ในรอยรัก
ตอนที่ 7
มัสลินลืมตาตื่นขึ้น มองเหม่อขึ้นเพดานสีหน้าเครียดเมื่อนึกถึงคลิปอุบาทว์ของตัวเอง ในที่สุดก็หลับตาแบบจะหนีความรู้สึกแย่ๆนั้น แต่แล้วพลันนึกถึงจิรดา
“แม่...”
มัสลินผุดลุกขึ้นนั่ง หน้าเจื่อนสนิท กลัวว่าจิรดาอาจรู้เรื่องคลิปแล้ว หญิงสาวก้าวฉับๆ มาหาพัดที่กำลังจัดโต๊ะอาหาร
“แม่ละน้าพัด”
“เห็นว่าออกไปซื้อโจ๊กให้คุณมัสน่ะค่ะ พัดจะไปให้ก็ไม่เอา คงยังดีใจที่คุณมัสได้เป็นนางเอกละครไม่หายน่ะค่ะ”
มัสลินหน้าเสีย ฟังพัดแล้วยิ่งไม่สบายใจ แป้นวิ่งถือหนังสือพิมพ์เข้ามา หน้าซีดเผือด เพราะข่าวคลิปบนเตียงมัสลินหราอดยู่บนหน้าหนึ่ง “คุณมัสคะ!”
มัสลินมองหนังสือพิมพ์ หน้าเสีย
“ฉบับวันนี้ใช่มั้ย” มัสลินฉวยมา “แม่เห็นรึยัง”
พัดมองอย่างสงสัย “ไม่ทราบค่ะ”
มัสลินเหลือบมองที่หนังสือพิมพ์ ในมือแล้วรีบพับ ให้ภาพข่าวพ้น ๆ สายตา ขณะนั้นก้าวเข้ามาแล้วตบเปรี้ยงที่ใบหน้ามัสลิน แป้นร้องตกใจ พัดปราดมาห้าม “คุณมัส!”
“พวกแกไสหัวไป ไป๊ฉันบอกให้ไป!” จิรดาว่าแล้วกระชากแขนมัสลินมาตบตีไม่ยั้ง “นังลูกสารเลว! ฉันไม่น่าเผลอคิดดี ๆกับแกเลย แกมันชั่ว! เพราะเลือดชั่ว ๆในตัวแก”
มัสลินล้มลงกับพื้น น้ำตาร่วง พัดปราดเข้ากางแขนกั้นร่างมัสลินไว้จากจิรดา
“พอซะทีค่ะคุณดา นี่มันเรื่องอะไรกันคะ พัดไม่ยอมให้คุณดาทำอะไรคุณมัสแล้วนะคะ”
“ปล่อยแม่เถอะน้าพัด ...มัสเองก็อยากตาย ๆไปซะทีเหมือนกัน”
“คิดว่าฉันไม่กล้าใช่มั้ย คิดว่าฉันไม่กล้าใช่มั้ย”
จิรดาเข้าใส่มัสลินอีก พัดจับข้อมือจิรดาไว้แน่น สีหน้าขึงขังเอาจริง
“คุณดา! พัดบอกแล้วไงคะว่าอย่าทำอะไรคุณมัสอีก!”
“อีพัดนี่แก!” แป้นงงงัน ทำอะไรไม่ถูก มัสลินร้องไห้โฮอย่างปวดร้าว
ที่บ้านของกานน อุษยามองกุเทพสลับกับกานนระหว่างทานอาหาร อย่างจับผิด กุเทพกับกานนทานอาหารไปอย่างเงียบเชียบ ไม่มองหน้า ไม่พูดจากัน อุษยาจึงเอ่ยขึ้นเสียงขรึม
“เธอสองคนเป็นอะไรกัน...” อุษยาเหลือบตามองกานน “ตาปลิว?” กานนเงียบ ไม่ตอบคำถามอุษยา อุษยาเหลือบสายตาไปที่กุเทพ
“ฉันถามว่าเธอสองคนเป็นอะไรกัน ไม่ได้ยินที่ฉันถามหรือ”
กุเทพวางช้อน-ส้อมลง พลันตีหน้ายิ้มสนุกให้อุษยา “ก็เป็นหลานคุณย่าน่ะสิฮะ”
อุษยาตบโต๊ะปัง “ย่าไม่ขำ!”
สาวใช้สองคน สะดุ้งเฮือก แต่สีหน้ายังเรียบเฉย กุเทพมองอุษยาอย่างประหลาดใจ “คุณย่า...”
“ตั้งแต่ลงมาเธอสองคนยังไม่พูดกันสักคำ พอฉันถามก็ไม่มีใครตอบ เห็นฉันเป็นหัวหลักหัวตอรึยังไง” กานนสูดหายใจลึก สีหน้าอึดอัด กุเทพฝืนยิ้มกับกานน
“เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรใช่มั้ยครับอาปลิว”
กานนอึกอัก อุษยาแทรกขึ้น
“ถ้าคิดจะโกหกก็ไม่ต้องเสียเวลาเลย ที่เธอสองคนเป็นอย่างนี้เพราะม่านมัสลินใช่มั้ย” รอยยิ้มกุเทพหายวับ ละสายตาจากกานน อุษยายิ้มเยาะ แววตาเจ็บปวด
“ฉันเลี้ยงพวกเธอมาพร้อม ๆกัน เพื่อที่จะโตขึ้นมาแล้วแตกคอกันเรื่องผู้หญิงแบบม่านมัสลินน่ะเหรอ ฟังให้ดีเลยนะทั้งคู่ ผู้หญิงคนนี้จะไม่มีวันเหยียบเข้ามาในบ้านรัตนรัช ไม่ว่าจะในฐานะไหนทั้งนั้น”
“ถ้าสาเหตุมาจากเรื่องรูปของผมกับมัสลินที่หัวหิน มันไม่มีอะไรเลยครับคุณอา ผมกับมัสลินบังเอิญเจอกันที่นั่น” กานนบอก
“อาบอกเหรอว่าที่อาห้ามไม่ให้เราสองคนคบกับม่านมัสลินน่ะเป็นเพราะรูปที่ปลิวว่า”
กานนขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจ อุษยาปรายตาไปที่สาวใช้ พักเดียวสาวใช้หยิบหนังหนังสือพิมพ์มาค้อมหัว วางให้สอง-สามฉบับ กานนกับกุเทพมองหนังสือพิมพ์นั้นงงๆ อุษยายิ้มเยาะ
“นี่ยังไม่มีใครเห็นข่าวเลยรึ ...หึ...แม่ม่านมัสลินนี่ท่าจะทำบุญกับหลานๆ ฉันมาดีนะ คลิปโฉ่ไปทั้งเมืองออกอย่างนี้ พวกเธอยังไม่เห็นได้ยังไง”
อุษยาจับหนังสือพิมพ์ ฉบับหนึ่งวางโครมใกล้กานนกับกุเทพ...บนหน้าหนึ่งหนังสือพิมจะเห็นกรอบข่าวใหญ่ เป็นภาพเปลือยของมัสลินกับผู้ชายคนหนึ่ง แต่เบลอในส่วนที่เปลือย
กานนมองข่าวในหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ ขมวดคิ้วตกใจ กุเทพคว้าหนังสือพิมพ์มาอย่างหงุดหงิด “ไม่จริง มัสลินไม่มีวันทำอะไรแบบนี้ ผมคบเค้ามาผมรู้”
อุษยาลุกขึ้น ไม่ฟังเสียงกุเทพ
“ตาปลิว ทานเสร็จแล้วไปพบอาที่ห้องทำงาน” อุษยาบอกแล้วหันไปทางกุเทพ “แกควรจะทำ
ใจยอมรับความจริงซะบ้าง เลิกคิดว่าแม่นั่นเป็นเทพธิดาได้แล้ว”
อุษยาว่าแล้วเดินออกไปทันที กานนมองกุเทพที่จ้องหนังสือพิมพ์ในมืออย่างร้อนใจ
“ปล่อยมัสลินแก้ปัญหาด้วยตัวเค้าเอง อย่าทำให้คุณย่าไม่สบายใจไปกว่านี้” กานนบอก
“งั้นเหรอฮะ ทำไมผมต้องทำตามคำพูดอาด้วย”
“เพราะฉันเป็นอาแกไง ฉันพูดอย่างไหนแกก็ต้องทำอย่างนั้น”
“อาปลิวเก่งนะฮะ เกิดเรื่องอย่างนี้แล้วยังวางท่าเป็นคุณอาที่แสนดีได้”
“ฉันบอกแล้วไงว่าวันนึงแกจะเข้าใจฉัน”
“ไม่ต้องรอถึงวันไหนหรอกครับ วันนี้ผมก็เข้าใจอาได้ ...ถ้าอาเลิกยุ่งเกี่ยวกับมัสลิน” กานนนิ่งไป กุเทพมองกานนอย่างหมดศรัทรา “แค่นี้อาก็รับปากผมไม่ได้ ถ้างั้นอานั่นละฮะ เลิกยุ่งกับชีวิตผมได้แล้ว!”
กุเทพตบโต๊ะปัง ลุกหนีไป กานนส่งเสียงตาม สีหน้าว้าวุ่น
“กุเทพ!”
กุเทพขับรถออกจากบ้านพลางกดโทรออกหามัสลิน เสียงสัญญาณปลายสายดังลอดออกมาว่าปิดโทรศัพท์ กุเทพลองกดใหม่อีกอย่างว้าวุ่นใจ
เวลาผ่านไป...กุเทพชะลอรถอยู่ที่บริเวณหน้าบ้านมัสลิน กุเทพมองออกไปจากในรถ เห็นนักข่าวออเต็มหน้าบ้าน มีรถจอดเรียงราย กุเทพมีสีหน้าว้าวุ่น “มัส...”
มัสลินยืนมองนักข่าวจากหน้าต่างห้องตัวเอง เสียงสัญญาณว่ามีข้อความเข้าดังจากโทรศัพท์มือถืออยู่โดยตลอดโทรศัพท์มือถือมัสลินมีแสงวาบ มัสลินตรงมาหยิบขึ้นดู ทอดถอนใจเครียด ก่อนจะกดโทรออก
กุเทพซึ่งขับรถห่างออกจากบ้านมัสลิน มองหน้าจอโทรศัพท์ กดรับอย่างร้อนใจเมื่อเห็นชื่อมัสลิน
“มัส!เป็นไงบ้าง”
มัสลินพูดตอบ สีหน้าไร้ชีวิตชีวา “มัสไม่เป็นไรค่ะ ชินแล้วมังคะ”
“นี่พี่เพิ่งเลี้ยวรถออกจากหน้ารั้วบ้านมัส นักข่าวเต็มเลย ให้พี่กลับไปมั้ย”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ที่มัสโทรมาก็อยากจะขอโทษพี่กุที่มัสไม่ได้รับสาย แล้วก็อยากรบกวนพี่กุช่วยไปเยี่ยมพี่เก๋แทนมัสทีค่ะ”
“ไม่เห็นต้องบอกเลย ยังไงพี่ต้องไปเยี่ยมพี่เก๋อยู่แล้ว ส่วนเรื่องปิดมือถือ พี่เข้าใจมัสนะครับ”
“ขอบคุณพี่กุที่เข้าใจมัสนะคะ”
มัสลินยิ้มบางๆ เสียงจิรดาดังแว่วเข้ามาจากหน้าต่าง
“นี่มันบ้านส่วนตัวนะ จะมาเฝ้าหาอะไรก๊าน!” มัสลินหันมองตามเสียงไปที่หน้าต่าง
“สิทธิส่วนบุคคลน่ะรู้จักกันบ้างมั้ย!”
มัสลินตรงไปที่หน้าต่าง หน้าเสีย มัสลินมองจากหน้าต่างไปที่หน้าบ้าน เห็นจิรดากำลังไล่ตะเพิดนักข่าวที่ออหน้าบ้าน ที่ประตูมีเสียงเคาะรัว มัสลินหันขวับ แป้นเปิดประตูเข้ามาหน้าตาตื่น
“คุณดาอาละวาดนักข่าวใหญ่แล้วค่ะคุณมัส”
มัสลินฟังแป้นสีหน้าว้าวุ่นใจ
มธุรินเดินวนไปวนมาอยู่ที่ประตู แบบรอคอยอะไรสักอย่าง สักพักมีเสียงเคาะประตู มธุรินรีบเปิดอย่างร้อนรน แม่บ้านยกตั้งหนังสือพิมพ์สี่ห้าฉบับเข้ามา มธุรินปราดตามองหนังสือพิมพ์เหล่านั้น
“คุณแม่ยังไม่เห็นแน่นะ”
“คุณบัวบงกชยังไม่ลงมาเลยค่ะ”
“วางไว้ตรงนั้นแหละ แล้วออกไปได้”
แม่บ้านทำตาม แล้วค้อมหัวเดินออกประตูไป มธุรินหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งขึ้นดู แล้วรีบวางลง สีหน้าว้าวุ่นใจหนังสือพิมพ์นั้น มีข่าวมัสลินกรอบใหญ่ มธุรินโยนหนังสือพิมพ์นั้นแล้วทิ้งตัวลงบนเตียง สีหน้าครุ่นคิดสับสน
ทางด้านพิณสุดาขณะนั้นเธอกำลังเดินคุยโทรศัพท์มือถือตรงไปหาแมสเซนเจอร์ที่หน้ารั้วบ้าน
“แค่จะแวะเอาเอกสารมาให้ฉันก่อนขึ้นเครื่องมันยากนักรึยังไงฮึนายโก้”
เสียงพีระพลดังรอดให้เราได้ยิน “รีบรับรีบเปิดดูเหอะน่ะ รับรองเซอร์ไพรส์”
พินสุดาคุยพลางรับเอกสารจากแมสเซนเจอร์ “จากคุณโก้ครับ”
“ฮื่อ ขอบใจ”
เมสเซนเจอร์ขี่มอร์เตอร์ไซค์ออกไป พิณสุดาแง้มดูในซองเอกสารหนาตึบในมือแล้วหัวเราะ
“นี่แกอุตส่าห์ให้คนไปค้นหนังสือพิมพ์ในหอสมุดมาเลยเหรอ”
“ข่าวซุบซิบลงกันเกือบทุกเล่มว่าบัวบงกชแอบตั้งท้อง!”
พิณสุดาฟังพีระพลที่ปลายสาย ด้วยสีหน้าพอใจ
“...ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ นะ ว่านังมัสลิน... มันเป็นลูกของแม่ยัยเดียร์...”
พิณสุดายิ้มมุมปาก มองซองเอกสารอย่างหมายมาด ขณะนั้นรถมธุรินแล่นเข้ามาจอด พิณสุดาหันมองแล้วยิ้มประหลาดใจ “ตายยากจริงๆ เลย”
กระจกหน้าต่างคนขับรถมธุรินเคลื่อนลง มธุรินยื่นหัวมาส่งเสียงเรียก “กิ๊บ!”
พิณสุดาพามธุรินเข้ามานั่งในห้องนั่งเล่น ซองเอกสารวางอยู่บนโต๊ะ พิณสุดาวางมือทับซองเอกสารไว้ พลางเคาะนิ้วเพลินๆ “ถึงกับต้องหนีแม่มาหาฉันเลยเหรอ”
มธุรินมีสีหน้าร้อนใจ คว้ามือพินสุดามากุมไว้
“แกต้องช่วยฉันนะกิ๊บ ถ้าแม่รู้ว่าฉันเป็นคนสั่งปล่อยคลิปมัสลิน ฉันตายแน่” พิณสุดามองลงที่มือมธุรินบนซองเอกสาร
“แกไม่สงสัยมั่งเหรอว่าทำไมแม่แกถึงโปรดปลื้มมัสลินนัก”
“ก็ฉันเคยบอกแกแล้วไงว่ามัสลินเป็นลูกของแฟนเก่าเอ้อ!เพื่อนสนิทแม่ฉัน ...ลูกเพื่อน แกจะไม่รักเหรอ แกมาช่วยฉันคิดดีกว่าว่าจะทำยังไงดี ถ้ามัสลินเกิดเอาเรื่อง แล้วสาวเจอฉันขึ้นมา ฉันจะทำยังไง”
“ลองถ้าโก้ลงมือทำอะไร มันไม่เหลือซากไว้ให้ใครตามดมหรอก แกไม่ต้องห่วง”
“ก็เล่นบินหนีไปยุโรปกับศิธาแล้วนี่ จะต้องกลัวอะไรล่ะ”
“ฉันบอกว่าไม่มีอะไร ๆ ก็ไม่มีสิ ฉันว่าแกเอาเวลาไปใส่ใจอาปลิวจะดีกว่า เห็นว่าคลิปนั่น เรียกคะแนนความสงสารให้อาปลิวเลยนี่” สีหน้ามธุรินเปลี่ยนไป
“ฉันเพิ่งเมาท์กับคุณย่าของกุเมื่อเช้า คุณย่าบอกว่าอาปลิวเป็นเดือดเป็นแค้นแทนมัสลินเอามาก ๆ ถึงขนาดที่ว่าคุณย่าต้องยื่นคำขาด ห้ามอาปลิวคบมัสลิน” มธุรินหน้าร้อนผ่าว
“แล้วแกรู้มั้ยว่าอาปลิวว่ายังไง ...อาปลิวยื่นคำขาดกับคุณย่า เหมือนกันว่าจะไม่มีวันเลิกคบกับมัสลิน” มธุรินนิ่งงัน พินสุดาได้ทีก้าวหามธุริน
“ฉันว่าแทนที่แกจะกลัวโน่นนี่ไร้สาระ สู้แกเอาเวลาไปดูแลอาปลิวไม่ดีกว่าเหรอ... แกทั้งสวย ฐานะชาติตระกูลรึก็ดีกว่ามัสลิน ยังไงอาปลิวก็ต้องกลับมาหาแก” มธุรินขมวดคิ้วมุ่น
“...นอกซะจากว่าแกกลัวมัสลิน!”
มธุรินตาลุกวาว โพล่งออกมาทันที “ฉันไม่มีวันกลัวผู้หญิงคนนั้น อย่าพูดคำนี้ให้ฉันได้ยินอีก”
มธุรินเม้มปาก ครุ่นคิดว้าวุ่น พิณสุดาลอบมองมธุริน กระหยิ่มยิ้มมุมปาก
ทางด้านมัสลิน เธอเดินลงบันไดมาหาพัดที่กำลังเก็บหนังสือพิมพ์ นิตยสารก็อสซิปปึกหนึ่ง
“แม่ล่ะน้าพัด”
“คุณมัส”
“แป้นขึ้นไปบอกมัสว่าแม่โวยใส่นักข่าว”
“ค่ะ ไปกันหมดแล้ว ส่วนคุณดาก็... คว้าขวดเหล้าขึ้นข้างบนไปแล้วค่ะ”
มัสลินหน้าม่อย เหลือบสายตาขึ้นชั้นบน
“แม่กำลังจะดีขึ้นแท้ๆ ...มัสไม่น่าเลย”
“มันใช่ความผิดของคุณมัสซะเมื่อไหร่ล่ะคะ รูปพวกนี้ก็ไม่ใช่คุณมัส”
“ทำไมน้าพัดแน่ใจอย่างนั้นล่ะ”
“พัดเลี้ยงคุณมัสมาตั้งแต่เกิดนะคะ...”
มัสลินนิ่งไป ก่อนจะพูดขึ้นเครียดๆ
“ก็คงมีน้าพัดคนเดียวเท่านั้นละที่เชื่ออย่างนั้น” มัสลินมองที่ปึกหนังสือในมือพัด “แล้วนั่นน้าพัดจะเอาไปไหน”
“ก็เอาไปให้พ้นบ้านเราน่ะสิคะ ข่าวมั่วๆ ทั้งนั้น เก็บไว้ทำไม ดูสิคะ” สายตาพัดมองลงที่หน้าหนึ่ง “ถ้าหุ่นคุณมัสของพัดอวบเผละขนาดนี้จะเป็นนางแบบได้ยังไงกัน มั่วแท้ๆ”
จิรดายืนอยู่มุมหนึ่งบนบันได ได้ยินทั้งหมดที่พัดพูด ครุ่นคิดตาม
ส่วนที่บ้านของพิณสุดาหลังจากมธุรินกลับไปแล้ว พิณสุดาหยิบโทรศัพท์มือถือมากดเล่นคลิปเสียง ได้ยินเสียงมธุรินดังชัดเจน
“แกต้องช่วยฉันนะกิ๊บ ถ้าแม่รู้ว่าฉันเป็นคนสั่งปล่อยคลิปมัสลิน ฉันตายแน่”
พิณสุดายิ้มพอใจ กดฟังซ้ำคลิปนั้นอีกครั้ง
“ไอ้ฉันมันก็ชอบกดอัดโน่นอัดนี่ไปเรื่อยนะเดียร์ ฮ่ะๆๆๆ”
พิณสุดาหัวเราะออกมาอย่างสะใจ
พัดโยนปึกหนังสือลงถังขยะใบใหญ่
“ข่าวขยะก็ต้องลงขยะไปซะ” พัดหันมาหยิบกองนิตยสารอีกปึกหนึ่งที่วางอยู่ข้างหลัง พลันมีมือจิรดามาฉวยไป “ว้ายคุณดา!”
จิรดาปราดมองที่หน้านิตยสารก็อสซิปในมือ ขมวดคิ้วมุ่น “ทำไมฉันไม่เคยเห็นข่าวนี่”
จิรดามองภาพกานนเดินจูงมือมัสลินที่ทะเลในกรอบหนึ่งบนหน้าปกหนังสืออย่างแปลกใจ พัดทอดถอนใจรำคาญๆ “พัดจะรู้มั้ยล่ะคะ วันๆ คุณดาไม่อยู่บ่อนก็กินเหล้า”
“นังพัด!”
“ขอพัดเถอะค่ะ ทิ้งๆ มันซะให้พ้นๆ สงสารคุณมัสแกเถอะค่ะ” จิรดาไม่สน มองลงที่ภาพกานนกับมัสลินอย่างครุ่นคิดพัดเหล่มองจิรดา “หวังว่านั่นคงไม่ใช่ฝีมือคุณดาอีกแล้วนะคะ”
“นังพัด แกพูดอะไรของแก”
“นังปิ่นมันเคยเห็นคุณดาแอบถ่ายรูปคุณกานนกับคุณมัสที่บ้านสวนคุณท่าน แล้วอีกสองวันก็มีรูปนั่นหลุดลงหนังสือพิมพ์”
“นั่นมันที่บ้านสวน แต่นี่มันที่ทะเล ฉันคงถ่อไปหรอก!”
พัดยิ้มเยาะ “แสดงว่าคุณดายอมรับสิคะว่ารูปหลุดรอบที่แล้วมาจากคุณดา”
“อ๊ายนังพัด แก..แก๊!”
แป้นวิ่งเข้ามาพร้อมโทรศัพท์บ้านแบบไร้สาย
“โทรศัพท์ค่ะ คุณดา...” แป้นเอามือปิดปากโทรศัพท์ กันเสียงเข้า
“เอามาทำไม ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่รับสายใครทั้งนั้น รึว่าเป็นคุณแม่...” แป้นอ้ำอึ้ง “บอกเค้าไปว่าเดี๋ยวฉันโทรกลับ”
“ไม่ใช่ค่ะ คือ...”
“เอ่อๆ อ่าๆ อยู่นั่นละ เอามานี่ฉันคุยเอง” พัดฉวยโทรศัพท์มาจากแป้น “สวัสดีค่ะ จะพูดกับ
ใครคะ ถ้าเป็นคุณมัสลิน เธอไม่สะดวกรับสายค่ะ”
พัดฟังปลายสายแล้วหน้าเสีย รีบเอามือปิดหูโทรศัพท์
“ใครนังพัด”
“เค้าบอกว่าเค้าเป็นคนที่ปล่อยคลิปคุณมัสค่ะ”
จิรดาตาลุกวาว คว้าโทรศัพท์มาทันที “แกเป็นใคร! แกกล้าดียังไง!”
“ก็บอกแล้วไงว่าเป็นคนที่ปล่อยคลิปลูกสาวคุณ” พิณสุดาบอก “โอ๊ะ!โทษทีฉันพูดผิด ฉันหมายถึงว่าฉันรู้ว่าใครเป็นคนปล่อยคลิปมัสลิน ถ้าอยากรู้ก็บอกลูกสาวคุณให้รีบมาหาฉัน”
พิณสุดากดวางสายแล้วยิ้มออกมา
มัสลินสวมแว่นดำเดินเข้ามาในร้านอาหารแห่งหนึ่ง มัสลินกวาดสายตามองไปทั่ว และหยุดที่โต๊ะหนึ่งที่พิณสุดานั่งหันหลังอยู่ มัสลินเดินตรงมาใกล้ มองพิณสุดาอย่างไม่วางใจ
“คุณใช่มั้ยที่โทรหาแม่ฉัน”
พิณสุดาปราดสายตาไปทางข้างหลัง ก่อนจะลุกขึ้นหมุนตัวหามัสลิน มัสลินผงะจ้องพิณสุดางุนงง
พิณสุดายิ้มให้มัสลิน “ทำไมมองหน้าฉันอย่างนั้นล่ะ ฉันมาดี”
มัสลินนั่งอยู่ตรงข้ามพิณสุดา มัสลินมีสีหน้าเอาเรื่อง “เธอต้องการอะไร ...อย่ายุ่งกับแม่ฉัน!”
“เธอนี่หัวดื้อไม่เบานะ บอกยังไงก็ไม่เชื่อเหรอว่าฉันมาดี เอาละ..ในเมื่อไม่เชื่อ งั้นก็ฟังนี่ก็แล้วกัน”
พิณสุดาหยิบโทรศัพท์มือถือมากดเล่นคลิปเสียง
“แกต้องช่วยฉันนะกิ๊บ ถ้าแม่รู้ว่าฉันเป็นคนสั่งปล่อยคลิปมัสลิน ฉันตายแน่”
มัสลินฟังแล้วงงงัน “เธอทำอย่างนี้เพื่ออะไร”
“ขอบคุณกันสักคำก็ไม่มี เธอไม่อยากรู้เลยเหรอว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร”
“ฉันไม่อยากรู้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะหวังดีกับฉัน เธอหมดธุระแล้วใช่มั้ย”
มัสลินลุกขึ้น พิณสุดาเอ่ยขึ้นลอยๆ
“มธุรินเป็นคนทำทุกอย่างเพื่อทำลายเธอ”
“มาบอกฉันอย่างนี้แล้วเธอได้อะไรขึ้นมา”
“ฉันก็แค่อยากช่วยให้เธอไปได้ดีกับอาปลิว ไม่ต้องกลับมาหากุ”
มัสลินส่ายหน้าระอาพิณสุดา
“ฉันเสียใจแทนมธุรินจริงๆ ที่มีเพื่อนอย่างเธอ”
“มธุรินไม่ปล่อยอาปลิวให้เธอง่ายๆ หรอกนะมัสลิน เธอเตรียมตัวตั้งรับไว้ได้เลย”
“คนอย่างเธอมันน่าสะอิดสะเอียนจริงๆ ถ้าฉันฟังคำพูดเธอฉันก็โง่เต็มที”
มัสลินก้าวฉับๆ ออกไป พิณสุดาส่งเสียงตาม
“แต่อย่างน้อยก็มีคนนึงที่ฟังฉันนะ ...แม่เธอไง” มัสลินชะงักเท้าพลัน หันขวับกลับมา พิณสุดาพูดโดยจ้องตามัสลินอย่างเป็นต่อ “ป่านนี้คงถึงบ้านมธุรินแล้วละ เห็นว่าแค้นนักแค้นหนา ลูกสาวกำลังจะได้เป็นถึงนางเอกละครดัง แต่ต้องตกม้าตายเพราะคลิปฉาว...ฝีมือลูกสาวคู่อริเก่าอย่างมธุริน”
มัสลินนิ่งงัน
ที่ร้านเครื่องประดับของกุเทพขณะนั้นภายในร้านมีลูกค้าเต็มร้าน พนักงานดูแลลูกค้า เลือกซื้อเครื่องประดับอย่างมืออาชีพ ขณะที่กุเทพนั่งหน้าเครียดอยู่กับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค ที่มุมรับแขกส่วนตัว
มธุรินเดินเข้ามาในชุดสวย แต่งหน้าทำผมดูดีมาก ๆ เธอแวะทักทายลูกค้ารุ่นราวคราวเดียวกันซึ่งกำลังเลือกเครื่องประดับอยู่
“ชิ้นนี้เหมาะกับน้องเบลล์มากเลยค่ะ พี่นำเข้ามาแค่สามชิ้น”
“ใส่แล้วจะสวยวันสวยคืนเหมือนพี่เดียร์รึเปล่าคะ”
“แน่นอนสิคะ... ทำส่วนลดแพลทตินัมให้คุณเค้าด้วยนะจ๊ะ” มธุรินบอกพนักงาน
กุเทพยังสนใจอยู่กับข่าวในหน้าจอคอมพ์ ไม่เห็นมธุรินที่เดินมาหา มธุรินมองกุเทพอย่างชั่งใจก่อนตีหน้ายิ้มระรื่นแล้วพูดขึ้นมา
“ลูกค้าเยอะอย่างนี้ สิ้นเดือนต้องจัดเลี้ยงพนักงานบ้างแล้วนะคะ”
กุเทพละสายตาจากคอมพ์ไปที่มธุริน “อ้าวคุณเดียร์”
“ดูยอดขายอยู่ละสิคะ”
กุเทพเหลือบตาลงที่คอมพ์ “อ้อ..เอ่อ..ครับ”
กุเทพคลิกปิดหน้าต่างในจอคอมพ์...หน้าต่างข่าวคลิปมัสลินถูกปิดลง เหลือเพียงหน้าเดสก์ทอป
“พอดีเดียร์กำลังจะไปทานข้าวกับกานนก็เลยรีบเข้ามาเซ็นเอกสาร คุณกุเทพต้องอยู่ร้านคนเดียวอีกแล้ว ไม่ว่ากันนะคะ”
กุเทพฟังแล้วงุนงง
“นี่อาปลิวยังมีกะจิตกะใจนัดทานข้าวกับคุณเดียร์เหรอฮะ” มธุรินอึ้งกับคำถามกุเทพ กุเทพรู้สึกตัวรีบขอโทษ “เอ้อ... ผมหมายถึง เกิดเรื่องไม่ดีกับเอ่อ...”
“อันที่จริงก็ไม่ใช่หรอกค่ะ คุณอาอุษยาเป็นคนนัดให้เดียร์กับกานนน่ะค่ะ ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีเรื่องอะไร”
“นี่คุณย่าคิดอะไรอยู่”
มธุรินลอบมองกุเทพ แววตาหลุกหลิก นึกถึงตอนที่ไปหาอุษยาถึงออฟฟิศ อุษยาจึงจัดการนัดกานนให้มธุริน
มธุรินออกจากร้านเครื่องประดับมาที่ร้านอาหารหรู มธุรินเดินตรงเข้ามาในร้าน เสียงอุษยายังดังก้องในความคิด
“อานัดกานนเรียบร้อยแล้วนะจ๊ะ หนูเดียร์แค่ทำเป็นบังเอิญมาเจอ แค่นั้นก็จบ อาฝากด้วยนะ”
มธุรินมองกานนที่นั่งหันหลังให้ สูดหายใจลึก ก่อนจะส่งเสียงเรียกกานน “กานนคะ”
กานนเหลียวไปเจอมธุริน
“อ้าวเดียร์ บังเอิญจัง”
มธุรินนั่งลงข้างกานน “กานนนัดคุณอาไว้ใช่มั้ยคะ”
“ครับ เดียร์ทราบด้วยเหรอ”
“คุณอาไม่มาหรอกค่ะ เดียร์เองค่ะ ที่เป็นคนขอให้คุณอานัดกานน”
“ผมงงไปหมดแล้ว”
“เดียร์ไม่สบายใจที่เห็นกานนมีปัญหากับคุณอาเรื่องมัสลิน” กานนหน้าขรึมลงทันที “กานนรักมัสลินจริง ๆเหรอคะ”
“คือ...เดียร์ครับ”
“มัสลินเป็นคนสวย นิสัยใจคอน่ารัก ถูกแล้วละค่ะที่กานนจะรักเค้า เดียร์เข้าใจกานนค่ะ”
กานนมีสีหน้ารู้สึกผิด “เดียร์ครับ มันก็ไม่ได้สรุปง่ายขนาดนั้นนะครับ”
“อย่าพูดเพราะแค่อยากให้เดียร์รู้สึกดีขึ้นเลยค่ะ ถ้ากานนอยากให้เดียร์สบายใจ เดียร์ขออะไรอย่างนึงได้มั้ยคะ” กานนนิ่งไป “ถึงขนาดไม่กล้ารับปากเชียวเหรอคะ เดียร์ไม่ได้จะขอให้กานนเลิกกับมัสลินหรอกค่ะ”
“เดียร์ครับ”
“กานนอยากจะคบกับมัสลินนั่นเป็นสิทธิ์ของกานนค่ะ แต่เดียร์ขอแค่อย่าเพิ่งให้พ่อกับแม่เดียร์ทราบได้มั้ยคะ” กานนนิ่งฟังมธุริน
“พ่อกับแม่เดียร์กำลังมีปัญหากัน ก็อย่างที่กานนทราบ คุณพ่อเดียร์ย้ายออกไปอยู่คอนโด ส่วนคุณแม่ก็วันๆ เอาแต่เก็บตัวเงียบ วันๆ ทำแต่งาน เดียร์ไม่อยากเพิ่มเรื่องไม่สบายใจให้พวกท่านน่ะค่ะ” มธุรินสบตากานน น้ำตาคลอหน่วย กานนกุมมือมธุริน สีหน้าหนักใจ
“แค่ทำเหมือนว่าเรายังคบกันอยู่ ...นะคะกานน”
“ผมก็ไม่ได้หายไปไหนนะครับเดียร์”
“รับปากเดียร์สิคะ” กานนอ้ำอึ้ง สุดท้ายก็พยักหน้ารับคำมธุริน
เมื่อกลับมาบ้าน กานนประคองแขนเจ้าสัวทศตรงไปที่รถเก๋งซึ่งจอดเปิดประตูค้างไว้
“ที่มารับฉันช้านี่อย่าบอกนะว่าเพราะแม่อุษยาเจ้ากี้เจ้าการนัดแกให้เจอกับยัยหนูเดียร์อีกละสิ”
“ก็..ครับ”
เจ้าสัวเอ่ยเรียบๆ
“เรื่องหัวใจเป็นเรื่องสำคัญ แกอย่าคิดว่าจะรับปากใครพล่อย ๆ ขายผ้าเอาหน้ารอดเข้าเถอะ วันนึงแกจะเสียใจ เหมือนกับที่ฉันเสียใจอยู่ทุกวันนี้”
“แต่ผมปฏิเสธเดียร์เค้าไม่ลง คุณพ่อคุณแม่เค้ากำลังมีปัญหากัน”
“นั่นยังไงล่ะ ฉันเดาไว้ไม่มีผิด”
“อ้าว คุณปู่ไม่ได้ทราบจากคุณอาหญิงแล้วหรอกเหรอครับ”
“กานน แกนี่มันเหมือนฉันตอนหนุ่มๆ ไม่มีผิด เก่งสารพัดเรื่อง ตกม้าตายอยู่เรื่องเดียว คือเรื่องความรัก”
“โธ่คุณปู่ครับ สุภาพบุรุษก็ไม่ควรทำให้ผู้หญิงเสียใจไม่ใช่เหรอครับ”
“ไม่เสมอไป ถ้าคนๆ นั้น เค้าต้องเสียใจอยู่วันยังค่ำ ไม่วันนี้ก็วันหน้า แล้วจะซื้อเวลาไปเพื่ออะไร “
“เค้ายิ่งเสียใจหนัก”
“ถูก! ก็คิดได้นี่ จำไว้เลยนะคนที่เราคิดว่าใช่ต่างหากล่ะ ที่เราไม่ควรจะทำให้เค้าเสียใจแม้แต่เสี้ยววินาที”
เจ้าสัวนิ่งไป นึกถึงม่านมุกแล้วทอดถอนใจ กานนมองปู่อย่างพอเดาได้
“ผมยังไม่ลืมเรื่องคุณย่าเล็กนะครับปู่”
เจ้าสัวพยักหน้าปลงๆ รำพึงเบาๆ
“ม่านมุก...”
ที่บ้านของเตช ขณะนั้น บัวบงกชนั่งทานอาหารเช้าอยู่เพียงลำพัง มีสาวใช้คนหนึ่งยืนคอยท่ารับใช้
บัวบงกชเหลือบมองที่เก้าอี้ว่างเปล่าแล้วเอ่ยถามสาวใช้
“คุณหนูลงมาทานอาหารเช้ารึเปล่า”
สาวใช้อึกอัก ก่อนจะตอบ
“ไม่ได้ทานค่ะ คุณมธุรินรับแค่น้ำส้ม แล้วก็รีบออกไปเลยค่ะ”
บัวบงกชวางช้อน-ส้อมลง “แล้วรู้มั้ยว่าเค้าไปไหน”
“ไม่ทราบค่ะ”
บัวบงกชลุกขึ้น
“เอาหนังสือพิมพ์ไปให้ฉันที่ห้องนั่งเล่นด้วย” สาวใช้อึกอักอีกครั้ง ไม่รับคำบัวบงกช บัวบงกชชักสงสัย “อะไรของเธอ เลิ่กๆ ลั่กๆ มีอะไร”
“คือ...หนังสือพิมพ์น่ะค่ะ คุณหนูเก็บไปหมดเลยค่ะ”
บัวบงกชประหลาดใจ “ทำไมอย่างนั้นล่ะ”
สาวใช้ยังไม่ทันได้ตอบเพราะจิรดาพรวดพราดเข้ามา มีสาวใช้อีกคนวิ่งตาม
“เข้าไปไม่ได้นะคะคุณ!”
“จิรดา”
“เออ ฉันเอง ไปเรียกลูกสาวเธอลงมา”
“ยัยเดียร์ไม่อยู่ เธอมีธุระอะไร”
“ธุระอะไรงั้นเหรอ นังหน้าด้าน!” บัวบงกชนิ่งงัน สาวใช้ทั้งสองหลบไปยืนมุมหนึ่ง
“คิดจะตอแหลทำไม่รู้ไม่ชี้ว่าคลิปโป๊นังมัสไม่ใช่ฝีมือเธอสองแม่ลูกงั้นสิ”
“คลิปโป๊มัสลิน?... มันเกิดอะไรขึ้น” บัวบงกชถาม อย่างตกใจ
จิรดาจ้องหน้าบัวบงกช งงงัน ว่ามาไม้ไหนกันแน่
“ก็คลิปชั่ว ๆที่คนเลว ๆ มันตัดต่อ จนเห็นกันทั้งประเทศแล้วว่านังมัสกำลังทำบัดซบกับผู้ชาย”
“ทำไมฉันไม่รู้เรื่อง ใครทำอย่างนั้นกับมัสลิน”
บัวบงกชจับแขนจิรดาจิรดาสะบัดมือบัวบงกชออก แล้วตวาดแว้ด
“ตอแหล! เธอกับนังลูกสาวเธอนั่นละที่เป็นคนทำ คงแค้นนังมัสมันมากละสิ ที่มันได้กานนไปครอง เก่งจริงก็สู้กันซึ่งๆ หน้าสิ ลงมานะนังเด็กเมื่อวานซืน” จิรดาตะโกนขึ้นข้างบน
“ยัยเดียร์ไม่รู้เรื่องหรอก เค้าไม่ใช่คนอย่างนั้น”
“แล้วถ้าฉันมีหลักฐานเป็นคลิปเสียงที่ลูกสาวเธอสั่งให้คนทำคลิปชั่วนั่นล่ะ” บัวบงกชหน้าเจื่อน
“จะเรียกลูกสาวเธอลงมาดีๆ หรือจะให้ฉันขึ้นไปหามัน นังเด็กเลว”
จิรดาจะก้าวขึ้นข้างบน บัวบงกชคว้าแขนจิรดา เหวี่ยงไปทางหนึ่ง
“เธอไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้ในบ้านฉันนะ แล้วหยุดก้าวร้าวลูกสาวฉันได้แล้ว”
“กล้าดียังไงมาแตะตัวฉัน” จิรดาเงื้อมือ ปรี่เข้าใส่บัวบงกช มัสลินพรวดพราดเข้ามา
“อย่านะคะแม่!” มัสลินเข้ารวบตัวจิรดาไว้
“ปล่อยฉัน นังนี่มันทำฉันก่อนนะ ปล่อยฉัน!”
“ไม่ค่ะ มัสไม่ปล่อย แม่ต้องกลับกับมัส” มัสลินพยายามลากจิรดา แต่ดูจะต้านแรงจิรดาไม่ไหว มัสลินร้องเรียกสาวใช้ “ช่วยพาแม่ฉันขึ้นรถหน่อย”
สาวใช้เข้าจับจิรดาคนละข้าง จิรดาโวยลั่น
“ปล่อยฉันนะ ฉันบอกให้ปล่อย” จิรดาชี้หน้ามัสลิน “ฉันมาช่วยแกแท้ ๆ นะนังมัส นังลูกสารเลว ปล่อยยย”
มัสลินหอบหายใจแรง เหลียวกลับมองบัวบงกช “ฉันขอโทษ ที่แม่ก่อเรื่องวุ่นวาย”
“มันเรื่องอะไรกัน ใครตัดต่อคลิปของหนู บอกฉันสิ ฉันจะจัดการให้ ...ให้ฉันช่วยนะ”
บัวบงกชถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน มัสลินตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่ยินดียินร้าย
“ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับคุณมังคะ”
มัสลินก้าวออกไป บัวบงกชยื่นมือจะจับมัสลิน แต่ทำได้แค่ค้างมือไว้อย่างนั้น
มัสลินพาจิรดากลับบ้าน จิรดาเขวี้ยงหนังสือพิมพ์ใส่มัสลิน
“พวกมันทำแกขนาดนี้แล้วแกยังยอมมันอีกงั้นเหรอ แกมันโง่หรือบ้าฮึนังมัส”
“แม่จะด่าว่ามัส จะตีมัสยังไงก็ได้ แต่มัสขอร้องได้มั้ยคะ แม่อย่าไปที่บ้านนั้นอีก”
“มันเป็นแม่แกรึไง แกถึงได้ปกป้องมันนัก”
มัสลินหน้าชา เงยหน้าสบตาจิรดา ตัดพ้อ
“ทำไมแม่ถึงผลักไสให้มัสเป็นลูกคนอื่นนักล่ะคะ”
สีหน้าจิรดาอ่อนลง เสเปลี่ยนเรื่อง หยิบหนังสือพิมพ์ แล้วพูดเสียงห้วน
“คลิปนี่มันก็ไม่ใช่ตัวแก! แกทำไมไม่บอกนักข่าวไปเลยว่าไม่ใช่แก มุดหัวอยู่อย่างนี้ไง ข่าวมันถึงกระพือไม่เลิก”
“บอกไปใครจะเชื่อคะแม่ หรือแม่จะให้มัสแก้ผ้าพิสูจน์ว่าในคลิปกับมัสมันคนละคน”
“นี่แกย้อนฉันเหรอนังมัส ฉันหวังดีกับแกนะ”
“หวังดีกับมัส หรือว่าโกรธที่มัสทำให้แม่ผิดหวัง”
แป้นวิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาพร้อมถุงใส่ขวดเหล้า แต่พอเห็นจิรดากับมัสลินก็ชะงัก
“ม..มาแล้วค่ะ”
“ก็เอามานี่สิ ถือไว้ให้ญาติแกเรอะ” แป้นส่งขวดเหล้าให้จิรดากล้า ๆกลัว ๆ จิรดาคว้าไปเปิดดื่ม จ้องมัสลินเขม็ง
“ชีวิตฉันมันก็มีอยู่แค่นี้ละ พอจะมีหวังกับเค้าบ้าง ทุกอย่างก็มาพัง เพราะแกคนเดียวนังมัส หึ..แกเข้าใจถูกแล้วละ ฉันผิดหวัง ที่ฉันโง่! เพ้อไปเชื่อ ว่าแกจะทำชีวิตฉันดีขึ้นได้... ไป นังแป้น แกไป
เหมาซื้อมาอีก ฉันจะกินให้มันตายคาขวดเหล้าให้ดู ไป!”
แป้นหน้าเหวอ มองจิรดาที มัสลินที มัสลินมองจิรดานิ่งอย่างหมดอาลัย
คืนนั้นมัสลินมาเยี่ยมเกวลินที่โรงพยาบาบ มัสลินกระชับผ้าห่มคลุมเท้าให้เกวลินที่เพิ่งปรับเตียงขึ้นในท่านั่งเอน
“ไม่ได้มาดูพี่เก๋เลย มัสขอโทษจริง ๆนะคะ”
“พอเถอะมัส เธอพูดอย่างนี้ตั้งแต่โทรมาหาพี่แล้วนะ บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไรเลย พี่ต่างหากที่ต้องรู้สึกผิดที่ไม่ได้ช่วยอะไรเธอเลย” มัสลินยิ้มเศร้า
“เอางี้นะมัส ...ให้นักข่าวมาสัมภาษณ์พี่ พี่จะใช้ชื่อเสียงพี่เนี่ยแหละ การันตีกับเค้าว่าผู้หญิงในคลิปไม่ใช่มัส”
“นักข่าวยิ้มเลยละค่ะ เพราะพวกเค้าจะได้ข่าวพี่เก๋เป็นของแถมไปเต็มๆ เผลอๆ อาจจะเลิกสนใจเรื่องมัสไปเลยก็ได้” เกวลินนิ่งไป มัสลินจับมือเกวลินมากุม “ขอบคุณมากนะคะ สิ่งที่มัสต้องทำคืออดทน... ทนให้มันผ่านไปให้ได้ ...ก็เท่านั้น” เกวลินฟังมัสลิน สีหน้าหนักใจ
มัสลินอยู่คุยกับเกวลินอีกพักจึงลากลับบ้าน ระหว่างทางคุณแต้วโทรมัสลิน มัสลินจึงมาหาคุณแต้วที่สถานีโทรทัศน์
ขณะนั้นคุณแต้วนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ คุณแต้วเงยหน้าขึ้นเมื่อเห็นมัสลิน
“อ้าว มาแล้วเหรอ เข้ามาสิจ๊ะมัสลิน” มัสลินยกมือไหว้คุณแต้ว ก่อนจะตรงไปนั่งลงฝั่งตรงข้าม แววตาจับจ้องคุณแต้วอย่างมีคำถาม “ไม่ลำบากนะ ที่พี่เชิญมาพบดึกๆ แบบนี้”
“ไม่เลยค่ะ มัสอยู่นอกบ้านพอดี ...คุณแต้วคงอยากคุยกับมัสเรื่องคลิปใช่มั้ยคะ”
“ใช่ ลูกน้องพี่โทรเลื่อนเซ็นสัญญากับเราแล้วใช่มั้ย”
“ค่ะ ..มัสไม่ได้มีปัญหาอะไร ถ้าทางคุณแต้วจะยกเลิกการเซ็นไปเลยมัสก็ยินดีนะคะ”
“เรานี่หยิ่งนะ ไม่คิดอยากจะพิสูจน์หน่อยเหรอว่าผู้หญิงในคลิป..ไม่ใช่ตัวเธอ” มัสลินประหลาดใจมาก “พี่จะรู้มาได้ยังไงปล่อยเป็นเรื่องของพี่ เธอมีหน้าที่พิสูจน์ให้ทุกคนรู้ แล้วทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิม การเซ็นสัญญาก็จะเดินหน้าต่อ เธอจะได้เป็นนางเอกของช่อง” มัสลินนิ่งงัน
“ทำไมเงียบไปล่ะ หรือว่าเธอยอมรับ ว่าคลิปนั่นเป็นตัวเธอ”
มัสลินแย้งขึ้นทันที “ไม่ใช่ค่ะ! ไม่ใช่มัส มัส...”
“ก็ต้องพิสูจน์” คุณแต้วว่า
“กว่าที่มัสจะสาวหาต้นตอได้ คนก็ปักใจเชื่อไปแล้วว่าคลิปนั่นเป็นมัส”
“แล้วใครบอกเธอเหรอว่ามีวิธีนั้นวิธีเดียวที่จะพิสูจน์เรื่องนี้”
“คุณแต้วอยากให้มัสทำยังไงคะ”
“มีวิธี ...แต่ขึ้นอยู่กับว่า ..เธอจะทำรึเปล่า” คุณแต้วประสานสายตากับมัสลิน
มัสลินกลับบ้าน หน้าเครียด ครุ่นคิดเรื่องที่เพิ่งคุยกับคุณแต้ว ขณะนั้นจิรดานอนเมาไม่รู้เรื่องอยู่ที่โซฟา
“นังมัส ...นังลูกเลว แกมัน...”
มัสลินก้าวเข้าใกล้จิรดา มองแม่อย่างร้าวรานใจก่อนจะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาคิม...แต่แล้วมัสลินก็ต้องนิ่งไปเมื่อนึกถึงคำพูดคุณแต้วที่ให้เธอถอดเสื้อผ้าพิสูจน์เรื่องคลิป
“ฮะโหลมัส ฟังผมอยู่รึเปล่า”
“อ้อ..ฟังสิคะ ฟังอยู่ มัสกำลังนึกถึงที่คุณแต้วแนะนำให้มัสแถลงข่าวน่ะ”
“ถอดเสื้อผ้าพิสูจน์เนี่ยนะ โอวโนว...มัสลิน”
“แต่มัสจะทำ ...มัสจะให้ทุกคนเห็นตัวจริงของมัส”
มัสลินพูดเสียงขรึม
บัวบงกชเพิ่งเห็นข่าวมัสลิน เธอถึงกับน้ำตาคลอขณะไล่สายตาดูข่าวมัสลินในอินเตอร์เน็ต และหนังสือพิมพ์ปึกหนึ่ง มธุรินก้าวมาหยุดยืนมองบัวบงกช ผ่านประตูซึ่งเปิดแง้มไว้ บัวบงกชซับน้ำตาทันทีที่เห็นมธุริน
“ทำไมถึงช้านัก แม่เรียกให้มาพบตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ”
มธุรินดันประตูกว้างออก ก้าวเข้ามาหาบัวบงกช พยายามตีสีหน้าให้เป็นปรกติที่สุด แต่สายตานั้นเหลือบเห็นกองหนังสือพิมพ์ที่บัวบงกชเห็นแล้ว
“คุณแม่มีธุระอะไรกับเดียร์เหรอคะ”
“บอกแม่มาว่าลูกไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้” บัวบงกชตบฝ่ามือกับกองหนังสือพิมพ์ มธุรินนิ่งงัน ขณะที่บัวบงกชจ้องมธุรินด้วยสีหน้าแววตาเจ็บปวด “เดียร์...”
มธุรินตีหน้าเฉย ทั้งที่ภายในใจแสนหวาดกลัวแม่
“มัสลินกับแม่เค้ามาฟ้องแม่ถึงที่นี่เลยเหรอคะ”
“เค้าไม่ได้มาฟ้อง แต่เค้ามาเอาเรื่องเรา เดียร์...ผีอะไรเข้าสิง ทำไมลูกถึงทำเรื่องเลวร้ายได้แบบนี้”
มธุรินหน้าชา คิดไม่ถึงว่าจะถูกบัวบงกชต่อว่ารุนแรง
“คุณแม่ว่าเดียร์เลว…”
“ใช่ ลูกได้ยินถูกแล้ว คนที่ทำร้ายคนอื่นได้ขนาดนี้ แม่ควรจะชื่นชมงั้นเหรอ”
“แล้วคุณแม่ไม่คิดจะถามเดียร์เลยเหรอคะว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วเพราะอะไรเดียร์ถึงไปเกี่ยวข้องกับเรื่อง ‘เลวๆ’ อย่างที่คุณแม่ว่าเดียร์”
“มันมีประโยชน์อะไร ในเมื่อม่านมัสลินเสียหายไปถึงไหนแล้ว เค้าต้องเสียงาน เสียอนาคต ก็เพราะลูก”
“แล้วเดียร์มีความสุขนักใช่มั้ยคะ!”
“ไปกับแม่ ไปขอโทษมัสลิน ลูกต้องทำทุกอย่างให้เรื่องนี้คลี่คลาย ไม่อย่างนั้นแม่จะไม่มีวันให้อภัยลูกเลยมธุริน”
“ถ้าอย่างนั้นเดียร์ก็จะไม่มีวันให้อภัยมัสลินเหมือนกัน เดียร์จะทำลายมัสลินให้มากกว่าที่แม่เห็น! เดียร์เกลียดมัสลิน! ลูกชู้ของคุณแม่!”
บัวบงกชตบหน้ามธุริน ทุกอย่างนิ่งงัน มธุรินจ้องหน้าบัวบงกช
“ลูกไม่มีสิทธิ์พูดถึงม่านมัสลินแบบนี้”
มธุรินส่ายหน้า แววตาเต็มด้วยความเจ็บปวด ในที่สุดวิ่งออกไป บัวบงกชเซไปเกาะโต๊ะ ร้องไห้โฮอย่างอัดอั้นที่พี่น้องแท้ๆ กลายเป็นศัตรูกัน
มธุรินขับรถออกจากบ้านแต่ไม่รู้ไปไหนจึงมาที่ร้านเครื่องประดับ...มธุรินไขประตูเข้ามา ทิ้งตัวลงนั่งร้องไห้ในความมืด ลึกเข้าไปภายในร้าน กุเทพก้าวออกมา เพ่งมองมธุริน
“ใครน่ะ!”
มธุรินสะดุ้งเฮือก ลุกขึ้นร้องตกใจ กุเทพรีบตรงไปหา “คุณเดียร์?!”
มธุรินยังขวัญเสียไม่หาย จ้องกุเทพอย่างตกใจ
“ผมเอง เกิดอะไรขึ้นครับ” พอเห็นว่าเป็นกุเทพ มธุรินก็ร้องไห้โฮ หน้าซุกลงกับไหล่กุเทพ
“คุณเดียร์....” กุเทพกอดมธุริน งุนงง “เรื่องอาปลิวกับ.. เอ่อ..มัสใช่มั้ยครับ”
กุเทพประคองมธุรินให้นั่งลง มธุรินดูสงบลงบ้าง
“จะว่าไปผมก็ไม่ได้เข้าใจอาปลิวกับมัสเค้าเท่าไรนัก แต่ผมเชื่อว่าอาปลิวยังรู้สึกดี ๆกับคุณเดียร์นะครับ คุณเดียร์ต้องหนักแน่น”
มธุรินอึกอัก จะปฏิเสธว่าไม่ได้มีปัญหากับกานน หากแต่เป็นเรื่องคลิปมัสลินที่ตนหนักใจ
“คือ..เดียร์...”
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าลำบากใจก็อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลยฮะ อืม..คุณเดียร์คอยผมแป๊บเดียวนะฮะ ขอผมเก็บงานข้างในก่อน แล้วเราออกไปพร้อมกัน”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดียร์ไม่คิดว่าจะมีใครอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ ถ้างั้นเดียร์กลับก่อนดีกว่า คุณกุทำงานไปเถอะค่ะ”
“คุณก็รู้ว่าผมไม่มีทางทำอย่างนั้น ...รอผมแป๊บเดียว โอเคนะฮะ”
กุเทพตรงเข้าด้านในร้าน
กุเทพขับรถกลับมาบ้าน พอถึงบ้านกุเทพลงจากรถแล้วดึงมธุรินลงมาด้วยกัน
“คนที่คุณเดียร์ควรจะคุยด้วยที่สุดคืออาปลิวนะครับ เวลาแบบนี้ คุณไม่ควรอยู่คนเดียว”
มธุรินดึงแขนกลับอย่างสุภาพ “ขอบคุณคุณกุมาก แต่เดียร์ไม่ได้มีปัญหากับกานนจริงๆ ค่ะ”
“หลอกใครก็หลอกได้ แต่หลอกคนที่เพิ่งเห็นคุณนั่งร้องไห้ไม่สำเร็จหรอกนะครับ ไปครับ หรือถ้าจะให้ผมช่วยเคลียร์กับอาปลิวให้ ผมก็ยินดี”
มธุรินทอดถอนใจ สีหน้าว้าวุ่น ...กุเทพลากมือมธุรินเข้ามาในบ้าน
“คุยให้เคลียร์ครับ รับรองว่าคุณเดียร์จะต้องสบายใจขึ้น”
กุเทพพูดยังไม่ทันขาดคำ ต้องชะงักงัน รวมทั้งมธุรินด้วย
“กิ๊บ?!”
พิณสุดากับอุษยาซึ่งนั่งอยู่ด้วยกัน พร้อมใจกันหันหากุเทพกับมธุริน
“อ้าว หนูเดียร์ ไปไงมาไงถึงมากับตากุได้ล่ะนี่”
พิณสุดามองมือกุเทพที่จับมือมธุรินอยู่ กุเทพปล่อยมือมธุริน
“คุณเดียร์เค้ามาหาอาปลิวน่ะฮะ”
“ปลิวยังไม่กลับเลย”
“อ้าว”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเดียร์กลับกับกิ๊บก็ได้”
พิณสุดาข่มอารมณ์หึงหวงกุเทพ กุเทพเหลือบมองพิณสุดาอย่างอึดอัด
“ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวก่อนนะครับ”
กุเทพก้าวออกไปทันที มธุรินคว้ามือพิณสุดา
“ฉันกำลังอยากเจอเธอเลยกิ๊บ”
“แน่ใจเหรอว่าเธออยากเจอฉัน” พิณสุดาถามกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ทำไมเธอพูดอย่างนั้นล่ะ”
“มีเรื่องอะไรกันกับตาปลิวอีกหืมหนูเดียร์ เห็นว่าเมื่อกลางวันก็คุยกันดีแล้วนี่ นี่อาก็กำลังคุยกับกิ๊บเค้าเรื่องคลิปแม่มัสลินตัวต้นเรื่อง” อุษยาถามแทรกขึ้นมาแล้วเหลียวหาสาวใช้
“เอ้านี่ มีใครอยู่ข้างนอกนั่นบ้าง ขอน้ำมารับแขกหน่อย”
อุษยาก้าวไปตามสาวใช้ ขณะที่มธุรินหน้าซีด ตกใจ พูดเสียงเบากับพิณสุดา
“เธอเล่าอะไรให้คุณอาฟังรึเปล่ากิ๊บ”
“แล้วเธอคิดว่าฉันควรจะเล่าอะไรล่ะ” มธุรินงุนงงกับท่าทีของพิณสุดา
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่ใช่คนประเภทชอบเห็นเพื่อนเป็นทุกข์ เหมือนใครบางคน”
(อ่านต่อหน้า 2)
ในรอยรัก
ตอนที่ 7 (ต่อ)
กุเทพใช้ผ้าขนหนูเช็ดใบหน้าที่มีหยดน้ำเกาะทั่ว หลังออกจากห้องน้ำ ทันทีที่ลดมือที่มีผ้าขนหนูลง กุเทพก็ต้องตกใจเมื่อเห็นพิณสุดานั่งอยู่บนเตียง
“คุณเข้ามาทำไม”
“พูดยังกับว่ากิ๊บไม่เคยเข้ามาอย่างนั้น”
“ออกไป”
“ไม่ต้องไล่ให้เสียเวลาหรอก เพราะกิ๊บไม่ไป จนกว่าจะรู้ว่ากุคิดยังไงกับยัยเดียร์ ตกลงจะแย่งแฟนอาแท้ๆ ของตัวเองงั้นเหรอ”
“ความคิดคุณนี่มันน่าขยะแขยงที่สุดเลยนะกิ๊บ คุณรู้ตัวบ้างรึเปล่าว่าพูดอะไรออกมา”
“กุต่างหาก รู้ตัวมั้ยว่ากำลังทำอะไร ผู้หญิงมีออกถม ทำไมต้องมาคว้ายัยเดียร์เพื่อนสนิทของกิ๊บด้วย นี่มีอะไรถึงขั้นไหนกันแล้วล่ะคะ จูงมือกันไม่ปล่อยซะขนาดนั้น”
“พิณสุดา! ผมจะไม่ทนฟังคุณแล้วนะ แล้วผมจะจับคุณโยนออกไปด้วย ถ้าขืนคุณยังพูดอะไรทุเรศๆ ถึงคุณเดียร์กับผมอีก”
พิณสุดาตีหน้าเศร้า
“กิ๊บขอโทษค่ะ อภัยกิ๊บนะ กิ๊บรักกุ เรากลับมารักกันนะคะ กิ๊บสัญญาว่ากิ๊บจะไม่ทำให้กุอึดอัดใจอีก” พิณสุดาเข้าสวมกอดและ ระดมจูบกุเทพ
“ปล่อยผมกิ๊บ”
“ไม่ค่ะ กิ๊บรักกุ”
“ผมบอกให้ปล่อย!” กุเทพผลักพิณสุดาจนเซลงเตียง “เราจบกันไปนานแล้วกิ๊บ”
กุเทพก้าวออกนอกห้องไป พิณสุดากำมือแน่นจนสั่น
ขณะนั้นที่ห้องทำงานของคุณแต้ว หลังจากมัสลินกลับไปแล้วกานนก็แวะมาหาคุณแต้ว
“ไหนล่ะ ค่าจ้างพี่”
คุณแต้วแกล้งถามกานน
“ได้เลยครับพี่แต้ว ยินดีอยู่แล้ว ขอบคุณพี่แต้วมากๆ นะครับที่รับฟังผม”
“อย่าลืมสิว่าพี่กับพี่ชายเราน่ะสนิทกันแค่ไหน เรื่องแค่นี้มันเล็กน้อย” กานนยิ้มรับ
“แล้วพี่เองก็ไม่ได้ช่วยเหลือคนแบบไม่ดูถูกดูผิดนะ ..มัสลินเป็นเด็กดี ก่อนที่พี่จะอยากได้เค้ามาเป็นนางเอกของช่อง พี่สืบประวัติเค้าเรียบร้อย ถึงปลิวไม่มาพูดกับพี่ พี่ก็ตั้งใจอยู่แล้วว่าจะเรียกเค้าคุยเรื่องนี้”
“พี่เลี้ยงที่เลี้ยงมัสลินมาตั้งแต่เด็ก เค้ายืนยันว่าผู้หญิงในคลิปไม่ใช่มัสลิน ผมถึงกล้ามาขอความช่วยเหลือจากพี่แต้ว”
กานนพูดพลางนึกถึงพัดที่ได้คุยโทรศัพท์กันก่อนหน้า
เมื่อคุยกับคุณแต้วเสร็จแล้วกานนจึงโทรกลับไปหาพัดเพื่อส่งข่าวเรื่องนี้
“เรียบร้อยแล้ว จริงเหรอคะคุณกานน โอ..พัดขอบคุณคุณมากจริง ๆเลยค่ะ แล้วคุณสบายใจได้เลยนะคะว่าพัดไม่มีมั่ว ยังไง๊ยังไงคลิปนั่นก็ไม่ใช่คุณมัส”
แป้นลอบฟังอยู่มุมหนึ่ง จับใจความได้บ้างไม่ได้บ้าง “คุยถึงคุณมัส...”
“ค่าๆ พัดจะเก็บเป็นความลับ จะไม่บอกใครว่าคุณกานนโทรมาค่ะ” พัดกดวางสาย แล้วหันจ๊ะเอ๋กับแป้น “ว้าย! นังแป้น นังบ้า มายืนทำอะไรตรงนี้”
“ที่แท้น้าพัดน่ะเอง ที่เป็นสายให้นักข่าว”
“แกเอาอะไรมาพูด”
“ก็ฉันได้ยินน้าคุยโทรศัพท์อยู่หยก ๆ”
“นังโง่เอ๊ย” พัดจิ้มหน้าผากแป้น “นี่ขนาดได้ยินนะ เฮ้อ”
พัดเดินหนีไป แป้นเกาหัวอย่างสงสัย
“ก็ได้ยินจริงๆ นี่ อะไรคลิปๆ แล้วก็พูดชื่อคุณมัส แถมยังให้เก็บเป็นความลับอีก เดี๋ยวสิน้าพัด มาพูดกันให้รู้เรื่องก่อน เค้าให้ค่าจ้างน้าเท่าไหร่!” แป้นวิ่งตามพัดไป
พอวางหูจากพัด กานนซึ่งกำโทรศัพท์มือถือตีกับฝ่ามืออีกข้างเบาๆ อย่างครุ่นคิด กานนเดินเอื่อยไปตามริมแม่น้ำเจ้าพระยาตามลำพัง สายตามองเหม่อไปที่แม่น้ำเมื่อนึกถึงคำพูดของเจ้าสัว
“จำไว้เลยนะคนที่เราคิดว่าใช่ต่างหากล่ะ ที่เราไม่ควรจะทำให้เค้าเสียใจแม้แต่เสี้ยววินาที...ปู่ปล่อยให้ย่าเล็กเผชิญปัญหา โดยไม่ได้ช่วยเค้าเลย กระทั่งเดี๋ยวนี้ก็ไม่เคยรู้ว่าเค้าอยู่ดีหรือมีทุกข์ยังไงบ้าง”
กานนครุ่นคิดถึงคำเจ้าสัว
“ถ้าเราทำดีที่สุดแล้ว จะมีเค้าอยู่รึไม่มี ยังไงเราก็มีแต่ความรู้สึกดีๆ ไม่ค้างคาอยู่ในใจจนวันที่ใกล้จะตายเหมือนกับปู่”
กานนมองขึ้นท้องฟ้า ทอดถอนใจ
“สิ่งที่ผมทำ มันคงจะช่วยคุณได้นะ...มัสลิน”
ทางด้านมัสลิน คืนนั้นหญิงสาวนั่งเอาคางเกยท่อนแขนอยู่ริมหน้าต่างเหม่อมองตั๊กแตนสานที่กานนให้มา “ป่านนี้เจ้าของแกคงเกลียดฉันไปแล้วสินะ”
มัสลินอิงหน้าซบกับท่อนแขน มองเหม่อที่ตั้กแตน หวนนึกถึงกานน...หลับตาหลง พยายามหยุดความคิดถึงกานน
เช้าวันรุ่งขึ้นที่ประตูห้องมัสลินมีเสียงเคาะลั่น มัสลินฟุบหลับอยู่ริมหน้าต่าง หรี่ตาสู้แสงยามเช้า
แป้นเปิดประตูเข้ามา
“ตื่นเร็วเถอะค่ะคุณมัส อ้าว คุณมัสยังไม่ได้นอนหรอกเหรอคะ”
มัสลินลุกจากริมหน้าต่าง
“แป้นมีอะไร”
“มีรถตู้มาหาคุณมัสค่ะ” มัสลินครุ่นคิด
“เค้าว่า..มารับคุณมัสไปงาน.. งานอะไรนะ...”
“แถลงข่าว?” มัสลินงงไม่หาย
“อ้ะใช่ค่ะ งานแถลงข่าว”
มัสลินสูดหายใจลึก เรียกกำลังใจ
ส่วนที่บ้านกานน ขณะนั้นกานน กุเทพ อุษยา นั่งเงียบเชียบอยู่ที่โต๊ะอาหารรอเจ้าสัวลงมาร่วมโต๊ะ
“คุณพ่อนี่ช้าจริงเชียว เดี๋ยวก็ทานก่อนซะเลย ยิ่งหิว ๆอยู่ด้วย”
อุษยาบ่น เจ้าสัวกระแอมดัง ขณะเข้ามาพร้อมคนดูแล ในมือเจ้าสัวมีหนังสือพิมพ์ถือติดมาด้วย
“นินทาพ่อแม่น่ะปากมันจะเท่ารูเข็มไม่รู้เรอะแม่อุษยา”
อุษยาเชิดใส่เจ้าสัว “รู้ แต่ไม่กลัวค่ะ เพราะกตัญญูที่ทำไว้กับพ่อกับแม่ของหนูมันเยอะอยู่ เจ๊ากันไปค่ะ” กานนลุกขึ้นเลื่อนเก้าอี้ให้เจ้าสัว
“พูดได้ไม่อายปากนะคนเรา แถมอยู่ต่อหน้าหลานซะด้วยนะนี่”
อุษยาตั้งท่าจะเถียงต่อ แต่พอเห็นเจ้าสัวโยนหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะให้กานนก็เงียบลง มองอย่างสงสัย
“ทำดีนี่”
อุษยาฉวยหนังสือพิมพ์ไปอ่าน “ม่านมัสลินแถลงข่าว...ปัดไม่ใช่ผู้หญิงในคลิป...”
อ่านจบอุษยาวางแรงๆ ห่างจากตัวทันที “ที่คุณพ่อชมว่าทำดีหมายถึงแม่มัสลินเนี่ยนะคะ”
“ก็ใช่น่ะสิ คนเรามันต้องชัดเจน ไม่ใช่ก็บอกไม่ใช่ เล่นงานคนปล่อยคลิปไปเลย จริงมั้ยเจ้ากุ แล้วนี่ได้คุยกับหนูมัสลินเค้ารึยัง”
“ไม่ได้คุยครับ ผมก็เพิ่งทราบข่าวนี้เหมือนกัน” กุเทพดื่มน้ำเร็ว ๆ แล้วลุกขึ้น “ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“อ้าว จะไปไหนล่ะตากุ ยังไม่ได้ทานอะไรเลย ตากุ”
“คงดีใจ เรื่องมัสลินแถลงข่าวน่ะครับ”
“แล้วแกล่ะ ไม่ดีใจเหรอ ตัวตั้งตัวตีนี่”
“ดีใจสิครับ”
อุษยารวบช้อนโกรธ ๆ “ฮุ้ย อิ่มดีกว่า คุยกันหนุงหนิงๆ ยังกะผู้หญิง แถมฟังไม่ได้ศัพท์”
อุษยาลุกออกไป กานนกับเจ้าสัวมองหน้ากัน เจ้าสัวยิ้มหน่ายอุษยา
มัสลินแวะมาหาเกวลินก่อนไปแถลงข่าว เกวลินจับมือให้กำลังใจมัสลิน
“มัสโชคดีมากๆ เลยรู้มั้ย คุณแต้วน่ะใครๆ ก็รู้ว่าหินขนาดไหน การที่เค้าจัดแจงให้มัสแถลงข่าวนี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลยนะ”
“มัสเองก็ยังงงๆ อยู่เลยค่ะว่าทำไมคุณแต้วถึงสนใจมัส ทั้งที่มัสเองก็ยังไม่ทันได้เซ็นสัญญากับเค้าเลย”
“แอบมีผู้หวังดี ขี่ม้าขาวไปช่วยคุยกับคุณแต้วให้มัส”
มัสลินเผลอคิดตามเกวลิน “เหรอคะ แล้วใครกันล่ะคะ”
เกวลินหัวเราะขำ “ยัยซื่อเอ๊ย! พี่ล้อเล่น”
“พี่เก๋อ่ะ ยังอุตส่าห์มีอารมณ์ขันแกล้งน้อง เครียดนะคะ”
“ไม่แพ้กันหรอกจ้ะ เรื่องของมัสก็เหมือนเรื่องของพี่ อืม...ว่าแต่ใครกันนะที่มันทำเรื่องอุบาทว์แกล้งมัสได้ขนาดนี้ หรือว่าจะเป็นยัยกิ๊บ” มัสลินนิ่ง ไม่ตอบอะไร
“ถ้าใช่..มันก็น่าจัดการคืนให้สาสม ..เอาเข้าคุกไปเลยมัส พี่ว่าต้องใช่ยัยนี่แน่ๆ มัสไม่เคยมีศัตรูที่ไหน นอกจากยัยคนนี้”
มัสลินครุ่นคิดถึงคลิปเสียงมธุรินที่ได้ยินจากพิณสุดา มัสลินมีสีหน้าหนักใจ เกวลินมองอย่างสงสัย
“คิดอะไรอยู่มัส เงียบไปเลย?”
“มันอาจจะไม่ได้เป็นฝีมือคนที่พี่เก๋ว่าก็ได้ เลิกคิดเรื่องนี้กันเถอะค่ะ เครียดเปล่า ๆ” มัสลินยืนขึ้น กางแขนให้เกวลินดูรูปร่าง “หุ่นมัสเป็นไงคะ”
“ถามแปลก ก็สูงยาว ผอมเป็นไม้เสียบผีเหมือนเดิมน่ะสิจ๊ะ”
“ไม่อวบ ไม่อึ๋มตรงไหนบ้างเลยเหรอคะ”
“โน... พยายามจะวัดกับนางในคลิปละสิ บอกแล้วว่าเอามาให้พี่ดูหน่อย ก็ไม่ให้ดู”
“พี่เก๋กำลังอาการดีวันดีคืน อย่าหาเรื่องเลยค่ะ”
“วิธีแถลงข่าวของคุณแต้วก็แสบใช้ได้เลยนะ ส่วนเราเองก็กล้าได้ใจถอดเสื้อผ้าพิสูจน์ให้รู้กันไปข้าง”
“หลักฐานของมัสคือตัวตนของมัสนี่แหละ คุณแต้วบอกว่ามันยากมากที่จะพิสูจน์ว่ามีการตัดต่อ เพราะหากคนนี้ชำนาญ โดยเฉพาะสีแสง เค้าจะทำได้เนียนมาก”
“แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ การที่เราจะถอดเสื้อผ้าให้คนอื่นดู ...ทั้งประเทศนะมัส เฮ้อ...ทำไมต้องเป็นเธอด้วยนะ”
เกวลินน้ำตารื้นด้วยความเห็นใจมัสลิน มัสลินน้ำตาปริ่มตาม แล้วรีบปาดออก ยิ้มละไม
“มัสต้องไปแล้วละค่ะ รถตู้คอยอยู่”
“สู้ตายน้องรัก”
เกวลินมองตามมัสลินออกจากประตูไปด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะพลิกตัวเชื่องช้า หลับตาลง ทันใดนั้นเองเสียงสัญญาณข้อความเข้าดังจากโทรศัพท์มือถือ เกวลินพลิกตัวกลับมามองหาที่มาของเสียง เห็นโทรศัพท์มือถือของมัสลินมีแสงวาบ พร้อมเสียงข้อความ เกวลินหยิบมา
“ด่วนรึเปล่าเนี่ย”
เกวลินมองโทรศัพท์อย่างลังเล ก่อนจะตัดสินใจกดอ่าน...หน้าจอโทรศัพท์มือถือของมัสลินในมือเกวลิน เห็นข้อความ “เป็นกำลังใจให้เสมอ ผมรักคุณ”
เกวลินกดอ่านข้อความงงงัน ก่อนจะกดเลื่อนลงเห็นชื่อผู้ส่ง
“...กานน...!”
กานนมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่เพิ่งกดส่งข้อความถึงมัสลิน ทุกอย่างเงียบ
“เค้าคงตอบแกหรอกนายกานน”
กานนส่ายหน้ากับตัวเอง เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงขณะเดินไปที่รถ แล้วประหลาดใจที่เห็นรถกุเทพยังจอดอยู่ “รถเจ้ากุนี่”
กุเทพซึ่งดูเหมือนคอยกานนอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว ตรงมาหากานน “เอ่อ... อาครับ”
กานนหันมองกุเทพ ประหลาดใจกับท่าทีที่อ่อนลงของกุเทพ “ฉันคิดว่าแกออกไปแล้ว”
“ยังครับ คือ..ผมอยากเจออา” กานนนิ่งฟังกุเทพ “เมื่อวาน..คุณเดียร์บอกผมว่าเค้ากับอา...เอ่อ..คืนดีกันแล้ว” สีหน้ากานนมีแววเครียดขึ้นทันที
“ผมอยากขอโทษอา ที่เคยพูดไม่ดีกับอาเรื่อง...มัสลิน”
“อย่าขอโทษฉัน แกไม่ได้ทำอะไรผิด” กานนวางมือที่ไหล่กุเทพ
“เห็นแกสบายใจขึ้นฉันก็รู้สึกดีแล้ว”
“ผมเข้าใจเลย ...ที่อาเคยพูดว่าวันนึงผมจะเข้าใจอา เฮ้อ...ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กจริง ๆ”กานนลอบถอนใจ รู้สึกผิด
“อาดูเครียดนะครับ ถ้าเป็นเรื่องคุณเดียร์ผมช่วยอาได้นะ พักหลังมานี่คุณเดียร์ค่อนข้างเปิดเผยกับผมทีเดียว”
“ขอบใจ ฉันไม่เป็นไรหรอก นี่เดี๋ยวก็จะพาคุณปู่ไปฟังผลตรวจ แล้วก็จะเลยเข้าออฟฟิศ ...แกล่ะ คงไปหามัสลินละสิ”
“ครับ แต่มัสไม่รับสายผมเลย ผมอยากไปหาเค้าที่งานแถลงข่าว อาว่าควรมั้ยครับ”
“ปัญหาที่มัสลินเจอไม่ใช่เรื่องเบาๆ เลย เวลาแบบนี้มัสลินควรมีใครสักคนอยู่ใกล้ๆ แล้วคนที่ทำหน้าที่นั้นได้ดีที่สุดก็คือ ...แก”
กานนพูดเสียงขรึม ในใจนั้นอยากเจอมัสลินเป็นที่สุด
ที่บ้านมัสลินขณะนั้นพัดก้าวฉับๆ มีแป้นวิ่งหน้าเริ่ดตามเข้ามา เสียงจิรดาดังแหว
“นังพัดนังแป้นนนนน”
“มาแล้วค้า”
พัดค้อนจิรดาขวับ จิรดายืนเท้าสะเอว จ้องพัดเขม็ง
“แกจ้องหน้าฉันทำไมนังพัด”
“ถ้าไม่มองแล้วจะรู้เหรอคะว่าคุณดาจะให้รับใช้อะไร”
“นังมัสมันหายหัวไปไหน”
“คุณมัสออกไปงานแถลงข่าวตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ” แป้นบอก
“แถลงข่าว?” จิรดางงกับคำพูดสาวใช้
“เป็นแม่เค้าแท้ๆ ยังไม่รู้” พัดบ่นหมุบหมิบ
“นังพัด!”
“คุณมัสเธอจะแถลงข่าวเรื่องคลิปโป๊น่ะค้า ว่าไม่ใช่เธอ”
“ชึ! อย่างมันก็คงมีปัญญาแค่บีบน้ำตาใส่นักข่าว กะอีแค่คำพูดเค้าคงเชื่อมันหรอก”
“แล้วคุณดาทราบได้ยังไงคะว่าคุณมัสเธอจะแค่พูด?”
“แล้วไง นังมัสมันจะทำยังไงของมันให้นักข่าวเชื่อ”
พัดเชิดหน้าแบบผู้รู้ จิรดากับแป้นรอฟัง
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”
“อ๊าย! นังบ้า!”
“แทนที่จะยืนด่าคนใช้ฉอดๆๆ อยู่อย่างนี้ คุณน่าจะไปให้กำลังใจคุณมัสเธอไม่ดีกว่าเหรอคะ”
“ไม่ต้องสะเออะมาสั่งสอนชั้น ไสหัวไปให้หมด ไป๊!”
พัดส่ายหน้าหน่ายๆ ลากแป้นที่อ้าปากหวอมองพัดทีมองจิรดาทีออกไปด้วยกัน จิรดานั่งลง ครุ่นคิดถึงมัสลิน
“นังเด็กบ้า ป่านนี้มิถูกเค้ารุมทึ้งแล้วเหรอเนี่ย”
บัวบงกชลดหนังสือพิมพ์ที่อ่านอยู่ในมือ นิ่งงัน มธุรินวิ่งตึงๆ เข้ามา หน้าซีดเผือด
“คุณแม่ต้องช่วยเดียร์นะคะ มัสลินจะแถลงข่าวค่ะคุณแม่” บัวบงกชยังคงนิ่งงัน มธุรินระล่ำระลักพูด
“เค้าจะบอกว่าเค้าไม่ใช่ผู้หญิงในคลิป แล้วก็จะเอาเรื่องคนทำคลิปให้ถึงที่สุด! คุณแม่ช่วยเดียร์ด้วยนะคะ ...คุณแม่ อย่าเงียบอย่างนี้สิคะ คุณแม่”
บัวบงกชมีสีหน้าแววตาสับสน มธุรินเขย่าแขนบัวบงกช ร้องไห้
ส่วนกานนหลังจากเข้าออฟฟิศ กานนไม่มีสมาธิทำงาน เปิดสมุดเสนอเซ็นที่เซ็นเอกสารอยู่เร็วๆ สุดท้ายก็ปิดหน้านั้นลง สีหน้าว้าวุ่น หยิบรีโมททีวีมากดเปิดทีวีที่ตั้งอยู่ไม่ไกล ...ทีวีถูกกานนกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ กานนวางรีโมทลงอย่างหงุดหงิด เสียงเลขาฯดังจากสปีคเกอร์โทรศัพท์
“ประทานโทษค่ะท่านคะ”
“ว่าไง”
“มีสายจากคุณบัวบงกชค่ะ” กานนฟังแล้วประหลาดใจ
กานนคุยโทรศัพท์กับบัวบงกชแล้วออกมาพบกับเธอที่ร้านอาหาร บัวบงกชลุกขึ้นรับกานนที่เดินตรงมา “ขอโทษนะคะคุณกานนที่อาต้องรบกวน”
กานนยกมือไหว้บัวบงกชก่อนจะเอ่ยถาม
“คุณอามีปัญหาอะไรด่วนรึเปล่าครับ”
“ก็ไม่เชิง เชิญนั่งก่อนเถอะค่ะ” กานนนั่งลงพร้อมบัวบงกช “อามีเรื่องอยากคุยกับคุณ ...เกี่ยวกับม่านมัสลิน”
กานนตวัดสายตาที่บัวบงกชพลัน ประหลาดใจที่จู่ๆ บัวบงกชไม่ได้คุยเรื่องมธุรินตามที่คาดไว้
“คุณอาว่าไงนะครับ”
“อาทราบเรื่องคลิปที่มัสลินถูกแกล้ง คุณรู้มั้ยว่าใครเป็นคนทำ” บัวบงกชถามอย่างหยั่งเชิง
“ผมไม่มั่นใจครับ จะเอ่ยออกมาคงไม่เหมาะ”
“บอกอามาเถอะค่ะ คุณหมายถึงใคร”
“อาจจะนะฮะ อาจจะเป็น...”
บัวบงกชรอฟังจดจ่อ กลัวเหลือเกินว่ากานนจะหมายถึงมธุริน
“เอ่อ...พิณสุดา” กานนบอก
บัวบงกชมีสีหน้าโล่งใจ “ยัยกิ๊บ?”
“พิณสุดาฝังใจว่ามัสลินเป็นมือที่สามที่ทำให้เค้าต้องเลิกกับกุเทพหลานชายผม ซึ่งจริงๆ แล้วนายกุเพิ่งจะมาชอบมัสลินอย่างจริงจังก็ช่วงหลังนี่”
“แล้วคุณล่ะ” กานนตั้งรับไม่ทัน นิ่งไปทันที “อาไม่ใช่แม่ประเภทหลับหูหลับตาเข้าข้างลูกตัวเอง อาพอจะเดาออกเรื่องระหว่างคุณกับมัสลิน อาถึงอยากขอความช่วยเหลือจากคุณ”
“เอ่อ...ครับ”
“มัสลินกำลังจะแถลงข่าวปฏิเสธเรื่องคลิป คุณต้องหยุดเธอ”
“ขอโทษนะครับคุณอา ผมงงไปหมดแล้ว”
“การแถลงข่าวของมัสลินวันนี้มันมีผลร้ายกับคนอีกหลายๆ คน”
“แต่ถ้ามัสลินไม่แถลงข่าว เค้าก็ได้รับผลร้ายนั่นไปตลอดชีวิตเค้าเหมือนกัน ผมขอโทษจริงๆ ครับที่ต้องค้านคุณอา”
“แล้วถ้าคนที่เดือดร้อนเพราะการแถลงข่าวของมัสลินคือยัยเดียร์ล่ะ”
กานนยิ่งฟังยิ่งสับสน
“คุณอาครับ คุณอาให้ผมมาพบ แล้วพูดเรื่องมัสลินถูกแกล้ง มันเหมือนกับว่าคุณอาสงสารมัสลิน แต่ไปๆ มาๆ กลับให้ผมห้ามมัสลินไม่ให้แถลงข่าวเพราะห่วงคุณเดียร์”
“อายังตอบคำถามคุณไม่ได้ในตอนนี้ วันหนึ่งคุณจะรู้เรื่องราวทุกอย่าง แต่วันนี้ทำตามที่อาขอร้องได้มั้ย อย่าให้การแถลงข่าวเกิดขึ้น”
“เพราะอะไรครับ”
“อาไม่อยากให้เด็กสองคนเกลียดกันไปมากกว่านี้” กานนนิ่งไป ด้วยความรู้สึกงุนงงยิ่งขึ้น “อย่าถามอาเลยค่ะ ว่าเพราะอะไร คุณช่วยอานะคะ”
“เรื่องแถลงข่าวของมัสลินมีผู้ใหญ่ดูแลเค้าอยู่ ผมคงทำอะไรมากไม่ได้”
บัวบงกชน้ำตารื้น กานนมีสีหน้าหนักใจ
มธุรินร้อนใจที่บัวบงกชทำเฉยกับเธอ จึงมาหาพิณสุดาที่บ้าน มธุรินเดินเป็นหนูติดจั่น พิณสุดายกแก้วน้ำเข้ามาวาง ลอบมองมธุรินอย่างชิงชัง
“แม่เฉยมาก ฉันไม่รู้ว่าแม่คิดยังไง”
“แต่ที่แน่ๆ แม่เธอรู้แล้วนี่ว่าเธอเป็นคนทำคลิปมัสลิน”
“ทำไมเธอพูดอย่างนั้นล่ะ น้องชายเธอต่างหากนะที่เป็นคนทำ”
“แล้วใครเป็นคนสั่งไม่ทราบ” มธุรินนิ่งไป สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น พิณสุดาเหยียดปากสะใจ “เลิกสั่นเป็นลูกนกซะทีได้มั้ย มันไม่มีอะไรสาวมาถึงเธอหรอก ถ้าเรื่องถึงเธอก็หมายถึงตาโก้ก็ต้องซวยไปด้วย คิดเหรอว่าศิธาจะยอม”
“แล้วตอนนี้สองคนนั่นอยู่เมืองไทยมั้ยล่ะ เธอก็พูดได้ เธอไม่ใช่ฉันนี่ ..ดูเธอจะไม่ห่วงฉันเลยนะกิ๊บ”
“เอาละๆๆ เพ้อเจ้อใหญ่แล้ว ฉันเนี่ยนะจะไม่ห่วงเธอ เอาอย่างนี้ ฉันจะคุยกับคุณย่ากุเทพให้”
“คุณอาน่ะนะ คุณอาจะช่วยอะไรได้”
“ตระกูลรัตนรัชของกุเทพน่ะ เค้าสนิทกับตระกูลคุณแต้วที่เป็นตัวตั้งตัวตีจัดงานแถลงข่าวให้นังมัสลิน คุณแต้วเองก็ไปมาหาสู่คุณย่าอยู่บ่อยๆ อย่าบอกนะว่าเธอไม่รู้”
“ฉันไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้เลย”
“งั้นก็คิดซะ คุณย่าคงเจรจากับคุณแต้วได้” มธุรินพยักหน้าตามอย่างมีหวัง
“ขึ้นอยู่กับว่าเธอจะกล้าสารภาพกับคุณย่ามั้ยล่ะว่าเธอเป็นคนทำคลิปมัสลิน”
มธุรินเงียบงัน
พิณสุดาพามธุรินมาหาอุษยาที่บริษัท อุษยานั่งคุยกับมธุรินและพิณสุดาอย่างสงสัย
“จะให้อายกหูไปบอกคุณแต้ว ว่าให้ระงับงานแถลงข่าวแม่มัสลินงั้นเหรอ”
มธุรินอึกอัก พิณสุดาต้องรีบแก้ต่าง
“บอกคุณย่าไปสิว่าถ้ายัยมัสลินแถลงข่าวแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น”
อุษยารอฟังมธุริน พิณสุดาลอบยิ้มมุมปากสะใจ
“ว่าไงล่ะจ๊ะหนูเดียร์ อางงไปหมดแล้ว หนูไปเกี่ยวอะไรกับแม่มัสลินอะไรนั่นด้วย”
“พูดความจริงกับคุณย่าเถอะ ยังไงคุณย่าก็อยู่ข้างเธออยู่แล้ว”
“ไม่มีอะไรค่ะ คุณอาลืมเรื่องนี้ซะเถอะนะคะ... ฉันขอตัวนะกิ๊บ อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดเถอะ ฉันปวดหัวเหลือเกิน” มธุรินลุกขึ้นไหว้อุษยา “เดียร์ขอโทษที่มารบกวนคุณอานะคะ”
มธุรินก้าวออกไป พินสุดาเม้มปากอย่างเจ็บใจ อุษยาบ่นงึม
“อะไรกันสองคนนี่”
พิณสุดาก้าวตามมธุรินมาที่ลานจอดรถ
“ฉันบอกให้รอด้วย ยัยเดียร์!”
มธุรินหยุดเท้า หันขวับมาหาพิณสุดา
“ฉันทำไม่ได้ ยังไงฉันก็บอกคุณอาว่าฉันเป็นคนทำคลิปมัสลินไม่ได้”
“ตามใจ แล้วอย่ามาหาว่าฉันไม่ช่วยก็แล้วกัน ฉันพยายามหาทางแก้ปัญหาให้เธอแล้วนะ”
“ขอบใจเธอมากกิ๊บ แต่ฉันไม่ทำไม่ได้จริง ๆ ถ้าฉันบอกความจริง คุณอาคงผิดหวังในตัวฉันมาก แล้วฉันก็คงไม่มีหน้าไปพบท่านอีก”
“รวมทั้งกุเทพกับอาปลิวด้วย”
มธุรินถอนหายใจเครียดๆ
“ขึ้นรถเถอะ ฉันจะไปส่งเธอที่บ้าน”
“ไม่เป็นไร ฉันจะไปดูนังมัสลินมันแถลงข่าว อย่างมากมันก็คงจะบีบน้ำตาให้นักข่าวเชื่อว่าในคลิปไม่ใช่มัน แกจะไปกับฉันรึเปล่า” มธุรินลังเล
“จะรบทั้งที ไม่คิดจะเห็นหน้าศัตรูหน่อยเหรอ”
ที่หน้าสถานีโทรทัศน์ของคุณแต้ว บรรดานักข่าว ทีมงานถ่ายทำรายการโทรทัศน์ชุมนุมกันอยู่หน้าตึก บ้างทะยอยเข้าข้างใน มีรปภ.คอยจัดระเบียบ ขณะนั้นมัสลินอยู่ที่ห้องทำงานคุณแต้ว คุณแต้วยิ้มให้มัสลิน
“ขอบใจมาก เธอคิดถูกแล้วละที่ทำตามคำแนะนำของพี่”
“มัสกราบขอบคุณคุณแต้วอีกครั้งนะคะ ที่ชี้ทางสว่างให้มัส”
“ไม่คิดบ้างเหรอว่าคำแนะนำของพี่อาจจะทำให้เธอผิดหวังก็ได้”
“ไม่เลยค่ะ ในเมื่อมัสเลือกที่จะสู้แล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น มัสยอมรับได้ค่ะ”
“อืม..ดีมาก ไปเตรียมตัวเถอะ”
อินเตอร์คอมพ์ดังขึ้น เป็นเสียงของเลขาฯคุณแต้ว
“ประทานโทษค่ะท่านคะ”
“ว่าไง”
“มีแขกมาขอเข้าพบท่านคะ”
มัสลินเสมองนิตยสารบนโต๊ะไปเรื่อยเปื่อย คุณแต้วคุยกับเลขาฯต่อ
“ใครกันล่ะ”
“คุณบัวบงกชค่ะ”
มัสลินอึ้งไป ...เลขาฯ เปิดประตู ผายมือเชิญบัวบงกช แล้วออกไป บัวบงกชยกมือไหว้คุณแต้ว
“ต้องขอโทษด้วยที่มาพบคุณแต้วกะทันหัน ไม่ได้ทำนัดล่วงหน้า”
“ไม่เป็นไรเลย แต่พี่คุยธุระค้างกับนางเอกอยู่นิดหน่อยนะ ขอเวลาแป๊บเดียว...มัสลินจ๊ะ”
คุณแต้วหันไปหามัสลินบัวบงกชตกใจ หันตามสายตาคุณแต้วไปที่มุมรับแขก มัสลินลุกขึ้น จำใจยกมือไหว้บัวบงกช ทั้งสองประสานสายตากันนิ่งงัน
กุเทพแวะมาหาเกวลินที่โรงพยาบาลพร้อมกับของเยี่ยมที่เป็นกระเช้าผลไม้
“ดีครับเจ๊ อืม..วันนี้หน้าตาสดใสดีนี่”
เกวลินยิ้มค้อนรับกุเทพ
“ยังมีเวลามาแซวพี่อีกเหรอ นี่ยัยมัสใกล้แถลงข่าวแล้วนะ”
“ทราบครับ ถึงได้แวะมาหาพี่เก๋ก่อนก็เพราะกลัวจะยาว”
“ยาวแน่ละ ถอดเสื้อผ้าพรูฟซะขนาดนั้น”
“พี่เก๋ว่าไงนะฮะ!” กุเทพถามอย่างตกใจ
“อ...อ้าว เธอไม่รู้หรอกเหรอ”
“มัสจะถอดเสื้อผ้าพิสูจน์? พูดเป็นเล่น”
เกวลินสีหน้ายุ่งยากใจ
“ไหนๆ ก็ไหนๆ อย่าให้รู้ถึงหูนักข่าวก่อนเวลาแถลงก็ละกัน คืองี้ ...คุณแต้วเค้าแนะยัยมัสมาว่าทางเดียวที่จะพิสูจน์ได้ชัดเจนที่สุดก็คือถอดเสื้อผ้าเปรียบเทียบกับผู้หญิงในคลิปให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย”
“บ้าชัด ๆ ทำไมเราต้องเสื่อมตามไอ้คนทำคลิปชั่วด้วย เผลอๆ เสื่อมยิ่งกว่า อย่างนี้มัสจะเหลืออนาคตอะไร”
“แต่อย่าลืมว่ากุนซือที่แนะนำยัยมัสคือคุณแต้ว เจ้าแม่วงการทีวีนะ”
“จะใครก็แล้วแต่ ผมไม่ยอมให้มัสแก้ผ้าออกสื่อทั่วประเทศอย่างนี้หรอก มัสเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ ผมต้องห้ามเค้า”
กุเทพรีบออกไป เกวลินมีสีหน้าว้าวุ่นใจ
“เฮ้เดี๋ยวสินายกุ ว้า!.. ขอโทษนะมัส”
เมื่อได้เผชิญหน้ากับมัสลิน บัวบงกชจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงห่วงใย
“ทราบว่าหนูจะแถลงข่าววันนี้”
มัสลินตอบบัวบงกชด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ค่ะ... มัสขอตัวเลยนะคะ”
มัสลินยกมือไหว้คุณแต้ว แล้วทำท่าจะออกไป บัวบงกชส่งเสียงดักไว้
“ฉันอยากให้หนูอยู่คุยด้วยจะได้มั้ย”
คุณแต้วงงขณะที่มัสลินเหลียวกลับมา
“ไม่นานหรอกจ้ะ ...มันเกี่ยวกับหนูโดยตรง”
มัสลินหันมองคุณแต้ว คุณแต้วพยักหน้าเชิงอนุญาตด้วยสีหน้าสงสัย
“แต่นักข่าวมากันพร้อมแล้วนะคะ”
“ฉันไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลาหรอก คือ...ฉันอยากให้หนูยกเลิกการแถลงข่าว”
“คุณบัวว่าไงนะคะ” คุณแต้วย้อนถาม
“อันที่จริงบัวตั้งใจจะมาคุยเรื่องนี้กับคุณแต้ว แต่บังเอิญมีมัสลินอยู่ด้วย เลยคิดว่าพูดกับเจ้าตัวด้วยน่าจะดีกว่า”
“ทำไมถึงอยากให้มัสลินระงับการแถลงข่าว”
บัวบงกชตั้งสติ ก่อนจะตัดสินใจกุเรื่องโกหก
“คือ...ทีมงานรายการบัวบงกชของบัวเค้าเพิ่งเสนอทำเทปพิเศษของม่านมัสลินน่ะค่ะ ซึ่งเทปนี้หนูมัสลินจะได้พูดทุกอย่าง เคลียร์ทุกเรื่อง บัวว่าเสียงตอบรับน่าจะดีกว่าการแถลงข่าวนะคะ เพราะทุกอย่างเราควบคุมได้”
มัสลินนิ่งฟังบัวบงกชอย่างไม่ไว้ใจ
“ฟังดูมันก็น่าสนใจนะ ถ้ามันไม่ฉุกละหุกไปหน่อย นักข่าวก็มากันครบแล้วอย่างนี้ ... หรือมัสลินว่าไง”
คุณแต้วหันไปถามมัสลิน มัสลินหันพูดกับบัวบงกช ประสานสายตาอย่างไม่กลัวเกรง
“ดิฉันไม่คิดว่าเรื่องที่ดิฉันจะแถลงข่าวเป็นเรื่องยากลำบากอะไร เพราะทุกอย่างที่ดิฉันกำลังจะพูดหรือพิสูจน์มันเป็นเรื่องจริง การจัดฉากกลับจะเป็นเรื่องน่ารังเกียจและไม่จำเป็น นอกซะจากว่าจะทำเพื่อปกปิดความผิดของใครบางคน” บัวบงกชหน้าชาวาบ
“ขอประทานโทษนะคะที่ดิฉันจำเป็นต้องพูดตรง ...แต่ยังไงมัสก็ยังคงเคารพคำแนะนำและการตัดสินใจของคุณแต้วค่ะ”
คุณแต้วมองทั้งบัวบงกชและมัสลิน สีหน้าหนักใจ
“พี่ชอบไอเดียทีมงานคุณบัวนะคะ แต่อย่างที่บอก มันผิดเวลา แล้วก็ต้องตามใจเจ้าตัวเค้าด้วย ...พี่คงสั่งระงับการแถลงข่าวไม่ได้”
บัวบงกชยิ้มจาง รับคำคุณแต้วอย่างเข้าใจ
“ขอให้การแถลงข่าวของหนูเป็นไปอย่างราบรื่นนะ”
มัสลินยื่นมือจับแขนมัสลิน มัสลินมองมือบัวบงกช สับสนกับการกระทำของบัวบงกช ที่ไม่ได้แสดงออกว่าเป็นศัตรูกับเธอเลย
ขณะนั้นกานนขับรถอยู่บนถนนครุ่นคิดถึงเรื่องที่เพิ่งคุยกับบัวบงกช กานนยิ่งคิดก็ยิ่งสับสนจึงคว้าโทรศัพท์มากดโทรออก กุเทพเดินคุยมือถือกับกานน ท่ามกลางนักข่าวเดินกันขวักไขว่
“อาโทรมาถูกจังหวะพอดีเลย เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับอา”
กานนงงงันกับสิ่งที่กุเทพบอก
“มัสลินจะถอดเสื้อผ้าแถลงข่าว?”
กุเทพคุยโทรศักกับกานนและรีบก้าวเดินเข้าไปในอาคารสถานีโทรทัศน์
“ผมเพิ่งทราบจากพี่เก๋ ตอนนี้ผมอยู่ที่งานแถลงของเค้าแล้ว แต่ยังไม่เจอตัวมัส งานยังไม่เริ่ม คิดว่าน่าจะห้ามเค้าทัน”
คล้อยหลังกุเทพ มธุรินกับพิณสุดาเดินเข้ามาด้วยกัน
“ฉันกลับดีกว่า ฉันไม่อยากเข้าไป”
พิณสุดาคว้าแขนมธุรินไว้
“มาถึงนี่แล้ว เข้าไปดูให้เห็นกับตาว่านังมัสลินมันมาไม้ไหน”
“แต่ฉันกลัว”
“ในที่สุดก็สารภาพออกมาง่ายๆ อย่างนี้เนี่ยนะ ไหนเธอห้ามนักห้ามหนาไม่ให้ฉันพูดคำนี้”
“ฉันไม่ได้กลัวมัสลิน แต่ฉันกลัวที่จะทำให้แม่รู้สึกแย่ไปกว่านี้ ไม่รู้ป่านนี้แม่จะเป็นไงบ้าง อย่าลืมสิว่าแม่ฉันรู้เรื่องทั้งหมดแล้วนะ”
“ตามใจ เธออยากไปไหนก็ไป แต่ฉันจะเข้าไปดูหน้านังมัสลินมันชัดๆ อยากรู้ว่ามันจะแก้ตัวยังไงกับนักข่าว ถ้ามีคนเชื่อมันฉันนี่แหละจะยืนขึ้นบอกทุกคนว่าคนหน้าด้านไม่มีปัญญาหาผู้ชายอย่างมันนั่น
แหละคือผู้หญิงในคลิป”
“แต่เธอก็รู้ทั้งรู้ว่านั่นไม่ใช่มัสลิน”
“หรือเธอจะให้ทุกคนเชื่อที่มันพูด แล้วก็ขุดคุ้ยจนเจอต้นตอคนทำคลิป?”
พิณสุดาจ้องหน้ามธุรินอย่างเหนื่อยหน่าย แล้วจ้ำเท้าตรงไปที่ตัวอาคาร ทิ้งให้มธุรินยืนลังเลอยู่ลำพัง ก่อนจะส่งเสียงตามพิณสุดาไป
“กิ๊บ เดี๋ยวสิ!”
กานนยังคุยโทรศัพท์กับกุเทพต่อเนื่อง มีเสียงกุเทพรอดจากโทรศัพท์มือถือ
“มัสเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ อาปลิวช่วยพูดกับเค้าอีกแรงเถอะครับ”
“ไม่จำเป็นหรอก มัสลินมีความคิด เค้าคงตัดสินใจดีแล้ว ปล่อยเค้าเถอะ”
กานนดูสงบนิ่ง ทั้งที่เป็นห่วงมัสลิน กุเทพมีสีหน้าหงุดหงิดใจกับคำตอบของกานน ขณะก้าวเข้ามาหยุดยืนมองไปยังบริเวณแถลงข่าว
“ถ้าเป็นแต่ก่อนผมคงดีใจที่อาดูจะไม่ใยดีมัสลินเอาซะเลย แต่ตอนนี้ในฐานะที่อาเองก็รู้จักกับมัสลิน มันไม่ใจดำไปหน่อยเหรอฮะที่จะปล่อยให้เค้าทำอะไรไร้สติแบบนี้” กุเทพว่าพลางมองไปทั่วบริเวณ เห็นนักข่าว ทีมงานจัดงาน ฯลฯ ไม่มีมัสลิน “เท่านี้ก่อนนะครับอา ผมถึงในงานแล้ว ได้เรื่องยังไงจะโทรเล่าให้ฟังครับ”
กุเทพวางหูจากกานนแล้วเดินตรงไปที่ทางเข้าด้านหลังห้อง กุเทพเห็นทีมงานเดินเข้าออก พอปลอดคน กุเทพดันประตูเข้าไปขณะกำลังจะก้าวเข้าไปนั้น ทีมงานคนหนึ่งเห็นกุเทพจึงรีบห้าม
“สื่อเชิญด้านหน้าเวทีเลยค่ะ”
กุเทพหันขวับมาที่ทีมงาน
“ผมไม่ใช่สื่อ” ทีมงานมองกุเทพอย่างสำรวจ “เอ่อ..ผมมาพบคุณแต้ว”
“ท่านผอ.ไม่อยู่ที่นี่หรอกค่ะ เป็นแขกของท่านไม่ทราบเหรอคะว่าจะพบท่านได้ที่ไหน”
“เอ๊ะคุณนี่พูดอย่างนี้มันดูถูกกันนี่ หาว่าผมโกหกงั้นเหรอ คุณรู้มั้ยว่าผมเป็นใคร”
“ไม่ทราบค่ะ ทราบแต่ว่าทางเข้าตรงนี้บุคคลภายนอกห้ามเข้า”
กุเทพหน้าแดงก่ำ ทั้งอายทั้งโกรธ มัสลินก้าวออกมาจากด้านในประตูนั้น เพราะเสียงเอะอะ ทันทีที่เห็นกุเทพก็ส่งเสียงเรียก
“พี่กุ?”
กุเทพเหลียวหลังมาเจอมัสลิน ยิ้มดีใจ
“มัส!”
กุเทพหันค้อนใส่ทีมงานราวกับเด็กชายเฮี้ยว ๆ ก่อนจะก้าวไปหามัสลิน
มัสลินพากุเทพเข้ามาคุยในห้อง กุเทพเสียงเข้มสีหน้าจริงจังกับมัสลิน
“พี่เก๋บอกพี่ว่ามัสจะแถลงข่าวโดยการ...” กุเทพชะงักเพราะกระดากปากที่จะพูด
“ถอดเสื้อผ้า”
“มัส! นี่พี่ยังไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องจริงเลยนะ ทำไมล่ะมัส มีอีกเป็นล้านวิธีที่มัสจะพรูฟตัวเองได้”
“แต่วิธีนี้ละค่ะ ตรงแล้วก็ชัดที่สุด มัสขอบคุณพี่กุที่เป็นห่วงมัส แต่มัสตัดสินใจดีแล้วค่ะ ปล่อยมัสไปเถอะ”
กุเทพนิ่งงัน คำพูดของกานนดังผุดขึ้นในความคิดทันที
“เค้าคงตัดสินใจดีแล้ว ปล่อยเค้าเถอะ”
ทีมงานเข้ามาหามัสลิน
“ได้เวลาแล้วค่ะน้องมัส”
ทีมงานไม่วายเหลือบไปมองกุเทพ กุเทพไม่อยู่ในอารมณ์จะสนใจทีมงาน เพราะคำพูดของมัสลินกับกานนที่ตรงกันอย่างไม่น่าเชื่อ มัสลินจับมือกุเทพ
“เป็นกำลังใจให้มัสด้วยนะคะ”
กุเทพพยักหน้าลอย ๆ ให้มัสลิน
มัสลินก้าวออกมาที่โต๊ะแถลงข่าวในชุดเสื้อโค้ชยาวคลุมเข่า บนโต๊ะมีไมโครโฟนของสื่อสำนักต่างๆ กองพูนเป็นตั้ง นักข่าวซึ่งนั่งอยู่ลุกกรูกันตั้งคำถาม
“คุณยอมรับใช่มั้ยครับว่าคลิปหลุดนั่นคือคุณ”
“ชี้แจงที่มาที่ไปของคลิปได้มั้ยคะ”
นักข่าวที่เหลือส่งเสียงอึงอล ต่างชิงกันตั้งคำถาม ทีมงานนำมัสลินนั่งลงและนั่งลงข้างๆ มัสลินยกมือเป็นเชิงขอให้ทุกคนฟัง
“ใจเย็นๆ นะคะ มัสให้เวลาพี่ ๆเต็มที่ค่ะ รับรองว่าตอบทุกคำถามนะคะ”
มัสลินหันหาทีมงานแล้วพยักหน้าให้ ทีมงานผายมือให้นักข่าวกลุ่มด้านหน้าสุด
“คุณได้ดูคลิปแล้วใช่มั้ยคะ”
“ดูแล้วค่ะ”
“ผู้หญิงในคลิปใช่คุณรึเปล่าคะ”
“ไม่ใช่ค่ะ”
พลันมีเสียงตะโกนดังจากด้านหลังห้อง
“โกหก!
มัสลินชะเง้อมองหาต้นเสียง แต่ไม่สามารถมองฝ่ากลุ่มนักข่าวไปได้ ทีมงานผายมือเชิญนักข่าวถามต่อ
“ถ้าในคลิปไม่ใช่คุณ แล้วทราบสาเหตุหรือที่มาของคลิปมั้ยคะ”
มัสลินตอบคำถาม สีหน้าจริงจัง
“แน่นอนว่าคนทำคลิปย่อมไม่ใช่ผู้ประสงค์ดีกับมัสแน่ ๆ ค่ะ และ...”
พิณสุดากับมธุรินยืนปนอยู่กับนักข่าว บริเวณหลังๆ
“กลับกันเหอะกิ๊บ ทำอย่างนี้ยิ่งแสดงตัวว่าเราเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้นะ”
มธุรินบอกแต่พิณสุดายังไม่ยอมกลับ
“อีกนิดเดียวน่า ฉันอยากเห็นจริงๆ ว่านังมัสลินมันจะปฏิเสธยังไง”
“แต่เธอต้องไม่ส่งเสียงอีก ไม่อย่างนั้นเธอกับฉันมีปัญหากันแน่”
“เดียร์?นี่เธอดุฉันรู้ตัวรึเปล่า”
“ใช่ ฉันดุเธอ เพราะความคิดเธอมันประหลาด รู้ทั้งรู้ว่าเรานั่นละที่เป็นคนทำคลิปแต่เธอก็ยัง...”
“เรา”?
“...ฉันคนเดียวก็ได้ เธอรู้ทั้งรู้ว่าฉันมีส่วนเกี่ยวกับคลิปมัสลิน แต่เธอก็ยังจงใจทำตัวเป็นจุดเด่น ...เพื่ออะไรเหรอกิ๊บ”
มธุรินจะก้าวออกไป พิณสุดายื้อแขนไว้ สายตาจับจ้องไปที่มัสลิน
“ดูนั่น!”
บริเวณที่นั่งสัมภาษณ์ของมัสลิน ไฟในห้องหรี่สลัวจนดับมืด ภาพคลิปของผู้ชายกับผู้หญิงบนเตียงปรากฏขึ้น กล้องโคลสอัพไปที่หน้าผู้หญิง จนเห็นชัดเจนว่าเป็นมัสลิน ผู้หญิงคนนั้นลุกขึ้นจากเตียงช้า ๆ เห็นสัดส่วนโค้งเว้าของร่างเปลือยชัดเจน
ภาพนั้นถูกฟรีซค้าง ไฟส่องมัสลินที่โต๊ะสัมภาษณ์ นักข่าวกรูถามขึ้นทันที
“รูปชัดเจนออกอย่างนี้ ทำไมยังกล้าปฏิเสธว่าไม่ใช่คุณอีกครับคุณมัสลิน”
“คุณคิดยังไงถ้าสังคมจะพิพากษา แบนคุณจากวงการบันเทิงคะ”
“ถ้าคุณจะอ้างว่าคลิปนี่เป็นคลิปตัดต่อ คุณมีคำแก้ตัวหรือหลักฐานอะไรยังไงบ้างคะ”
มัสลินเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น สีหน้าเคร่งขรึม
“มัสไม่มีคำแก้ตัว ไม่มีหลักฐาน มีแต่ความจริงจะให้ทุกคนตัดสินว่ามัสโดนแกล้ง หรือมัสทำเรื่องเลวๆ อย่างในคลิปที่เห็นจริง ๆ”
พูดจบมัสลินลุกขึ้นมายืนข้างภาพผู้หญิงบนจอหนัง แล้วค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อโค้ชที่สวมอยู่นักข่าวส่งเสียงฮือฮา พิณสุดาตาลุกงงงัน
“นังมัสลินมันจะทำบ้าอะไร”
มธุรินนิ่งงันไปเช่นกัน กุเทพมองมัสลินอยู่มุมหนึ่งไก ๆ ก้าวเดินออกจากห้องไปอย่างทนดูไม่ได้...มัสลินปลดเสื้อโค้ชออกจากร่าง โชว์สัดส่วนชัดเจน รูปร่างสูงผอมของมัสลินดูต่างจากภาพผู้หญิงบนจอหนังอย่างสิ้นเชิง
“นี่ละค่ะคือหลักฐานเดียวที่มัสมี มัสไม่ได้มีรูปร่างดีเหมือนอย่างผู้หญิงคนนี้ ...มัสไม่ใช่ผู้หญิงในคลิปค่ะ”
นักข่าวกดชัตเตอร์วูบวาบ ส่งเสียงอื้ออึง ตั้งคำถามมัสลิน
บัวบงกชอยู่หน้าห้องแถลงข่าว เธอยืนแข็งทื่อขณะมองเข้าไปในห้องแถลงข่าว
“มัสลิน... ทำไมหนูต้องทำขนาดนี้ด้วย”
จิรดาก้าวมาเห็นบัวบงกชจากข้างหลัง เกรี้ยวกราดใส่ทันที
“เธอมาทำอะไรที่นี่อีก จะตามจิกตามทึ้งมัสลินไปถึงไหน”
บัวบงกชหันหาจิรดา น้ำตานองหน้า
“จิรดา”
“เธอร้องไห้ทำไม หรือว่าลูกสาวเธอทำอะไรนังมัสอีกห๊า!...บอกฉันมา บอกมา”
เสียงเอะอะของจิรดาเรียกสายตานักข่าวบางส่วนให้หันมา และเริ่มกรูเข้าหาจิรดา
“คุณแม่น้องมัสมีความเห็นกับการที่น้องถอดเสื้อผ้าพิสูจน์ว่ายังไงบ้างคะ”
“หะ? มัสลินน่ะเหรอถอดเสื้อผ้าพิสูจน์”
“น้องสวมบิกินี่ คุณแม่ไม่ได้อยู่ดูหรอกเหรอคะ”
“ออ..อ๋อ เห็นสิ” จิรดายิ้มกริ่ม “เชื่อกันได้แล้วใช่มั้ยล่ะว่าในคลิปเลว ๆ นั่นน่ะไม่ใช่มัสลิน” นักข่าวรุมสัมภาษณ์จิรดามากขึ้นเรื่อยๆ จิรดาหน้าบาน ให้สัมภาษณ์อย่างภาคภูมิใจ “แม่เลี้ยงมัสลินมากับมือทำไมจะไม่รู้ว่าคลิปนั่นมันไม่มีทางใช่มัสลินหร๊อก หุ่นงี้เบอะเชียว ฮ่ะๆๆ”
บัวบงกชหน้าซึม มองจิรดาให้สัมภาษณ์ในฐานะแม่ ขณะยืนอยู่นอกวงนักข่าว ไม่มีใครทันสังเกตเห็น เพราะมัวแต่สนใจจิรดา
กุเทพทุบพวงมาลัยรถอย่างหัวเสีย ขณะขับออกจากสถานีโทรทัศน์พลางคุยโทรศัพท์มือถือกับกานน
“ผมทนดูมัสไม่ได้หรอกครับอา”
“อ้าว นี่หมายความว่า แกไม่รู้ว่าสรุปนักข่าวลงความเห็นกันว่ายังไง”
กานนคุยโทรศัพท์มือถือกับกุเทพต่อเนื่อง ขณะยืนอยู่ริมแม่น้ำ
“เค้าเชื่อกันรึเปล่าว่าคลิปนั่นไม่ใช่มัสลิน”
“ไม่ทราบครับอา แค่นี้ก่อนนะครับ ผมปวดหัวเต็มที ยิ่งนานวันผมยิ่งไม่เข้าใจมัส บ้าจริง ๆเลย”
เสียงสัญญาณตัดสายดังขึ้น กานนกดวางสาย สีหน้าเป็นกังวลเพราะเห็นห่วงมั้สลินจึงกดโทรศัพท์หาคุณแต้ว สักพักมีเสียงคุณแต้วรับสาย
“รีบโทรมาตามเช็คผลเชียวนะคุณปลิว”
คุณแต้วคุยมือถือกับกานน
“มัสลินเป็นไงบ้างครับพี่แต้ว”
“เรียบร้อย... ผ่านฉลุยไปด้วยดี ก็เล่นถอดเสื้อผ้าซะขนาดนั้น”
“ตกลงมัสลินเค้าทำจริง ๆ”
“ก็จริงสิจ๊ะ ไม่อย่างนั้นงานจะเลิกเร็วอย่างนี้เหรอ เล่นเอานักข่าวหมดคำถาม หึ ๆ ต้องขอบคุณคุณปลิวที่ทำให้พี่ได้นางเอกของพี่กลับคืนมา แถมกลับมาแบบมีกระแสซะด้วย วิกฤติกลายเป็นโอกาสจริงๆ งานนี้”
“แล้วตอนนี้มัสลินยังอยู่กับพี่แต้วใช่มั้ยครับ...หายตัวไปตั้งแต่จบงานแถลงข่าว?”
ที่โรงพยาบาลเกวลินหน้างุด มองโทรศัพท์มือถือของมัสลินที่อยู่ในมือว้าวุ่น เพราะส่งเสียงเรียกเข้าไม่หยุด
“จะโทรมากันทำไมนัก ยัยมัสไม่อยู่ค้า เดี๋ยวก็รับแทนซะเลย”
มัสลินสวมแว่นดำอันโตเปิดประตูเข้ามาพลางอ้าแขนรี่เข้ากอดเกวลิน
“ทุกอย่างโอเคละซี่ ว้าย!จั๊กจี๋ยัยมัส ว้าย!”
มัสลินหอมแก้มเกวลินซ้ายขวาอย่างมีความสุข
“ถูกต้องที่สุดค่ะ มันจบแล้ว มัสละอยากร้องไห้จริงๆ เลย”
“อ้าวไหงงั้นล่ะที่รัก”
“เหนื่อยน่ะสิคะ มันไม่ง่ายนะพี่เก๋ การที่เราต้องยืนให้คนดูรูปร่างเราหน่ะ”
มัสลินบอกน้ำตาคลอ เกวลินโน้มหัวมัสลินมาอิงแนบอกอย่างอ่อนโยน
“โอ๋ๆๆ จริงด้วยนะ ถึงมัสจะมีอาชีพเป็นนางแบบก็เหอะ เสื้อผ้าจะโป๊แค่ไหนมันก็แค่งาน”
“แต่ตอนแถลงข่าวมันเป็นเรื่องจริง มัสถอดเสื้อผ้า ยืนให้คนดูหน้าตาเฉย มัสไม่รู้มัสทำไปได้ยังไง”
“แต่สุดท้ายนั่นละที่ทำให้เราชนะไม่ใช่เหรอ ร้องไห้ให้กับชัยชนะ ร้องออกมาเถอะ” มัสลินสะอึกสะอื้น ซุกหน้ากับอกเกวลิน
“ยัยมัสเอ๊ย ต่อหน้าใครๆ ก็ทำท่าว่าแน่ อย่าเที่ยวร้องให้ใครเห็นอย่างนี้เชียว เฮ้อ” โทรศัพท์มือถือของมัสลินดังขึ้น “ลืมไว้แน่ะ”
เกวลินบอกมัสลิน ปาดน้ำตาพลางรับโทรศัพท์มา
“มัสทราบค่ะ...คุณกานน”
เกวลินนึกถึงข้อความจากกานนแล้วทำท่าจะเอ่ยบอกมัสลิน
“แม่ไปอาละวาดที่บ้านคุณแม่แฟนเค้า”
มัสลินบอกขณะมองโทรศัพท์มือถือที่ดังไม่เลิก สีหน้ารู้สึกผิด
“แต่พี่ว่าไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกคือ...”
มัสลินตัดสินใจกดรับ
“ถ้าจะโทรมาเพราะเรื่องที่แม่ฉันไปอาละวาดที่บ้านแฟนคุณละก็ ฉันไม่มีอะไรจะคุยนะคะ”
มัสลินฝืนพูดเสียงขุ่น ทั้งที่รู้สึกผิด
จบตอนที่ 7
ติดตามอ่านตอนที่ 8 วันพรุ่งนี้