เรื่องราวเริ่มต้นภายในผับแห่งหนึ่งของมหานครนิวยอร์ก เมื่อ “สตีฟ” นักดนตรีหนุ่ม บอกกับผู้ฟังว่า ในค่ำคืนนี้เขามีเพื่อนสาวนักร้อง-นักดนตรี-นักแต่งเพลง มาร่วมฟังดนตรีด้วย และเขาอยากเชิญเธอขึ้นมาร้องเพลงที่แต่งเองให้ทุกคนได้ฟัง …เพื่อนสาวคนนี้ มีนามว่า “เกรตต้า”
เกรตต้าโดนเพื่อนรักคะยั้นคะยอ จึงขึ้นไปร้องเพลงแบบเสียไม่ได้ ท่ามกลางผู้ฟังที่ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมากนัก ราวกับเสียงเพลงนั้นเป็นเพียงส่วนประกอบในการสังสรรค์มากกว่า ยกเว้น “แดน” ที่รู้สึกดื่มด่ำซาบซึ้ง และเห็นอะไรบางอย่างในบทเพลงที่เกรตต้าร้อง
หนังเล่าย้อนกลับไปในเช้าวันที่แสนน่าเบื่อหน่ายของแดน เขาตื่นขึ้นภายในห้องเช่าโกโรโกโส งานประจำของเขา คือ โปรดิวเซอร์เพลงของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งภารกิจแสนจำเจที่ทำทุกวันคือ ฟังผลงานเพลงเดโมที่ศิลปินหน้าใหม่ส่งมาให้พิจารณา ซึ่งมันทำลายโสตประสาท จนทำให้เขาต้องโยนซีดีออกไปนอกรถ
ในมุมหนึ่ง หนังฉายภาพให้เห็นว่า แดนเป็นนักดื่มจัด เขาดื่มเหล้าก่อนที่จะขับรถไปรับ “ไวโอเลต” ลูกสาววัยรุ่น ซึ่งแดนทำหน้าที่สลับกับอดีตภรรยาที่แยกกันอยู่ ในการไปรับส่งลูกสาว
ก่อนจะไปส่งลูกที่บ้าน แดนพาลูกสาวแวะไปที่บริษัท แต่ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอลล์ ผสมกับบุคลิกกวนๆ ทำให้เขาดูเหมือนขี้เมาที่เข้าไปป่วน และวันนั้นเอง “ซัล” เพื่อนสนิท ผู้เป็นหนึ่งในทีมบริหารของบริษัท ตัดสินใจปลดแดนออกจากตำแหน่ง ด้วยเหตุผลว่า ทำงานไม่เข้าเป้า ในฐานะโปรดิวเซอร์ ที่ต้องหาศิลปินหน้าใหม่มาป้อนให้สังกัด แต่หลายปีที่ผ่านมา แดนไม่เคยหาศิลปินได้เลย ราวกับว่าไฟในการทำงานได้ดับมอดลงแล้ว
เมื่อแดนขับรถไปส่งไวโอเลตที่บ้าน ก็มีปากเสียงกับ “มิเรียม” ภรรยาที่แยกกันอยู่ ด้วยเหตุผลว่า เขาไม่ค่อยทำหน้าที่พ่อที่ใกล้ชิดกับลูกสาว จนกระทั่งไวโอเลตกลายเป็นสาวใจแตก
ความเบื่อ เซ็ง ทำให้แดนเข้าไปในผับแห่งหนึ่ง ซึ่งที่นั่นก็ทำให้เขาได้ฟังเพลงของเกรตต้า แดนปรบมือให้เธอด้วยความพอใจ แล้วรีบไปแนะนำตัวว่า เป็นโปรดิวเซอร์สรรหาศิลปินหน้าใหม่ แต่คืนนั้นเกรตต้าไม่พร้อมจะพุดคุยกับคนแปลกหน้าท่าทางขี้เมาที่ดูไม่ค่อยน่าไว้ใจ แถมเธอยังไม่สนใจอยากเป็นศิลปิน ที่ต้องปรับเปลี่ยนบุคลิกภาพของตนเอง เธอจึงตอบปฏิเสธ
แต่อดีตโปรดิวเซอร์มือทอง ไม่ลดละความพยายาม เขาดักรอเกรตต้าอยู่หน้าผับ ก่อนเริ่มต้นแนะนำตัวเองใหม่ด้วยความจริงใจมากขึ้น ว่าเพิ่งโดนไล่ออกจากบริษัท พร้อมกับเล่าถึงปัญหาครอบครัวด้วย เรื่องราวชีวิตย่ำแย่ของแดน ดูเหมือนทำให้เกรตต้าเปิดใจรับฟังเพื่อนใหม่มากขึ้น
เกรตต้ากลับมาที่ห้องพัก เธอเปิดดูคลิปวิดีโอที่เคยถ่ายเก็บไว้ แล้วนึกย้อนไปถึงเรื่องราวความหลังของตัวเอง ซึ่งเปิดเผยให้ผู้ชมรับรู้ว่า เธอมาอยู่ในมหานครที่แสนวุ่นวายนี้ได้อย่างไร
เรื่องราวเล่าย้อนไปหลายเดือนก่อน มันเป็นเช้าที่สดใส เกรตต้า กับ “เดฟ” แฟนหนุ่ม นั่งรถแท็กซี่มุ่งสู่ใจกลางนิวยอร์ค ทั้งคู่คือศิลปินจากอังกฤษ เดฟเป็นศิลปินหน้าใหม่ที่กำลังมาแรง ส่วนเกรตต้าคือผู้ที่อยู่เคียงข้าง เป็นทั้งกำลังใจ บันดาลใจ และนักแต่งเพลงให้แฟนหนุ่ม
การเดินทางมาสหรัฐครั้งนี้ เพื่อเซ็นสัญญาทำเพลงกับบริษัทค่ายเพลงดัง ซึ่งเป็นโอกาสที่ทำให้ทั้งคู่ได้รับการดูแลอย่างดี และทุกอย่างก็เริ่มต้นได้ดี ไปได้สวย เดฟมีเพลงใหม่ๆ ปรับบุคลิกให้เป็นหนุ่มมาดเข้ม แต่ละวันคลุกคลีอยู่ในห้องอัดเสียง และเดินทางไปทัวร์การแสดง ส่วนเกรตต้า แม้จะแวะมาให้กำลังใจแฟนหนุ่มบ้าง แต่เวลาและหน้าที่การงานที่เริ่มไม่สอดคล้องกัน ทำให้เธอมีวันว่างๆ ที่ได้แวะไปเยี่ยมเพื่อนนักเรียนเก่าอย่าง “สตีฟ”
และแล้วปัญหาบางอย่างก็เกิดขึ้น ในค่ำคืนหนึ่งเมื่อเดฟกลับมาจากการทัวร์ในแอลเอ เขาสารภาพว่า มีสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับทีมงานคนหนึ่ง และนั่นก็เป็นเหตุให้เกรตต้าตัดสินใจเดินออกมาจากชีวิตแฟนหนุ่มทันที เธอไปขออาศัยอยู่กับสตีฟชั่วคราว สตีฟได้ชวนเกรตต้าไปผับที่เขาเล่นดนตรี เพื่อไม่ให้เพื่อนสาวฟุ้งซ่านเกินไป จนเกิดเรื่องราวที่ไปบรรจบกับจุดเริ่มต้นของหนังเรื่องนี้
ความคืบหน้าหลังจากการพบกันของ “โปรดิวเซอร์ขี้เมาตกอับที่เพิ่งโดนไล่ออก” กับ “สาวนักแต่งเพลงอกหักจากแฟนนอกใจ” นำไปสู่การที่แดนพาเกรตต้าไปร้องเพลงให้ซัลฟัง เผื่อว่าเสียงเพลงอันไพเราะจะนำให้เขากลับมาประสบความสำเร็จ ในฐานะนักปั้นศิลปินอีกครั้ง
แต่ซัลไม่สนใจ จึงกลายเป็นที่มาของโปรเจคที่ไม่เคยมีใครคิดจะทำ คือ การอัดเพลงในสตูดิโอแบบเอาท์ดอร์ เพื่อประหยัดงบ โดยใช้สถานที่ต่างๆในนิวยอร์คเป็นห้องอัดเสียง
กุญแจสำคัญที่ทำให้โปรเจคที่ราวกับเพ้อฝันนี้ กลายเป็นจริงก็คือ นักดนตรีที่มาเล่นให้แดน ไม่มีใครคิดเรื่องเงินเป็นลำดับแรก ไม่ว่าจะเป็นสองพี่น้องนักไวโอลีน/เชลโล นักเปียโนจากโรงเรียนสอนบัลเล่ต์ และสำคัญที่สุดคือ การได้มือเบสกับมือกลอง ที่ได้รับการสนับสนุนมาฟรีๆ จากแร็พเปอร์ชื่อดังอย่าง “ทรัมเบิลกัม” นักร้องเพลงแร็พผิวสี ที่แดนเคยปลุกปั้นจนโด่งดังไปทั่วโลก
วันแล้ววันเล่าที่เหล่านักดนตรีริมถนน เล่นดนตรี และอัดเพลงกันแบบดิบๆ ตามตรอกเล็กๆ ริมทางรถไฟใต้ดิน ในสวนสาธารณะ และดาดฟ้าตึก ในบรรยากาศของนิวยอร์ก จนในที่สุด พวกเขาและเธอก็สร้างสรรค์ผลงานเพลงสุดฮิตที่มียอดดาวน์โหลดถล่มทลาย
Begin Again อาจเป็นหนังรักผสมหนังเพลง แต่ทว่ารายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ปรากฏในหนัง มีข้อคิดและแรงบันดาลใจดีๆมากมาย
ข้อแรก คือ “ความพยายาม” หรือ “วิริยะ” หนึ่งในอิทธิบาท 4 ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะสร้างความขยันขันแข็ง ไม่ย่อท้อในการทำงาน ดังเช่นแดนกับเกรตต้า ซึ่งโดนปฏิเสธจากค่ายเพลง ก็ไม่หมดกำลังใจ แต่กลับเป็นตัวเร่งให้พยายามมากขึ้น จนกระทั่งได้รับความสำเร็จเป็นผลตอบแทนที่คุ้มค่า
ข้อถัดมา คือ “มิตรแท้” หรือ “กัลยาณมิตร” ซึ่งเป็นที่พึ่งให้เราได้ในยามทุกข์ ตัวอย่างในหนังนั้นชัดเจนจากเพื่อนๆ ของแดน เพราะนักดนตรีทุกคนมาเล่นให้ด้วยใจ โดยไม่ตั้งคำถามว่า จะได้รับค่าแรงเท่าไหร่ เพื่อเพื่อนที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก โดยเฉพาะแร็พเปอร์ดังอย่างทรัมเบิลกัม เมื่อถึงเวลาที่เพื่อนรักต้องการความช่วยเหลือ เขาก็ไม่อิดออดที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยทันที
นอกจากนี้ หลักคิดอีกข้อที่สำคัญ คือ “ความไม่เที่ยง” หรือ “อนิจจลักษณะ” อันเป็นหนึ่งในไตรลักษณ์ ที่สอนว่าทุกสิ่งในโลกย่อมมีการแปรเปลี่ยน ซึ่งหากใครตระหนักในหลักธรรมข้อนี้ ย่อมสามารถรับมือกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นได้ไม่ยาก
เห็นได้จากทั้งแดนและเกรตต้า ที่ผิดหวังจากความรัก แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้จมจ่อมกับความทุกข์ ยังลุกขึ้นมาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง
Begin Again จึงไม่ใช่แค่หนังเพลงที่ได้รับความนิยม ดูแล้วบันเทิงอย่างเดียว หากแต่เป็นหนังที่บอกกับเราว่า “ไม่ว่าทุกข์หรือสุข สมหวังหรือผิดหวัง ชีวิตก็เป็นสิ่งที่เราต้องรู้จักและเรียนรู้ เพื่อจะก้าวต่อไปอย่างมั่นคงกว่าเดิม”
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 165 กันยายน 2557 โดย ชยวรรศ มานะศิริ)