ยังเข้าถึงตัวไม่ได้”
กงพัดกดส่ง แล้วมีข้อความตอบกลับมา
“คงต้องใช้วิธีอื่น ฉันจัดการเอง”
กงพัดวางโทรศัพท์ หนักใจ แล้วหันมาสำรวจภาพถ่ายและฟลอร์แปลนอีกครั้ง
ที่ประเทศสวิสเวอร์แลนด์ไปรมากำลังเดินจะไปขึ้นแคมปัสลิงค์ ระหว่างทาง มีนักเรียนเดินผ่าน ยิ้มแย้มทักทายกัน
“Bonjour. Hello. Bonjour.”
ไปรมาเดินไปกดปุ่มเรียกรถแคมปัส ลิงค์ แล้วเห็นชินภัทรเดินมา ไปรมาสะบัดหน้าใส่ ชินภัทรงง
รถมาถึง ไปรมาเข้าไป แล้วกดปิด
“เฮ้ย”
ชินภัทรพรวดเข้าไป เอาตัวขวางประตูไว้ แล้วเข้าไปจนได้รถเคลื่อนขึ้นไป ชินภัทรต่อว่าไปรมา
“รู้จักมีมารยาทบ้างไหม หรือว่าเป็นลูกส.ส. เป็นอภิสิทธิ์ชนซะจนเคยตัว”
“ฉันไม่ได้เคยตัวเพราะเป็นลูกส.ส. แต่ที่ไม่รอ เพราะไม่อยากอยู่ใกล้ลูกมาเฟีย”
“นี่ บอกแล้วไงว่าอย่ามาเรียกพ่อฉันว่ามาเฟีย”
“จะเรียก จะทำไม” ไปรมาสวนกลับ ชินภัทรโมโห ไปรมายิ่งท้าทาย “เธอจะทำอะไรฉันเหรอ หรือว่าจะเอาปืนไปยิงถล่มหน้าห้องฉัน เหมือนอย่างที่พ่อเธอทำ”
“เธอพูดอะไร”
“นี่ไง” ไปรมาเปิดรูปในโทรศัพท์ให้ดู เป็นภาพป้ายพรรคสันติไทยพังพินาศ “นี่ละ ผลงานของพ่อเธอ”
“โทษทีนะ ตรงไหนมันบอกเรอะ ว่าพ่อฉันเป็นคนทำ” ชินภัทรย้อนถามอย่างกวนๆ
“ทำชั่วไม่มีหลักฐาน มาเฟียก็เป็นแบบนี้เหมือนกันทุกคน รึว่าไม่จริง”
ชินภัทรโมโห กระชากแขนไปรมาเข้ามา
“ไป๋!”
ไปรมาไม่กลัว เชิดหน้าอย่างท้าทาย
“ทำไม! ลูกมาเฟีย”
“หยุดนะ”
“ไม่! มาเฟียๆๆ”
ชินภัทรกับไปรมาท้าทายกัน จนหน้าจะชนกันอยู่แล้ว แต่ทั้งคู่ไม่รู้ตัว แคมปัสลิงค์มาถึงชั้นบนพอดี ปิ๊ง ชินภัทรกับไปรมาได้สติ ด้านนอกมีเด็กนักเรียนยืนรอเต็มไปหมด ทุกคนมองชินภัทรกับไปรมาอย่างงงๆ ในกลุ่มนั้นมีพีชญาอยู่ด้วย พีชญาตาโต ตกใจ ประตูเปิดออก ไปรมาเดินกระฟัดกระเฟียดออกไป ชินภัทรเดินตามออกมา หน้าตายังฉุนๆ พีชญารีบถาม
“ชิน...นี่เธอกับยัยไป๋...”
พีชญาพูดไม่ทันจบ ชินภัทรก็เดินโมโหๆ ออกไป พีชญารีบตาม
ชินภัทรเดินมาที่โรงอาหารซึ่งขณะนั้นนักเรียนกำลังกินอาหารเช้ากันอยู่ ชินภัทรกับพีชญาถือถาดมาลงนั่งที่โต๊ะเดียวกัน แต่ชินภัทรยังมีสีหน้าเครียดๆ
“ตกลงว่าเธอกับยัยไป๋ทะเลาะกันเรื่องอะไร”
พิชญาถามอย่างแปลกใจ ชินภัทรมองเขม่นไปที่ไปรมาที่นั่งเชิดอยู่อีกโต๊ะ และกำลังมองมาที่ชินภัทรเหมือนกัน
“พรรคสันติไทยโดนถล่ม เค้าหาว่าพ่อเราเป็นคนทำ”
ภูษณะที่นั่งอยู่ข้างไปรมา ถามขึ้นมาบ้าง
“ทำไมถึงคิดหยั่งงั้นล่ะ แปลว่าพ่อเธอกับพ่อไอ้ชินภัทรไม่ถูกกันงั้นสิ”
“คุณพ่อฉันไม่ลดตัวไปคบหากับพวกนักเลงอันธพาลหรอก แต่ท่านทำธุรกิจโรงแรมเหมือนกับพ่อชินภัทร คุณพ่อฉันอาจจะไปขัดผลประโยชน์ของเค้าเข้าก็ได้”
ไปรมาพูดกับภูษณะแต่ยังมองเขม่นไปที่โต๊ะชินภัทรกับพีชญา ชินภัทรประสานสายตาท้าทาย ไม่ยอมแพ้ พีชญามองค้อนไปทางโต๊ะไปรมาแล้วบอกกับชินภัทร
“เธอน่าจะเตือนพ่อเธอนะ ชิน เพราะถ้าพ่อยัยไป๋เค้าคิดว่าพ่อเธอเป็นคนทำเค้า เค้าคงต้องเอาคืนแน่”
ส่วนที่เมืองไทย เช้าวันต่อมาที่บ้านโชค รถโรงแรมขับเข้ามาจอด ลูกน้องโชคยืนระวังโดยรอบ คนขับรถถือกล่องกระดาษสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่สีขาว ผูกโบว์สีแดงงดงามลงมา ทุกคนมองอย่างระวัง เป๋งเดินออกมามอง ลูกน้องคนหนึ่งประคองกล่อง เข้ามาส่งให้เป๋ง
“อะไรวะ” เป๋งถามลูกน้อง
“ไม่รู้ มีคนเอามาส่ง บอกว่าของนาย”
เป๋งมองกล่องอย่างไม่สบายใจ
ขณะนั้นโชคกับชัชกำลังนั่งกินอาหารเช้าด้วยกัน โชคตักน้ำตาลใส่ลงในแก้วกาแฟเต็มช้อนพูน ชัชมองอย่างตกใจ โชคจะตักเพิ่มอีก ชัชดึงโถน้ำตาลหนี
“ไอ้ชัช” โชคทำเสียงไม่พอใจ
“หวานพอแล้วพี่”
“อย่าเสือก”
“เค้าเรียกว่าห่วง กินหวานมากมันอันตราย”
“นั่นแหละเสือก เอามานี่”
โชคจะคว้าโถน้ำตาลแต่ ชัชเอาโถหลบ ทั้งสองลุกขึ้นปล้ำแย่งโถน้ำตาลกันเหมือนเด็กๆ จนไปชนเข้ากับเป๋ง ที่ประคองกล่องเข้ามา กล่องหลุดมือเป๋งลอยหวือขึ้นฟ้าแล้วตกลงไปที่พื้นมุมห้อง เป๋งโดดหลบไปไกล ทิ้งตัวลงกับพื้น เอามือปิดหน้า
“เย้ยยยย”
เงียบ! เป๋งเงยหน้าขึ้นมา เห็นชัชกับโชคมองอย่างแปลกใจ
“ไอ้เป๋ง เป็นอะไร” โชคถามเป๋งมองไปที่กล่องมุมห้อง สั่นๆ
“ผม...ผมนึกว่า...”
“กล่องอะไรเป๋ง ทำไมต้องกลัวขนาดนั้น” ชัชถามอย่างแปลกใจ
“ไม่รู้ครับ...มีคนส่งมาให้นาย”
ชัชกับโชคมองหน้ากัน แล้วมองกล่องที่พื้น
ชัชค่อยๆ แกะโบว์ มีโชคคอยถือปืนระวังอยู่ข้างๆ
“ระวังตัวนะ ชัช...ได้ยินเสียงติ๊กต่อกๆ อะไรรึเปล่า” ชัชตั้งอกตั้งใจแกะโบว์จนเสร็จ กำลังจะเปิดฝากล่อง “เฮ้ย อย่าเพิ่ง” ชัชชะงัก “เผื่อตู้มต้ามขึ้นมา อันตราย ให้ไอ้เป๋งเปิดแทน”
“เอ๊า นาย” เป๋งร้องเสียงหลง
“มึงตัวคนเดียว พ่อแม่ก็ตายหมด ลูกเมียก็ไม่มี จะกลัวอะไร”
“กลัวตายสิครับนาย”
ชัชไม่สนใจเปิดกล่อง
“ไม่มีอะไรหรอก พี่ ไม่ต้องกลัว ไม่ใช่ระเบิดแน่”
ชัชหยิบของในกล่องขึ้นมาเป็นดอกกุหลาบแดงก้านยาว 1 โหล ยังมีน้ำเกาะพราวที่กลีบ ทั้งสวยสดและหอมกรุ่น ชัชแปลกใจแต่ก็โล่งใจ
“กุหลาบ”
“ใครมันบ้าส่งกุหลาบมาให้ฉัน” โชคหันไปถามเป๋ง “มาได้ยังไงวะ”
“รถของโรงแรมเราเอามาส่งให้ครับ แต่ไม่ได้บอกว่าของใคร”
โชคยิ่งแปลกใจ ชัชบอก
“มีการ์ดอยู่ข้างในด้วยพี่”
ชัชเปิดอ่าน การ์ดสีครีมพิมพ์นูนเป็นลายดอกกุหลาบ ด้านในเขียนด้วยลายมือสวยงาม
“ถึง คุณโชค ชนารณพ ฉันจะยินดีมาก ถ้าหากคุณจะให้เกียรติมาพบฉัน สองทุ่มครึ่ง คืนนี้...โรส ฮอลเลอร์”
“โรส ฮอลเลอร์!ใคร? ไม่เห็นรู้จัก”
โชคบอกแล้วทำหน้าสงสัย ชัชเอาการ์ดในมือขึ้นมาดม ได้กลิ่นน้ำหอมกุหลาบจางๆ รู้สึกสังหรณ์ใจยังไงพิกล
คืนนั้นชัชจึงตัดสินใจไปพบเจ้าของกุหลาบแทนโชค...ที่ห้องสวีทของโรงแรม
ดอกกุหลาบแรกแย้มสีแดงถูกใช้แตะไล้ไปตามช่วงคอระหง ไหล่ และเนินอกของสาวสวยคนหนึ่ง...ที่แท้เป็นโรสนั่นเอง เธอแต่งตัวชุดราตรีสีแดงฉ่ำ สวย หรู เซ็กซี่นิดๆ เกล้าผมสวย ทาปากสีแดง รับกับสีของชุดสวย เนื้อตัวหอมกรุ่นด้วยน้ำหอมกลิ่นกุหลาบ
โรสวางกุหลาบลง มองตัวเองในกระจก เธอดูสวย สง่างาม และเย้ายวนยิ่งกว่ากุหลาบแดงดอกนั้น
เสียงกริ่งหน้าประตูดัง โรสเดินมาจากห้องด้านใน ผ่านห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งอย่างหรู แบบยุโรปคลาสสิก มีแชนดาเลียร์และแจกันคริสตัส บรรจุกุหลาบแดงช่อใหญ่ แสงไฟในห้องดูโรแมนติก
“เชิญค่ะ”
โรสบอกเสียงหวานดูมีสเน่ห์ ประตูเปิดเข้ามาโรสยืนอยู่ในท่วงท่าที่มีเสน่ห์สุดๆ แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามา ชัชเองก็ชะงักแทบจะหยุดหายใจเมื่อเห็นภาพตรงหน้า เธอคือสาวสวยที่เขาเคยประทับใจ
“คุณ”
โรสแปลกใจที่คนที่มาไม่ใช่โชค อึ้งไป
“คุณ”
“ผมนึกไม่ถึงว่า โรส ฮอลเลอร์ จะเป็นคุณ” ชัชบอกอย่างดีใจ “คุณพูดภาษาไทย แล้วหน้าตาท่าทางก็เหมือนคนไทยมาก”
โรสตั้งสติได้
“ฉันเป็นคนไทยค่ะ แต่พ่อบุญธรรมของฉันท่านเป็นชาวสวิสฉันโตที่นั่น แต่คุณ ไม่ใช่คุณโชค ชนารณพ” โรสยิ้มแล้วยื่นมือไปให้จับ ชัชจับมือเธอแล้วแนะนำตัวเอง
“ผมชัช ชนารณพครับ เป็นน้องชาย เผอิญว่าช่วงนี้พี่โชคไม่สะดวกจะออกมาพบใคร...คุณอยากพบพี่โชคทำไมครับ”
โรสมองชัชนิ่ง ลังเล ไม่รู้จะพูดดีไหมจึงเชิญชัชนั่งก่อน
ชัชนั่งที่โซฟาแล้วยกชาขึ้นดื่ม มองไปที่โรสที่นั่งอยู่ตรงข้าม ดูสวยและลึกลับในเวลาเดียวกัน โรสนั่งนิ่ง ประสานมือไว้ตรงหน้าอย่างคนใช้ความคิดชัชวางถ้วยชาลง
“ว่ายังไงครับ คุณโรส จะบอกผมได้หรือยังว่าคุณต้องการพบพี่โชคเรื่องอะไร”
โรสมองชัช แล้วตัดสินใจพูด
“คุณเชื่อเรื่องสัมผัสพิเศษไหมคะ” ชัชมองโรสเป็นเชิงถาม “ที่คนบางคน จะรู้สึกได้ถึงอันตราย ก่อนที่มันจะมาถึง”
“คุณหมายถึงลางสังหรณ์”
“ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่การคาดเดา หรือการทำนาย” โรสมองตาชัชด้วยสีหน้าจริงจัง
“แต่ฉันเห็นมันจริงๆ เหมือนกับว่ามันเกิดขึ้นตรงหน้าฉัน...สิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว และสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ...กับพี่ชายคุณ” ชัชอึ้งไป มองหน้าโรสอย่างแปลกใจ และค้นหา โรสลุกขึ้นยืน สีหน้าผิดหวัง เสียใจ “คุณไม่เชื่อ”
โรสลุกหนีไปอีกทางชัชลุกตามไป พยายามอธิบาย
“ผมขอโทษ แต่จู่ๆ ก็มีผู้หญิงสาวสวย ท่าทางทันสมัย มาจากเมืองนอกเมืองนาอย่างคุณ มาบอกผมว่า...”
โรสหันมาประจันหน้ากะบชัชแล้วพูดสวนด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ฉันเห็นเรือลำใหญ่ ที่มีคุณอยู่บนนั้น” ชัชชะงัก “แล้วหลังจากนั้นไม่กี่วันฉันก็เจอข่าวนี้”
โรสหยิบกระดาษที่พรินต์ภาพข่าวโชคถูกลอบยิงที่มีภาพชัชอยู่ด้วย ส่งให้ชัช “ฉันรู้สึกเหมือนฉันอยู่ในเหตุการณ์นั้น ฉันเห็นผู้หญิงคนนั้น เธอเจ็บมาก” โรสหลับตา ท่าทางหวาดกลัว ระหว่างที่พูด ภาพของสิ่งที่เกิดขึ้นแว่บเข้ามา ปังๆๆ “ฉมวก เลือด แก้วกาแฟที่ตกแตก”
ชัชสะดุ้งเพราะในเนื้อข่าวไม่มีใครลง ว่ากานดาทำแก้วกาแฟแตก โรสลืมตา จ้องมองชัชด้วยแววตาจริงใจและวิงวอน
“ฉันกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ฉันทรมานมาก ฉันเลยต้องมาหาคุณที่นี่”
“เพื่ออะไร”
ชัชถามอย่างแปลกใจ โรสกุมมือชัช
“ฉันมาเตือนคุณ มันยังไม่จบ มันกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง...คุณโชคกำลังอยู่ในอันตราย”
น้ำเสียงและสีหน้าของโรสดูขลัง น่าเชื่อถือ แววตาเต็มไปด้วยความห่วงใย ชัชถึงกับอึ้ง
คืนนั้นหลังจากชัชกลับไปแล้ว รูปถ่ายโชคกับชัชที่ถูกตัดมาจากแมกกาซีนผู้ชาย ที่ลงสัมภาษณ์พี่น้องนักธุรกิจ ทั้งสองคนดูดี ยิ้มแย้มมีความสุข... รูปนั้นถูกยื่นไปอังเปลวเทียน เปลวเทียนไหม้ ตรงหน้าโชค เป็นวงกลม มือเลื่อนออกจึงเห็นโรส ในชุดนอนหยิบรูปที่เป็นรูไหม้ตรงหัวโชคขึ้นมามอง ยิ้มสะใจ
“โชค ชนารณพ แกเสวยสุขมานานเกินไปแล้ว ต่อจากนี้ไป ถึงเวลาแล้ว ที่แกจะต้องใช้กรรม”
โรสมองรูปชัชที่อยู่ข้างๆ ปลายนิ้วแตะไล้ที่ไปที่ใบหน้าของชัช ยิ้มเจ้าเล่ห์
“ทุกอย่างที่เคยเป็นของฉัน ของพ่อแม่ฉัน ฉันจะเอากลับคืนมา...” โรสแตะรูปชัช “แล้วคุณ ก็ต้องช่วยฉัน คุณชัช”
ส่วนชัชเขาเชื่อตามที่โรสบอก คืนนั้นชัชจึงแวะมาหาโชคที่บ้านเพื่อบอกเรื่องนี้แต่โชคโวยวายไม่เชื่อ
“เหลวไหล ฉันว่ายัยโรสนี่ต้องเป็นพวก 18 มงกุฏ หวังมาหลอกเอาเงิน...ถ้าเดาไม่ผิด ฉันคงจะต้องไปเสียเงิน ให้แม่เจ้าประคุณแก้กรรมหรือสะเดาะเคราะห์ล่ะซี”
“ถ้าคุณโรสเป็นคนหิวเงิน ผมจะดูไม่ออกเลยเหรอครับ พี่โชค” ชัชพยายามอธิบาย “ที่เค้ามาเตือนพี่ เพราะเค้าเชื่อว่ามันเป็นหน้าที่ของเขา พระเจ้าให้สัมผัสพิเศษกับเค้า เพื่อให้มาช่วยเพื่อนมนุษย์”
“ยิ่งเลอะเทอะกันไปใหญ่ แกก็หลงเชื่อเข้าไปได้ ท่าทางจะสวยล่ะซี” โชคดักคอ
“ก็... มันไม่ใช่อย่างงั้น พี่ ตอนแรกผมก็ไม่อยากเชื่อ แต่คุณโรสเค้าพูดว่า เค้าเห็นพี่ดาทำถ้วยกาแฟตกแตก...เค้ารู้ได้ยังไงพี่ ไม่มีหนังสือพิมพ์ฉบับไหนลงเรื่องนี้นะ แล้วคุณโรสเค้ารู้ได้ยังไง”
โชคนิ่งไป สีหน้าเริ่มกังวลนิดๆ
“ถ้าเค้าเห็นจริง เค้าเห็นหน้าไอ้มือปืนไหมล่ะ รู้ไหม ว่ามันเป็นใคร”
“เธอเห็นไม่ชัด” โชคเบะปากเยาะหยัน “เธอบอกว่า พี่ต้องพาเธอกลับไปที่นั่น เราต้องไปเริ่มที่ที่เกิดเหตุ”
“เรา? เฮ้ย แกอย่าบอกนะว่า...”
“ครับพี่ ผมรับปากคุณโรสแล้ว พี่กับผมจะพาเธอไปที่เรือนั่น พรุ่งนี้”
โชคอึ้งไป ไม่ค่อยสบายใจ กลัวโรสจะมองเห็นเหตุการณ์วันนั้นได้จริงๆ แล้วเห็นว่าเขาคือคนฆ่ากานดา
วันต่อมา กงพัดปรากฏตัวขึ้นที่มารีน่า ของโรงแรม Blue Ocean Marina ในคราบของนักท่องเที่ยวที่มาตกปลา เขาใส่แว่นกันแดด ใส่หมวก ในมือมีเบ็ดและกล่องอุปกรณ์ตกปลาพร้อม...
ขณะเดียวกันนั้นที่เรือของโชค พนักงานสองคนกำลังเตรียมความเรียบร้อยของเรือ มีอุปกรณ์ตกปลา กล่องเหยื่อ เบ็ด เครื่องดื่ม ขนมจุกจิก
“นายบอกหรือเปล่าว่าจะมากี่โมง”
พนักงานคนหนึ่งถามขณะเรียงของไปด้วย
“ไม่รู้ บอกว่าบ่ายๆ ยังไงก็เตรียมไว้ให้พร้อมแล้วกัน ถ้าจะเอาอะไรแล้วไม่ได้อย่างใจละมึงเอ๊ย ระเบิดตูมๆ” พนักงานอีกคนบอก
“อ้าว นาย หวัดดีครับ”
พนักงานคนแรกแกล้งบอกทำให้อีกคนสะดุ้งหันขวับ ถึงรู้ว่าโดนหลอก
“ไอ้เวร ตกใจหมด นี่เสร็จรึยัง เสร็จก็ไปกันได้แล้ว”
ทั้งคู่พากันเดินออกไป กงพัดมองอยู่เห็นพนักงานออกจากเรือแล้วจึงแอบเดินเข้าไป!
อ่านต่อวันพรุ่งนี้ พฤหัสบดี 20 ตุลาคม 2554