xs
xsm
sm
md
lg

ปฏิสันถาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

6 เมษายน วันมหาจักรีรำลึก

2 เมษายน วันคล้ายวันพระราชสมภพ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี


ทรงพระเจริญ

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้า นิตยสารธรรมลีลา


ข่าวเรื่องดาวมฤตยูเคลื่อนทับราศีเมษ หรือดวงเมือง ซึ่งเป็นการเคลื่อนตัวครั้งแรกในรอบ 84 ปี และจะอยู่นานถึง 7 ปีนั้น ทำให้ผู้คนตื่นตระหนกไม่น้อย

แต่นายอารี สวัสดี นายกสมาคมดาราศาสตร์ไทย อธิบายว่า เป็นแนวความคิดหนึ่งของโหราศาสตร์ไทยตามหลักคัมภีร์สุริยยาตร์ ซึ่งเป็นปกติของดาวที่ต้องเคลื่อนจากราศีหนึ่งไปยังราศีหนึ่งของ 12 กลุ่มนักษัตรตามเส้นสุริยวิถี ดังนั้น ดาวมฤตยูจะต้องโคจรไปครบทุกราศี และจะอยู่ในแต่ละราศี 7 ปี แล้วจะกลับมาที่เดิม เป็นเรื่องปกติของการโคจร แต่เนื่องจากราศีเมษเป็นดวงเมือง หรือวันเกิดของกรุงเทพฯ เพราะฉะนั้น ดาวมฤตยูที่เคลื่อนทับดวงเมือง ถ้าเอาราศีเมษเป็นจุดตั้ง ก็จะเท่ากับ 84 ปี

ในทางวิทยาศาสตร์ ดาวมฤตยูมีชื่อเรียกว่า “ดาวยูเรนัส” ตั้งชื่อตามเทพเจ้า Ouranos ของกรีก เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 7 ในระบบสุริยจักรวาล เป็นดาวเคราะห์แก๊ส มีวงเเหวนโดยรอบ

ส่วนทางพุทธศาสตร์ “มฤตยู” นั้นหมายถึง “ความตาย” ดังมีพุทธศาสนสุภาษิตบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า

น อนฺตลิกฺเข น สมุทฺทมชฺเฌ น ปพฺพตานํ วิวรํ ปวีสํ
น วิชฺชตี โส ชคติปฺปเทโส ยตฺรฏฺฐิตํ นปฺปสเหยฺย มจฺจุ.
จะอยู่ในอากาศ อยู่กลางสมุทร เข้าไปสู่หลืบเขา
ก็ไม่พ้นจากมฤตยูได้ ประเทศคือดินแดนที่มฤตยูจะไม่รุกรานผู้อยู่ ไม่มี


ความหมายก็คือ ภัยอื่นๆ เช่น โจรภัย อัคคีภัย วาตภัย อุทกภัย ฯลฯ ผู้คนก็พอจะหลบหลีกภัยเหล่านี้ได้ แต่ภัยอย่างหนึ่งที่สรรพสัตว์ไม่อาจจะหลีกหนีได้เลยก็คือ มรณภัย หรือความตาย ไม่ว่าจะหลบหนีไปที่ใดทั้งบนบก ในน้ำ ในอากาศ หรือในประเทศใดๆก็ตาม ไม่มีทางพ้นจากอำนาจของมฤตยูคือความตายได้

ไม่เพียงแต่ดาวมฤตยูจะเคลื่อน แต่สงกรานต์เดือนเมษายนนี้ พระอาทิตย์ก็โคจรย้ายราศีด้วย

พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) วัดญาณเวศกวัน จ.นครปฐม ได้เขียนให้ข้อคิดไว้ในเรื่อง “สงกรานต์-ก้าวผ่านร้าย ย้ายสู่ดี” ความตอนหนึ่งว่า

...ในทางดาราศาสตร์โบราณและโหราศาสตร์ สงกรานต์ หมายถึง การที่ดวงอาทิตย์โคจรย้ายราศี คือ ออกจากกลุ่มดาวหนึ่ง เข้าสู่อีกกลุ่มดาวหนึ่ง

การเคลื่อนย้ายก้าวไปอย่างนี้ หมายถึง การผ่านไปของกาลเวลา สงกรานต์มาถึงครั้งหนึ่ง ก็หมายถึงเวลาผ่านไปปีหนึ่ง เมื่อเวลาผ่านล่วงไป ก็หมายถึงความเปลี่ยนแปลงของสิ่งทั้งหลายด้วย เริ่มแต่ชีวิตและวัยของมนุษย์ ส่วนที่ผ่านไปแล้วเพิ่มขึ้น และส่วนที่เหลือน้อยลง

ภาวะเช่นนี้ มองจากทางธรรม ย่อมเป็นเครื่องเตือนสติให้ได้นึกได้คิด ทบทวนความเป็นไปข้างหลัง และคิดตระเตรียมสิ่งที่หวังข้างหน้า สิ่งใดผิดพลาด ก็เป็นโอกาสที่จะละเลิกเสีย สิ่งใดดีงาม เป็นไปเพื่อความเจริญก้าวหน้า ก็ควรจะไม่ประมาท เร่งขวนขวายทำให้จริงจังต่อไป...

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 184 เมษายน 2559)
กำลังโหลดความคิดเห็น