xs
xsm
sm
md
lg

“เอเชียนบีชเกมส์” ผลงานอัปยศอวดชาวโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คอลัมน์..แกะสะเก็ด
โดย..ประเสริฐ เฟื่องฟู

บทตลกของคณะ “ปาหี่” ภูเก็ตเล่น “ตบตา” รัฐมนตรีว่าการกระการทรวงท่องเที่ยวและกีฬา “กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร” ที่เดินทางมาติดตามความคืบหน้าการเตรียมการจัดการแข่งขัน “กีฬาเอเชียนบีชเกมส์ ครั้งที่ 4” ที่มอบให้จังหวัดภูเก็ตเป็นเจ้าภาพดำเนินการ

ด้วยการต้อนไปดู “หาดป่าตอง” เข้าใจว่า น่าจะเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ใช้เป็นสนามแข่งขัน และกำลังเตรียมจัดงานเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวอีกไม่กี่วันนี้

แทนที่จะพาไปดูการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ “หาดกะรน” เพื่อเร่งสร้างสนามแข่งขันจน “หูตูบ” ท่ามกลางสายฝนที่ตกหนักเมื่อต้นเดือน ด้วยกำลังแรงงานต่างชาติ และเครื่องกลหนัก อย่างรถแบ็กโฮขนาดใหญ่ ที่ผู้รับเหมางานนำมาทำการไถปรับชายหาดจนราบเป็นหน้ากลอง สภาพธรรมชาติของหาดทรายที่สั่งสมมาเป็นร้อยปีพันปี รวมทั้งผักบุ้งทะเลถูกทำลายไปในชั่วพริบตา!
 

 
เย็นวันที่ 7 ตุลาคม 2557 อยู่ในช่วงการทำลายหาดกะรนของ “กลุ่มอาชญากรสิ่งแวดล้อม” อื้อฉาวขึ้นในเฟซบุ๊ก โลกโซเชียลได้เห็นรับรู้กัน มีผู้ใหญ่ในจังหวัดซึ่งจากภาพถ่ายที่โพสต์น่าจะมี “จำเริญ ทิพญพงษ์ธาดา” รองผู้ว่าฯ ภูเก็ต “วินัย ชิดเชี่ยว” กำนันตำบลกะรน เจ้าของท้องที่ และผู้เกี่ยวข้องอีกหลายคนไปยืนดู แต่ไม่ได้ทำอะไร

วันรุ่งขึ้นที่ 8 ตุลาคม 2557 ช่วงบ่าย “กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา บินมาภูเก็ต ติดตามดูความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน มีผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายแหล่ รวมทั้งหัวเรือใหญ่ “นิสิต จันทร์สมวงศ์” ผู้ว่าฯ คนใหม่หมาดๆ ของภูเก็ต ยิ้มหน้าบานให้การต้อนรับ และเข้าร่วมประชุมรายงานผล

หลังประชุม รับฟังผู้เกี่ยวข้องจ้อแล้ว รัฐมนตรีว่าการฯ ก็เดินโปรยยิ้มออกจากห้องประชุมมาพบกับสื่อที่รออยู่ พร้อมเอื้อนเอ่ย “มธุรสวาจา” (ภาษาดอกไม้ที่ผู้ว่าฯ คนนี้ชอบ)

“พอใจการเตรียมพร้อมของเจ้าภาพ คืบหน้าค่อนข้างมาก ที่สำคัญคือ การทำให้ภาคเอกชน ภาคประชาคมได้เข้ามามีส่วนร่วมการจัดแข่งกีฬา ที่ไม่ได้เน้นเฉพาะแค่มีการแข่งขันระดับโลกในภูเก็ตเท่านั้น แต่เป็นการแข่งขันกีฬาที่นำมาซึ่งการท่องเที่ยว สร้างความรู้ความเข้าใจ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ภูเก็ต และจังหวัดใกล้เคียง เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ แล้วก็สร้างความรู้สึกที่ดีให้แก่ประเทศไทย”

 
รัฐมนตรี “กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร” จ้อน้ำลายแตกฟองต่ออีกว่า การแข่งขันกีฬาเอเชียนบีชเกมส์ ครั้งนี้ มีนักกีฬา จำนวน 2,649 คน จาก 42 ประเทศ เดินทางมาร่วมทำการแข่งขันกีฬา และมี 26 ชนิดกีฬา บางชนิดไม่เคยจัดแข่งที่ไหนมาก่อน เพิ่งมาจัดการแข่งขันครั้งแรกที่ภูเก็ต อยากจะให้คนเริ่มมองประเทศไทยเป็น Sport Tourism ในระดับโลกมากยิ่งขึ้น เพราะว่าเรามีศักยภาพที่พร้อมในทุกด้าน โดยเฉพาะในแง่ของคนไทยที่พร้อมจะเป็นเจ้าภาพที่ดี

ด้าน “นิสิต จันทร์สมวงศ์” ผู้ว่าฯ ภูเก็ต ผู้ชื่นชอบภาษาดอกไม้ ไม่ชอบภาษาไทยโบราณ รวบหัวรวบหางโว “เป็นตัวแทนชาวภูเก็ต” เต็มปากเต็มคำ และก็น่าจะยังไม่รู้ว่านั่งทับ “มูล” อดีตผู้ว่าฯ ที่ได้ดีเพราะเส้นคุณนายถ่ายทิ้งไว้ให้

“การจัดแข่งขันเอเชียนบีชเกมส์ ครั้งนี้ ชาวจังหวัดภูเก็ต มีความภูมิใจที่เป็นหน้าเป็นตา เป็นตัวแทนให้แก่ประเทศไทย ต้อนรับนักกีฬา ณ วันนี้ ด้านสถานที่พักเรามีความพร้อม มีโรงแรมกว่า 42 โรงแรมพร้อมที่จะให้การรองรับนักกีฬา และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ขณะที่เรื่องการขนส่ง มีความพร้อมแล้วเช่นเดียวกัน เพราะจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดท่องเที่ยว ก็คงจะได้ใช้โอกาสนี้สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่คนในจังหวัดภูเก็ตในการดูแลนักท่องเที่ยว”

สรุปทั้งรัฐมนตรีว่าการฯ ทั้งผู้ว่าฯ เหมาเสร็จสรรพ ภูเก็ตมีแต่ได้ ไม่มีอะไรเสีย?

 
แต่ประหลาดไม่มีใครพูดถึง โอ้อวดสนามแข่งขันมีสภาพเป็นอย่างไร ใหญ่โตสวยงามแค่ไหน ตั้งอยู่จุดใด ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติของบรรดาเจ้าภาพที่จะจัดแข่งขัน หรือจัดงานใหญ่โตระดับชาติ ระดับโลก เขาจะต้องอวดต้องโชว์ความโอ่อ่าอลังการของสถานที่จัดงาน หรือสนามแข่งขัน

ดูจากข่าวหลายสำนัก ทบทวนแล้วทบทวนอีก หรือแม้กระทั่ง สื่อต่างๆ ในโลกโซเชียล ก็ไม่มีใครพูดอวดถึงเรื่องของสนามกีฬาชายหาดเลย ทั้งรัฐมนตรี และผู้ว่าฯ ถ้าหลงหูหลงตาก็.... ขอโทษ

เจตนาที่แกว่งเท้าหาเสี้ยนในครั้งนี้ ไม่ได้ต่อต้าน หรือคัดค้านการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนบีชเกมส์

แต่ต่อต้าน และคัดค้านการทำลายสิ่งแวดล้อมของบรรดาอาชญากรที่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติของภูเก็ต และเชื่อว่า นักกีฬา หรือนักท่องเที่ยวทั้ง 42 ประเทศที่จะมาร่วมแข่งขัน หรือนักท่องเที่ยวทั้งโลกที่ใฝ่หาธรรมชาติ ถ้าทราบเรื่องนี้ก็คงจะเสียใจไม่ต่างกัน

ประกอบกับขณะนี้ “คณะ คสช.” ที่ยึดอำนาจการบริหารบ้านเมืองจากรัฐบาลที่ล้มเหลว มาปฏิรูปการปกครอง และวางนโยบายให้ทุกจังหวัดเร่งปฏิรูปบ้านเมืองของตนเองในทุกด้าน จัดเป็นวาระแห่งชาติก็คือ

การหยุดยั้งการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ กอบกู้สิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรมทั่วประเทศ ให้กลับคืนสภาพมาโดยเร็วที่สุด

รวมทั้งจังหวัดภูเก็ต ที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดยุทธการทวงคืนผืนป่าที่ถูกบุกรุก รวมทั้งชายหาดชายทะเลของอุทยานแห่งชาติสิรินาถกลับคืนมาโดยเร็วที่สุด ทุกวิถีทางที่จะทำได้

 
แม้กระทั่งการจัดระเบียบหาด เอาพื้นที่คืนให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้ใช้ร่วมกัน ที่จังหวัดได้ทำก่อนหน้านี้

ในช่วงหลังได้ร่วมกับฝ่ายทหารใช้อำนาจกฎอัยการศึก นำกำลังเจ้าหน้าที่ และเครื่องจักรกลเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำทั้งหมดของกลุ่มที่ยังดื้อแพ่ง

และในการปฏิรูปดังกล่าว ผู้ว่าราชการจังหวัดคนปัจจุบันคนนี้ที่ชื่อ “นิสิต จันทร์สมวงศ์” ประกาศจัดเป็นวาระของจังหวัด แต่กลับเป็นใจปล่อยให้มีการทำลายหาดกะรนกันซึ่งๆ หน้า แม้ว่าเรื่องนี้จะอนุมัติโดยอดีตผู้ว่าฯ หรือใครก็ตาม ก็น่าจะระงับได้

การแข่งขันกีฬาชายหาด ก็ควรจะเป็นชายหาดจริงๆ ล้วนๆ และต้องวิบาก ไม่ใช่มาแข่งขันกันบนสนามที่ตกแต่งขึ้นสร้างขึ้นแบบสบายๆ ด้วยความคิดของอัปรีย์ชน (ขอโทษ... เปิดพจนานุกรมดูแล้ว สุภาพครับ)

เสน่ห์ของจังหวัดภูเก็ต ร่ำลือกันมานานแล้ว ด้านความงามตามธรรมชาติ ตั้งแต่บรรดาผู้เกี่ยวข้องกับการจัดงานแข่งขันกีฬาฯ ครั้งนี้ รวมทั้งตัวผู้ว่าฯ “นิสิต จันทร์สมวงศ์” ยังเป็นนักเรียนชั้นประถม หรือมัธยมอยู่โน่น!!

นักท่องเที่ยวทั่วโลกเขาชอบ เขารักความเป็นธรรมชาติ หาดทรายที่สวยงาม น้ำทะเลที่ใสสะอาด ไม่มีขยะ สิ่งกีดขวางวางเกะกะ ท้องทะเลมีปะการัง กัลปังหา ดอกไม้ทะเล ปาเขาเขียวขจี และมาช่วงหลังประวัติศาสตร์ ขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวจังหวัดภูเก็ตแต่ละเทศกาลก็ถูกโปรโมตจนเข้าไปอยู่ในความสนใจของนักท่องเที่ยวอีกด้านหนึ่ง

นี่แหละที่ทำให้เขากลับไปแล้ว พูดกันปากต่อปาก แล้วชักชวนกันมาอีก ครั้งแล้วครั้งเล่าและเป็นจุดขาย ทำเงิน สร้างรายได้ให้จังหวัดภูเก็ต และประเทศไทย อย่างเป็นกอบเป็นกำ และถาวรสืบต่อจากแร่ดีบุก และยางพาราหลังหมดราคา

ไม่ใช่ป่าคอนกรีต หรืออารยะธรรมตะวันตก และไม่ใช่ความคิด หรือไอเดียมันสมองของต่างชาติที่คนไทยไฮโซชอบนักชอบหนา ดี๊ด๊าติดเต้งตามก้น

 
ปัจจุบันความเป็นธรรมชาติจริงๆ เสื่อมโทรมอย่างหนัก ป่าไม้เขียวขจีกลายเป็นป่าคอนกรีต ท้องทะเลเต็มไปด้วยขยะสารพัด ปะการังก็เป็นปะการังเทียม เอาแท่งปูน ซากเครื่องบิน ซากเรือรบ ตู้คอนเทนเนอร์ ตู้รถไฟอะไรต่อมิอะไร โยนทิ้งลงไปในทะเลให้เป็นที่อยู่ของฝูงปลา แทนปะการัง และกัลปังหา พร้อมกับอวดนักประดาน้ำถึงความไม่เอาไหนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

มันเป็นการถมทะเลด้วยขยะขนาดใหญ่มากกว่า

วิธีการสร้างจุดขายโดยการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ แบบนักลงทุนที่หวังกอบโกย รวมทั้งการสนองตัณหาความอยากชั่วครั้งชั่วคราวของข้าราชการ มันไม่ยั่งยืนหรอก ต้องทำลายดัดแปลงไปเรื่อยๆ

ตัดฉากกลับมาที่หาดกะรน จากภาพถ่ายที่แฟนคลับ “Chang Phuket” ส่งมาทางเฟซบุ๊ก เป็นคัตเอาต์ใหญ่โตมโหฬารขึ้นหราบริเวณหาดกะรนที่ถูกไถปรับสภาพไปแล้ว ประกาศตัว “อาชญากร” ที่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติครั้งนี้ชัดเจน ว่ามีหน่วยงานไหนบ้าง และน่าจะค้นหาตัวตนได้จาก ข้อความในคัตเอาต์นั้น

ที่คัตเอาต์มีผังขนาดใหญ่ มีข้อความ “ขออภัยในความไม่สะดวก” แล้วตามด้วย “เริ่มก่อสร้าง - รื้อถอนปรับคืนสภาพ วันที่ 24 กันยายน - ธันวาคม 2557” ส่วนรายละเอียดมีว่า

“เนื่องด้วยทางคณะกรรมการสาขาสนามแข่งขัน สนามฝึกซ้อม และอุปกรณ์กีฬาได้มีการว่าจ้าง บริษัท ไรท์แมน จำกัด ให้มีการก่อสร้างสนามกีฬาเอเชียนบีช ภายในพื้นที่หาดกะรนรวม 10 ประเภทกีฬา ทั้งนี้ บริษัทได้ประสานงานขอใช้พื้นที่ต่อทางศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอเมืองภูเก็ต สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต และเทศบาลกะรน ซึ่งได้รับอนุญาตให้ดำเนินการก่อสร้างตามผังสนามแข่งขันกีฬา”
ดูตามภาพเอาเอง สถานที่ราชการดังกล่าวคงอนุมัติไม่ได้ ต้องมีบุคคล มีตัวตนเซ็นอนุญาต
หาดทรายถูกทำลาย เปลี่ยนสภาพไปแล้ว ผักบุ้งทะเลถูกนำไปทิ้งทำลายเหมือนวัชพืชที่ไม่มีค่า จะปรับสภาพให้เหมือนเดิม พริกผืนทรายกลับคืน ไปขุดไปขนเอาผักบุ้งทะเลมาปลูกฟื้นฟูใหม่ พูดง่ายๆ ทำง่ายๆ แบบผักชีโรยหน้า

ต้องขอยืมประโยคคำถามของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” หัวหน้าคณะ คสช.และนายกรัฐมนตรี รวมทั้งกริยาชี้นิ้วถามสื่อมาใช้อีกรอบนะ

พวกคุณ เอาสมองส่วนไหนมาคิดกัน!

พฤติกรรม การกระทำทุกอย่างขอให้ชาวภูเก็ต นักอนุรักษ์ทุกกลุ่ม หรือแม้คณะ คสช.ได้ใช้วิจารณญานกันเอง ผมเป็นแค่ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” หรือเปรียบอีกทีก็เหมือน “สุนัขเฝ้าบ้าน” ทำหน้าที่ได้แค่ “เห่า” เตือนให้รู้ เมื่อมีโจร มีผู้รุกรานเข้ามาทำลาย ขโมยทรัพย์สินเท่านั้น

ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของชาวภูเก็ตทุกคนที่เป็นเจ้าของบ้าน ที่มีความคิด มีอุดมการณ์ความรักบ้านรักทรัพย์สินของท่านแค่ไหน ก็ตัดสินใจเอา ครั้งนี้อาจจะสายเกินไปที่จะไปทวงเอาทรัพย์สินกลับคืน เพราะถูกทำลายไปแล้ว แต่ในแง่ของกฎหมาย น่าจะดำเนินคดีให้เป็นกรณีศึกษา เพราะมีตัวตน สัมผัสได้ด้วยสายตา จะได้บันทึกให้คนรุ่นหลังได้รับทราบ

นี่เป็นเศษเสี้ยวส่วนหนึ่งของหาดกะรน แต่อนาคตอาจลุกลามไปทั้งหาด หรือลามไปยังหาดอื่นๆ รวมทั้งกระบี่ พังงา เพียงแค่ข้ออ้างเพื่อปรับทัศนียภาพของหาดให้สวยงาม ต้นสนขนาดยักษ์ อายุนับร้อยปี ต้องโค่นทิ้งปลูกใหม่ แค่อ้าง อันตราย ไม่เป็นระเบียบ

น่าจะมีกลุ่มทนายจิตอาสาดำเนินการ ลองวิชาที่ร่ำเรียนมา

และควรจะรวมตัวกันแจ้งถึงคณะ คสช.ให้ทราบถึงการทำลายหาดกะรน เพื่อใช้ทำเป็นสนามกีฬา เพราะเป็นการสวนนโยบาย คสช.อย่างร้ายแรง เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ควรกระทำ.
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น