ติดตามอ่านละครออนไลน์ได้ทาง www.manager.co.th ทุกเช้าเวลา 09.00 น.
รอยไหม ตอนที่ 18
ศิริวงศ์กำลังร่างเอกสารโต้ตอบบริษัทอีสเอเชียติก คู่สัญญาค้าไม้ อยู่ในห้องทำงาน ครู่หนึ่งก็ลุกจากโต๊ะ พักสายตาพักสมอง ขณะเดียวกัน มณีรินเปิดประตูเข้ามาในห้อง ศิริวงศ์เห็นมณีริน เขาค่อยๆหลบไม่ต้องการเผชิญหน้า มณีรินวางเองสาร การแปล ลงบนโต๊ะทำงานของศิริวัฒนา
ศิริวงศ์ซ่อนตัวเงียบ คิดว่าเดี๋ยวมณีรินก็คงออกไป แต่นางกลับเดินมาที่ตู้หนังสือใกล้กับที่เขาแฝงตัวอยู่ ศิริวงศ์แอบมองมณีรินจากช่องแคบๆ...มณีรินมองหาหนังสือในตู้อย่างสนใจ ศิริวงศ์ทำของล้นลงเสียงดัง มณีรินหันขวับมาและเดินตรงเข้ามา ศิริวงศ์คว้าหนังสือมาทำเป็นเปิดแทบไม่ทัน มณีริน เผชิญหน้าศิริวงศ์ในที่แคบและตัน
“เจ้านางน้อย”
“สุมาเต๊อะ เฮาคิดว่า บ่มีใครอยู่”
“เฮามาเตรียมเอกสารให้เจ้าอ้ายเปิ้น”
“เฮาก็เอาเอกสารที่เปิ้นให้ช่วยแปลมาส่ง”
“แล้ววันนี้เจ้านางน้อยขึ้นไปเยี่ยม เปิ้นแล้วก๊ะ”
“เปิ้นนอนพัก บอกเอาไว้แค่ ไม่ให้ใครเข้าไปรบกวน”
ทุกอย่างเงียบงันเหมือนไม่รู้จะพูดคุยเรื่องอะไร
“อดทนอีกหน่อย เน้อ”
“เฮา อยากได้หนังสือสักเล่ม”
ทั้งคู่พูดออกมาพร้อมกัน จนต่างฝ่าย ต่างฟังไม่รู้เรื่อง
“สุมาเต๊อะ เจ้านางน้อยว่าอะหยังนะ”
“เฮาว่า เฮาอยากได้หนังสือสักเล่มไปอ่านเวลาว่างๆ”
“หนังสือประวัติศาสตร์พงศาวดาร”
“อะไรก็ได้ เฮาอ่านได้ทั้งนั้น”
“ตู้ทางโน้น มีหนังสือโนเวลดีๆ อยู่หลายเล่ม เชิญเจ้านางน้อยทางโน้นเต๊อะ”
มณีรินต้องเดินนำออกมาก่อนจากซอกแคบๆ นั้น ศิริวงศ์ตามมาห่างๆ
+ + + + + + + + + + + +
ศิริวัฒนานอนอยู่บนเตียง เริ่มกระสับกระส่ายร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด ขณะที่บัวเงินที่บริกรรมคาถาไป แต้มทาน้ำมันผีพราย ชะโลมร่างกายไปทั่วทุกจุด เม้ยเฝ้าดูนายด้วยความทึ่ง บัวเงินเร่งความเร็วท่องคาถาขึ้นอีก
ศิริวัฒนาร้อง ดิ้นทุรนทุรายเสียงดัง จนมหาดเล็กต้องผลักประตูเข้ามาช่วยกันจับ เจ้าหลวง พระชายา ตกใจ รีบตามเข้ามา ศิริวัฒนาดิ้นอย่างแรง จนมหาดเล็กต้องช่วยกันจับ กดตัวเอาไว้
“ลูก...ลูก”
“ปล่อยกู...ปล่อยกู” ศิริวัฒนาดิ้นรน
ในช่วงเวลานั้น มณีรินรับหนังสือมาจากศิริวงศ์ ที่อธิบายให้ฟัง...
“นักประพันธ์โนเวลเล่มนี้มีชื่อเสียงมาก เจ้านางน้อยลองเอาไปอ่านดูเต๊อะ”
ทั้งคู่สบตากันได้เพียงเสี้ยววินาที แต่สิ่งที่ติดต่อสื่อสารกัน ผ่านทางสายตามากมาย มณีรินชะงักเพราะเสียงร้องของศิริวัฒนา ดังลงมาถึงข้างล่าง
“เจ้าอ้าย...”
ศิริวงศ์รีบวิ่งออกไปทันที มณีรินตามออกไป เมื่อทั้งคู่เข้าไปในห้องนอนศิริวัฒนา ก็เห็นมหาดเล็กกดตัวศิริวัฒนาอยู่ ศิริวัฒนาดิ้นรน เตะถีบ เจ้าหลวง ยืนตกใจอยู่ พระชายาร้องไห้ ศิริวงศ์รีบเข้าไปช่วย
“เจ้าอ้าย...เจ้าอ้ายครับ”
มณีรินก้าวเดินเข้าไปหา
“เจ้ากะเจ้า...เจ้า”
ศิริวัฒนาค่อยๆสงบลงกลายเป็นร้องคราง ฮือ ฮือ ศิริวัฒนาเห็นมณีริน ศิริวงศ์หันมามองมณีรินเห็นที่คอมณีรินห้อยพระองค์นึง
“เจ้าริน...อ้ายอิดขนาด” ศิริวัฒนาเสียงสั่น
มณีรินเอื้อมมือมาจับมือศิริวัฒนาไว้ ศิริวงศ์มองภาพนั้นอย่างเศร้าใจ
+ + + + + + + + + + + +
บัวเงิน หยุด ร่ายคาถามนต์เรียกผัว กระหยิ่มยิ้มย่อง
“อีเม้ย”
“กะเจ้า หม่อม”
“เดี๋ยวมึงคอยออกไปต้องฮับเจ้าอ้ายของกูหน้าเฮือน เจ้าอ้ายของกูเปิ้น กำลังจะมา”
“หม่อมฮู้ได้จะได้เจ้า”
“มึง บ่ เชื่อมนต์ฮ้องผัวของกูก๊ะ”
บัวเงินยิ้มอย่างมั่นใจมากำ
ทางด้านมณีริน พระชายา ช่วยกันป้อนน้ำศิริวัฒนาที่ดูอิดโรย เจ้าหลวงหันมาหาศิริวงศ์
“สามวันดี สี่วันไข้ อย่างนี้ พ่อว่าตามหมอฝรั่งเก่ง ๆ จากกรุงเทพฯให้ขึ้นมาช่วยดูหน่อยเต๊อะ ศิริวงศ์”
ศิริวงศ์รับปากไปก่อนให้สบายใจ
“ครับ พ่อเจ้า”
“เจ็บตรงไหนปวดตรงไหนอีกบ้างไหมลูก ถ้าแม่เจ็บแทนลูกได้ แม่ก็ยินดีจะฮับมาเน้อ”พระชายาบอก
ศิริวัฒนายิ้มเศร้า ซึ้งใจ
“มันเป็นเวรเป็นกรรมอะหยังของลูกก็ บ่ ฮู้ งานการก็บ่ได้ทำต้องเป็นภาะให้ศิริวงศ์เปิ้น”
“บ่ เป็นหยังดอกอ้าย อ้าย พักผ่อนให้มากๆ เต๊อะ อีก บ่ เมินน้องว่าอ้ายจะต้องหาย”
“ในห้องนี้มันอุดอู้ ข้าเจ้าว่าเจ้าออกไปเดินเล่น ข้างนอกบ้างเต๊อะได้ฮับอากาศดีๆ จะได้สดชื่นขึ้นบ้าง” มณีรินแนะ
+ + + + + + + + + + + +
(อ่านต่อหน้า 2)
บัวเงินนอนคอยเคลิ้มใจ แต่หงายก็แล้ว ตะแคงขวาก็แล้ว ตะแคงซ้ายสองสามรอบก็แล้ว แต่เม้ยก็ไม่มีวี่แววว่าจะมาส่งข่าวดี บัวเงินชักหงุดหงิด ลุกออกมาบัวเงินโผล่ออกมานอกชาน
“อีเม้ย...อีเม้ย...อีเม้ย”
เม้ยวิ่งหน้าตั้งกลับเข้ามาตีนบันได
“กะเจ้าหม่อม เม้ยมาแล้วเจ้า”
“กูสั่งให้มึงคอยเฝ้าหน้าเฮือนแล้ว มึงหายหัวไปไหนมา”
“เม้ยเดินออกไปดูตรงนี้เองกะเจ้าหม่อม”
“จะไดเจ้าอ้ายของกู ยังบ่มา มึงวิ่งไปดูซิ”
“เม้ยไปดูมาแล้ว กำลังจะมารายงานหม่อมอยู่นี่ละเจ้า”
“อะหยัง...มึงไปผ่ออะหยังมา”
เม้ยไม่ตอบ แต่พาบัวเงิน เข้ามามุมนึงแล้วหยุดมอง
“หม่อมดูเอาเองเต๊อะเจ้า”
สายตาบัวเงินเห็นศิริวัฒนา เดินเล่นกลางสนามหญ้ากับมณีริน ศิริวัฒนาดูอ่อนแรงเป็นคนป่วย จนมณีรินต้องคอยประคอง
“อย่างนี้นี่เอง กูร้องเท่าไรผัวกูก็ บ่ ได้ยินเสียงกู”
“มันน่าจิกหัวกบาล แล้วตบให้ฟันร่วงแต๊ๆ นะเจ้าหม่อม”
“แค่นั้นมันยังบ่สาสมดอกอีเม้ยอี่นี่มันฮู้จักคนอย่างกูน้อยไป”
บัวเงิน เดินตรงรี่เข้าไปทันที เม้ยตามติดคิดว่างานนี้มันแน่
มณีรินประคองศิริวัฒนาเดินเล่น บัวเงินกับเม้ยเข้ามา
“เจ้าอ้าย” บัวเงินเรียกเสียงแข็ง
มณีรินกับ ศิริวัฒนา หันมามองบัวเงิน
“ใครบอกให้ลงมา”
มณีรินแปลกใจที่บัวเงินเกรี้ยวกราดดุดัน
“ข้าเจ้าเอง เป็นคนแนะนำให้เปิ้นลงมาฮับอากาศดีๆบ้างจะได้สดชื่น”
“แล้วอากาศข้างบนห้องมัน บ่ดีตรงไหน”
“ทั้งอับ ทั้งมืด คนเจ็บจะอยู่สบายได้ยังไงกันเอื้อยบัวเงิน”
“สาระแน”
มณีรินอึ้งที่วันนี้บัวเงินมาแรง
“กลับขึ้นห้องไปเดี๋ยวนี้เจ้าอ้าย”บัวเงินจ้องเขม็ง
“พี่ขอเดินเล่นอีกสักหน่อยนึง”
บัวเงินฉุนกึก ศิริวัฒนาหันไปหามณีริน
“พาอ้ายไปดูต้นโศก ต้นโน้นหน่อยเต๊อะ เจ้ารินมันกำลังออกดอกอยู่ใช่ก๊ะ”
ศิริวัฒนาเดินออกมากับมณีริน บัวเงินจ้องเขม็งงึมงำท่องคาถาแล้วเป่าออกไป ศิริวัฒนาชะงักกึก เหมือนอาการปวดหัวกลับมากะทันหัน บัวเงินไม่รีรอ ตรงรี่เข้าฉุดดึง ศิริวัฒนาจากมณีริน บัวเงินที่ทั้งดึง ทั้งป้าย น้ำมันเสน่ห์ใส่ศิริวัฒนา
“เฮาสั่งให้กลับขึ้นข้างบนไปเดี๋ยวนี้ บ่ ได้ยินก๊ะ”
“เปิ้นบ่ อยากขึ้น เอื้อยมาบังคับเปิ้นทำไม” มณีรินไม่พอใจ
“มึงอยากลองดีกับกูก๊ะ”
บัวเงินผลักมณีรินจนล้มลงไปกับพื้น
“เอื้อย หยุดเดี๋ยวนี้เน้อ” เสียงศิริวงศ์ ดังขึ้น
บัวเงินชะงัก ศิริวงศ์เข้ามา
“เอื้อย ฮู้ตัวก่อว่ายะอะหยังลงไป”
บัวเงินพลิกลิ้นเป็นหวานได้ทันที
“เจ็บก่อ เจ้านางน้อย ทำไมอยู่ดีๆก็ล้มลงไปอย่างนี้น ลุกขึ้นเต๊อะลุกไหวก่อ มาเอื้อยจะช่วยเน้อ”
บัวเงินทำขยับจะช่วย แต่ศิริวงศ์ประคองมณีรินให้ลุกขึ้น
“เอื้อย...เฮาจะขอเตือนเอื้อยเป็นครั้งสุดท้าย ด้วยความหวังดี เอื้อยยะอะหยังลงไปก็ขอให้เลิกซะ ยังบ่ สายเกินไป”
บัวเงินชะงักกึก ไม่แน่ใจว่าศิริวงศ์รู้อะไรบ้าง
“เอื้อยก็ขอสุมาเจ้านางน้อยเปิ้นแล้วไง บ่ ยกโทษให้เอื้อยก๊ะ เจ้านางน้อย”
“บ่ เป็นหยัง”
ศิริวงศ์เตือนสติอีกครั้ง
“เอื้อย”
บัวเงินสลดลง
“ก็เอื้อยเป็นห่วงเจ้าอ้ายเปิ้น เปิ้นบ่ สบายอย่างนี้ พาเปิ้นลงมาตากแดด ตากลมได้ยังไง”
“เฮาปวดหัว” ศิริวัฒนาร้องขึ้น
บัวเงินได้ทีรีบเข้าไปประคองศิริวัฒนา
“หันก่อ...ไข้คงกลับมาอีกแล้ว กลับขึ้นห้องดีกว่าเนาะ เจ้าอ้ายเนาะ”
“เฮาจะกลับขึ้นห้องบัวเงิน พาอ้ายไปที อ้ายบ่ชอบที่นี่เลย”
“เจ้า...น้องรู้เจ้า”
บัวเงินประคองศิริวัฒนาออกไป เม้ยยิ้มเยาะมณีรินแล้วตามออกไป มณีรินงงแล้วงงอีก ศิริวงศ์เครียดกับอาการของพี่ชาย
+ + + + + + + + + + + +
คำเที่ยงบอกถึงอาการของศิริวัฒนาว่า น่าจะถูกทำคุณไสย มณีรินตกใจมาก
“พี่คำเที่ยง เอาอะหยังมาพูด เฮา บ่ เชื่อดอก เป็นไปบ่ได้”
“พี่น่ะ เคยเห็นกับตามาแล้วเน้อ เจ้าริน อาการอย่างเจ้าศิริวัฒนาเปิ้นเป็นอยู่เนี่ยมันอาการของคนโดนของแต๊ๆ แล้วคนทำก็บ่ใช่ใคร...หม่อมบัวเงินน่ะแหละ ตัวดี”
“เปิ้นจะทำอย่างนั้นทำไม พี่คำเที่ยง ในเมื่อเจ้าเปิ้นก็ฮัก ยกย่องเปิ้นเป็นหม่อมของเปิ้นอยู่แล้ว”
“หม่อมเปิ้นคง บ่ ทำดอก ถ้าบ่มีเจ้ารินเข้ามา”
“ฮักนักก็เอาไปคนเดียวเลย เฮาบอกแล้วว่าเฮาบ่อยากได้ บ่คิดจะแย่งชิงของของใคร”
“แต่เปิ้น บ่ คิดอย่างนั้นน่ะสิเจ้าริน เจ้ารินเองก็ต้องระวังตัวให้มากๆเน้อ ของพรรค์นี้ เฮามอง บ่เห็นดอก”
“พี่คำเที่ยงอย่างเที่ยวพูดเรื่องนี้ไปเชียวนะ”
“ยิ่งต้องพูดซิเจ้าริน เฮาต้องช่วยกันตัดไฟเสียแต่หัวลม”
“แล้วพี่คำเที่ยง บ่ คิดก๊ะว่ามันจะเป็นการปรักปรำเปิ้น เรื่องนี้มันผิดอาญาแผ่นดินโทษหนัก เน้อพี่คำเที่ยง”
“ใครทำชั่วอะหยังไว้ มันก็ต้องได้ฮับกรรมของมันซิเจ้าริน”
“บ่...เฮายังเชื่อว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิด เจ้าเปิ้นบ่สบายด้วยโรคอะหยังสักอย่าง ที่หมอเปิ้นยังหาสาเหตุ บ่ เจอ เท่านั้นเอง”
“โธ่...เจ้าริน”
“เลิกพูดเรื่องนี้เสียทีพี่คำเที่ยง เฮา บ่อย่ากได้ยิน บ่อยากได้ฟัง”
คำเที่ยงหงุดหงิด มณีรินเองก็ว้าวุ่นใจไม่น้อย
+ + + + + + + + + + + +
ศิริวัฒนาหลับไปแล้วแต่ยังร้องครางฮือๆ บัวเงินนอนกอดไว้...
“หม่อมเชื่อเม้ยเต๊อะ อีมณีรินมันก็ต้องฮู้ดีว่าหม่อมกำลังทำอะหยังอยู่ โบราณเปิ้นว่า ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ บ่ผิดดอก”เม้ยใส่ไฟ
“มันคงเจ็บใจบ่ใช่น้อย ที่กูชิงเจ้าอ้ายของกูคืนมาได้ มันคงกำลังคิดหาทางแกล้งกูอยู่ ใช่ก่ออีเม้ย”
“เจ้า คนมารยาสาไถยอย่างมัน บ่ยอมแพ้หม่อมง่ายๆดอกเจ้า เผลอๆคราวนี้มันต้องตั้งใจเล่นงานหม่อมแน่ๆ หม่อมต้องระวังตัวให้นักๆนะเจ้า”
“อีสารเลว ฝันไปเต๊อะ มึงฮู้จักคนอย่างกูน้อยไป อีมณีริน”
บัวเงินอาฆาตแค้น...
(อ่านต่อวันพรุ่งนี้)