• ชอบย้ำคิดย้ำทำ
ปุจฉา : ดิฉันมีคำถามที่จะรบกวนกราบเรียนหลวงปู่อยู่ 3 เรื่องค่ะ
1. เวลาเราเคลื่อนไหว หรือทำงาน เราจะต้องมีสติอยู่ที่ใดคะ ระหว่างทีลมหายใจ กับที่อิริยาบถ
2. ในการทำอานาปานสติ กับฝึกลมปราณ โดยการหายใจเข้า-ออก ยาวนั้น ต่างกันอย่างไร ทั้งวิธีการและผลของการกระทำ มือต้องวางอยู่ในลักษณะของการประสานมือ หรือวางอยู่บนหน้าขาคะ
3. วิธีการแก้การย้ำคิดย้ำทำ จะทำอย่างไรคะ ปัญหาอยู่ที่ว่าในใจลึกๆ เรารู้ว่าสิ่งนี้ได้ทำแล้ว แต่มักจะมีความคิดเข้ามาแทรกว่า ถ้าลืมทำจะทำให้เกิดปัญหาที่ไม่ดีตามมามากมาย ทำให้เรากลัวและต้องกลับไปดูว่า ตกลงได้กระทำสิ่งนั้นไปหรือยัง ดูแล้วดูอีกค่ะ
ขอขอบพระคุณหลวงปู่มากค่ะ ด้วยความเคารพและศรัทธาอย่างสูง
วิสัชนา :
1. มีสติอยู่ที่อิริยาบถ
2. การฝึกอานาปานสติ คือ การระลึกรู้ลมหายใจที่เข้าและออกตามธรรมชาติ ส่วนการฝึกลมปราณ คือ การรู้ลมหายใจที่เข้าออกตามธรรมชาติ พร้อมทั้งฝึกให้ลมหายใจเป็นจังหวะ สอดคล้องกับการโยกโคลง เคลื่อนไหวกาย และเข้าออกยาวกว่าปกติ มือด้วน แขนด้วน ก็ฝึกอานาปานสติ และลมปราณได้
3. แสดงว่าคุณไม่มีสติในขณะที่ทำ พูด คิด จึงเป็นเหตุให้มั่นใจในตนเอง เรื่องก็เลยต้องมาจบตรงที่ต้องมาวิตกกังวล ย้ำทำย้ำคิดอยู่ตลอดเวลา
• สงสัยเรื่องวิญญาณธาตุ
ปุจฉา : กราบนมัสการหลวงปู่พุทธะอิสระที่เคารพอย่างสูง ลูกขอปุจฉาดังนี้
1. ตบะ อุเบกขา กับ อนัตตา แตกต่างกันอย่างไร ขั้นตอนของการทำใจให้สงบ ไปจนถึงขั้นหลุดพ้นได้นั้นมีอะไรบ้าง ทำอย่างไร
2. ลูกเคยทราบว่า ธาตุ 4 ประกอบด้วย ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม และธาตุไฟ แต่เคยได้ยินคำว่า อากาศธาตุ วิญญาณธาตุ ธาตุไม้ และธาตุทอง อยากทราบว่า อากาศธาตุ วิญญาณธาตุ ธาตุไม้ และธาตุทอง คืออะไร มีความสัมพันธ์กับธาตุ 4 ข้างต้นอย่างไร?
กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมา ณ ที่นี้ และขอให้หลวงปู่มีสุขภาพดีเสมอ
วิสัชนา :
1. ตบะ หมายถึง ความเพียรเพื่อกำจัด หรือเผาผลาญกิเลส
อุเบกขา หมายถึง การวางเฉยต่ออารมณ์ที่มากระทบ
อนัตตา หมายถึง ความไม่มีตัว ไม่มีตน
ธรรมะทั้ง 3 อย่างนี้ มีอยู่ในผู้มีความเพียร มีสติ สมาธิ และปัญญา
ส่วนข้อแตกต่างระหว่างธรรมทั้ง 3 อย่าง ได้แก่
ตบะ คือ กิจเบื้องต้นของผู้มีความเพียร
อุเบกขา เป็นผลที่เกิดจากผู้มีตบะ
อนัตตา เป็นผลที่เกิดจากผู้มีปัญญารู้แจ้ง
ขั้นตอนในการทำใจให้สงบ จนกระทั่งหลุดพ้นได้นั้น มีตบะที่ได้กล่าวมาแล้วเบื้องต้น
2. ธาตุดิน น้ำ ลม และไฟ จัดว่าเป็นธาตุที่ใหญ่กว่าธาตุทั้งหลาย เพราะมีอยู่มาก ในภาษาวิชาการทางธรรม ท่านเรียกไว้ว่า มหาภูตรูป 4 คือ รูปที่เป็นดิน น้ำ ลม และรูปที่เป็นไฟ
คำว่าธาตุ หมายถึง ธรรมที่มีอยู่เดิม
อากาศธาตุ ธาตุไม้ และธาตุทอง จัดอยู่ในมหาภูตรูป 4
ส่วนวิญญาณธาตุ เป็นธรรมชาติของจิตที่รู้อารมณ์ ไม่เกี่ยวข้องกับ ดิน น้ำ ลม และไฟ
สุดท้าย ฉันอยากให้คุณสงสัยในเรื่องที่ทำ พูด คิด ได้ อย่าให้มันไกลตัวนัก เดี๋ยวจะเป็นโรคประสาท
• จะบวชชีควรคิดถึงอะไรก่อน
ปุจฉา :
กราบนมัสการหลวงปู่ ตอนนี้ลูกมีคำถามเกิดในใจว่า คนเราเกิดมาทำไม และไม่เข้าใจว่า เราจะอยู่ในโลกไปเพื่ออะไร
ลูกอยากบวช แต่เพราะเป็นหญิงคงทำได้แค่เพียงบวชชีเท่านั้น หลวงปู่มีคำตอบอย่างไรกับการเกิดมาทำไมในชีวิตของคนเรา และคิดอย่างไรกับผู้หญิงที่บวชชีคะ ผู้ที่อยากจะบวชชีควรจะคำนึงถึงอะไรบ้างก่อนตัดสินใจค่ะ ขอรบกวนเวลาอันมีค่าของหลวงปู่แต่เพียงเท่านี้
วิสัชนา :
ฉันรู้สึกว่าปัญหาที่คุณถามนี้ได้ตอบไปแล้วหลายครั้ง ส่วนใหญ่ผู้ที่มักจะถามคำถามแบบนี้ อาจจะมีเวลามากไป เลยปล่อยให้ชีวิตที่ควรจะนำมาทำ พูด คิด ดี ให้ได้มากกว่าที่เป็นอยู่
หน้าที่ของการมีชีวิตก็คือศึกษา และค้นหาตัวตนที่แท้จริงให้พบ ทำให้เกิดสาระ แบ่งปันสาระ ได้สาระ และท้ายที่สุดอย่ายึดติดในสิ่งที่เป็นสาระนั้น
การบวชนั้น โปรดอย่าบวชเพียงแค่ซาก จงบวชทั้งกายพร้อมใจ อันดับแรกควรจะนึกว่าบวชเพราะอะไร บวชแล้วจะทำอะไร และสุดท้ายจะได้อะไรจากการบวช
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 167 พฤศจิกายน 2557 โดย หลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม)