อาจารย์เซนอู๋เซียง เดินทางจาริกธรรมไปทั่วทุกสารทิศ วันหนึ่งระหว่างการเดินทางเกิดกระหายน้ำขึ้นมา จึงได้มองหาแหล่งน้ำ เมื่อพบเข้าก็ปรากฏว่า มีชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังทำหน้าที่ควบคุมระหัดวิดน้ำอยู่ในบริเวณนั้น อาจารย์เซนอู๋เซียงจึงเอ่ยปากขอน้ำดื่ม
ชายหนุ่มผู้นั้น เมื่อพบเห็นอาจารย์เซน ก็ใช้สายตามอง พร้อมทั้งเอ่ยปากว่า
"อาจารย์เซน หากวันหนึ่งข้าละทางโลกก็จะออกบวชเช่นกัน แต่เมื่อถึงวันนั้นข้าจะเสาะหาที่เร้นกาย ตั้งใจนั่งสมาธิศึกษาธรรม ไม่มีทางออกเดินทางเร่ร่อนไปเรื่อย เหมือนท่านในตอนนี้"
อาจารย์เซนจึงถามชายหนุ่มผู้นั้นกลับไปว่า "แล้วเมื่อใดกันเล่าที่เจ้าจะละทางโลกได้"
ชายหนุ่มตอบว่า "นับคนรุ่นเดียวกัน มีเพียงข้าที่ทราบหลักการทำงานของระหัดวิดน้ำอย่างทะลุปรุโปร่ง จึงทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมการจ่ายน้ำคนเดียวของหมู่บ้าน หากวันใดวันหนึ่ง ปรากฏผู้มารับช่วงต่อหน้าที่นี้แทนข้า ถึงตอนนี้ข้าก็จะหมดภาระและสามารถออกบวชได้"
อาจารย์เซนยังคงถามต่อไปว่า
"เจ้าบอกว่าเจ้าแม่นในหลักการของระหัดวิดน้ำที่สุด อย่างนั้นเราถามเจ้า หากระหัดวิดน้ำจมลงไปในน้ำทั้งหมด หรือไม่ก็ไม่กระทบถูกน้ำเลยแม้แต่ส่วนเดียว จะเกิดอะไรขึ้น?"
ชายหนุ่มตอบโดยไม่ต้องคิดว่า
"การทำงานของระหัดวิดน้ำ ย่อมต้องให้ครึ่งหนึ่งอยู่ในน้ำ ครึ่งหนึ่งอยู่เหนือน้ำ หากจมลงไปในน้ำทั้งหมด นอกจากจะไม่สามารถหมุนได้แล้ว ยังจะหักพังไหลไปตามน้ำ ในทางกลับกันหากระหัดวิดน้ำไม่มีส่วนไหนจมน้ำเลย ก็ไม่สามารถวิดน้ำขึ้นมาได้"
เมื่อชายหนุ่มกล่าวจบ อาจารย์เซนจึงบอกว่า
"ความสัมพันธ์ของระหัดกับสายน้ำ ก็เหมือนความสัมพันธ์ของมนุษย์กับโลก หากคนผู้หนึ่งคลุกคลีจมจ่อมอยู่ในโลกิยะอย่างเต็มตัว ย่อมถูกเกลียวคลื่นแห่งโลกีย์พัดพาไปอย่างง่ายดาย
แต่ในทางกลับกัน ชีวิตที่ขาวสะอาดปราศจากการข้องแวะกับเรื่องราวความเป็นไปทางโลก ก็คล้ายดั่งไร้ราก เพราะเมื่อไม่รู้จักไม่เข้าใจว่าทางโลกเป็นอย่างไร ก็ยากที่จะหลุดพ้นจากความทุกข์หรือกิเลสตัณหาได้"
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 178 ตุลาคม 2558 โดย มุมจีน : manager online)