xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวสารบ้านเรา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

น่านเตรียมจัด “สรภัญญะยาตรา สืบสานพระราชศรัทธา บทมนตราเพื่อแผ่นดิน” ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเทพฯ
น่านเตรียมจัด “สรภัญญะยาตรา สืบสานพระราชศรัทธา บทมนตราเพื่อแผ่นดิน”ถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเทพฯ

นายสโรช รัตนมาศ วัฒนธรรมจังหวัดน่าน เปิดเผยว่า คณะสงฆ์วัดปทุมวนาราม ร่วมกับสำนักงานเขตปทุมวัน คณะกรรมการมูลนิธิสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก คณะกรรมการวัดปทุมวนาราม ฝ่ายฆราวาส คณะศิลปินและจิตอาสา อุบาสก อุบาสิกา วัดปทุมวนาราม ได้กำหนดจัดกิจกรรม “สรภัญญะยาตรา สืบสานพระราชศรัทธา บทมนตราเพื่อแผ่นดิน” ในวันที่ 15 กันยายน 2557 ณ วัดพระธาตุแช่แห้ง พระอารามหลวง อ.ภูเพียง จ.น่าน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวโรกาสที่จะทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา ในวันที่ 2 เมษายน 2558 และเพื่อให้พุทธศาสนิกชนตลอดจนผู้มีจิตศรัทธา ได้เข้าใจในหลักธรรมและนำไปปฏิบัติให้เกิดความร่มเย็นแก่ตนเองและครอบครัว มีจิตสาธารณะ พร้อมทั้งมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ในการทำคุณประโยชน์ต่อสังคม ชุมชน และประเทศชาติสืบไป

ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวเป็นกิจกรรมในโครงการเจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิตภาวนา สวดมนต์หมู่ทำนองสรภัญญะ ภายใต้การอำนวยการและการเผยแพร่กิจกรรมของโครงการปทุมมามหาสิกขาลัย วัดปทุมวนาราม และการสนับสนุนอย่างเป็นทางการของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

โดยภายในงานจัดให้มีกิจกรรมต่างๆ เช่น การทอดผ้าป่า “ตามรอยยุคลบาทฯ” กิจกรรมสปาธรรมะ การแสดงธรรมบรรยาย การสวดมนต์หมู่ทำนองสรภัญญะ การแสดงธรรมคีตาเทิดพระเกียรติ จากศิลปินผู้อุปถัมภ์โครงการฯ เป็นต้น จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนและประชาชนทั่วไป เข้าร่วมกิจกรรมโดยพร้อมเพรียงกัน

คสช.เห็นชอบร่างกฎหมาย ปฏิรูปวงการศาสนา

นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีเพียงพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ซึ่งเป็นการให้อำนาจคณะสงฆ์ปกครองกันเอง หากพระสงฆ์กระทำผิดถึงขั้นปาราชิก มีบทลงโทษทางธรรมวินัยคือให้สึกเพียงอย่างเดียว ไม่ต้องรับโทษทางกฎหมาย

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจึงเสนอร่างพระราชบัญญัติอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา พ.ศ.... ประกอบด้วย 8 กลุ่มหลัก คือ การปกครอง การศึกษา การศึกษาสงเคราะห์ การเผยแผ่ การสาธารณูปการ การศาสนสงเคราะห์ การเข้าสู่อาเซียน และกฎหมายอื่นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้กระทำความผิดแฝงตัวมาในพระพุทธศาสนา การเผยแผ่ธรรมะต้องมีมาตรฐาน การสร้างอาคารหรือสิ่งสาธารณูปโภคทางศาสนา ต้องมีกำหนดระยะเวลา เพื่อไม่ให้มีเหตุเรี่ยไรไม่จบสิ้น ต้องมีระบบบัญชีในวัด ไม่ให้วัดเป็นภาระหรือหลอกลวงสังคม เป็นต้น

สำหรับเรื่องกฎหมายอื่นๆที่เพิ่มขึ้นในร่างพระราชบัญญัติฯฉบับนี้ จะระบุข้อห้ามของพระสงฆ์อย่างชัดเจน เช่น การห้ามพระขับรถหรือยานพาหนะอื่นๆ เป็นต้น

ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ร่างพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าว เป็นแนวคิดใหม่ในการปฏิรูปวงการศาสนา ให้มีความชัดเจน และมีความยุติธรรมมากขึ้นต่อสังคม ซึ่งขณะนี้ร่างพระราชบัญญัติฯ ฉบับดังกล่าว ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) แล้ว

ศน.-คณะสงฆ์ กทม.ปั้นพระนักเทศน์มหาชาติ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ

นายกฤษศญพงษ์ ศิริ อธิบดีกรมการศาสนา(ศน.) เปิดเผยว่า จากการสำรวจข้อมูลพบว่า ในปัจจุบันพระธรรมกถึกผู้เทศน์มหาชาติ ที่มีความสามารถ มีจำนวนไม่มากนัก เพราะการเทศน์มหาชาติต้องมีการฝึกฝนทั้งรูปแบบและเนื้อหา รวมถึงการถ่ายทอดที่น่าดึงดูดใจและน่าสนใจ

ทั้งนี้ พระสงฆ์บางส่วนยังเข้าใจคลาดเคลื่อนเรื่องของวิธีการเทศน์ เนื้อหา และขาดวิธีการเทศน์ที่น่าสนใจ แม้ว่าที่ผ่านมามหาเถรสมาคมได้ออกประกาศห้ามพระภิกษุสามเณรเทศน์มหาชาติแบบตลกคะนองเสียสมณสารูปก็ตาม แต่ยังพบว่า บางรูปใช้วิธีการเทศน์ที่ไม่เหมาะสมอยู่บ้าง

ดังนั้น กรมการศาสนาร่วมกับคณะสงฆ์กรุงเทพมหานคร จึงจัดโครงการอบรมเทศน์มหาชาติเวสสันดรชาดก เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อคัดเลือกพระสงฆ์และสามเณรในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑลกว่า 100 รูป เข้ารับการอบรมการเทศน์มหาชาติที่ถูกต้องตามแบบแผน และนำไปต่อยอดการอนุรักษ์การเทศน์มหาชาติที่ถูกต้องตามต้นฉบับ และรักษามรดกทางวัฒนธรรมสืบไป

โดยหลังจากนี้จะขยายโครงการดังกล่าว เพื่อจัดอบรมพระสงฆ์ในทุกภูมิภาค เพื่อสร้างพระนักเทศน์ที่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องเทศน์มหาชาติต่อไป

กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯเตรียมจัดงาน มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 11 ชูแนวคิด “การแพทย์แผนไทยหัวใจการดูแลสุขภาพ”

กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกพร้อมด้วยภาคีเครือข่าย แถลงข่าวการจัด “งานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 11” ภายใต้แนวคิด “การแพทย์แผนไทยหัวใจการดูแลสุขภาพ” ระหว่างวันที่ 3-7 กันยายน 2557 ณ ฮอลล์ 6-8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์องค์ความรู้ด้านศาสตร์การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีในการขับเคลื่อนนโยบาย และยุทธศาสตร์ระดับชาติ และระดับพื้นที่ เป็นเวทีในการพัฒนาองค์ความรู้ทั้งในด้านเชิงระบบ และเชิงวิชาการ การพัฒนาศักยภาพของบุคคล กลุ่ม และเครือข่าย และสนับสนุนการขับเคลื่อนเชิงวัฒนธรรมภูมิปัญญาไท สุขภาพวิถีไท

ดร.นพ.ธวัชชัย กมลธรรม อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก มีนโยบายในการนำภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย มาพัฒนาให้เหมาะสมกับบริบทของปัจจุบัน อันจะนำไปสู่การพึ่งตนเองของประเทศ การแพทย์แผนไทยนั้นนับเป็นภูมิปัญญาด้านวัฒนธรรม ที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศ มีการคิดค้น สั่งสม พัฒนา และคัดเลือกจากบรรพบุรุษของคนไทยมาอย่างยาวนาน การส่งเสริมให้เกิดการใช้การแพทย์แผนไทย ไม่ได้เพียงเพื่อการพัฒนาให้มีอัตลักษณ์ของประเทศเท่านั้น แต่การแพทย์แผนไทยยังมีความสอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนไทย ทำให้ประชาชนพึ่งตนเองได้ ลดการใช้ยาจากต่างประเทศ นอกจากนี้ การใช้การแพทย์แผนไทยยังเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจภายในประเทศ ทำให้เกิดการปลูกพืชสมุนไพร การผลิต การแปรรูป และการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรสร้างรายได้เข้าประเทศอีกด้วย

ด้าน ดร.ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมภายในงานนี้ โรงพยาบาลและมูลนิธิเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้เข้าร่วมจัดกิจกรรมและนิทรรศการที่น่าสนใจ ได้แก่ เปิดตำรับลับสุดยอด ภูมิปัญญาไทยหญ้ารีแพร์ การทำยาสมุนไพรดูแลแม่หญิง แจกหนังสือ “สมุนไพรดูแลแม่หญิง” วันละ 200 เล่ม ต้นสมุนไพรดูแลแม่หญิง วันละ 300 ต้น เป็นต้น

กรมอนามัยห่วงสุขภาพช่องปากของพระ แนะ ปชช.ถวายภัตตาหารที่ดีต่อฟัน

ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยถึงการดูแลสุขภาพช่องปากพระสงฆ์ ว่า พระสงฆ์ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยสูงอายุ ซึ่งจากการสำรวจสุขภาพช่องปากของกลุ่มผู้สูงอายุทั่วไป พบว่ามักจะมีปัญหาสุขภาพช่องปาก

แต่เนื่องจากพระสงฆ์ไม่สามารถเลือกฉันอาหารเองได้ ต้องฉันอาหารตามที่ฆราวาสตักบาตรหรือถวายเท่านั้น พุทธศาสนิกชนจึงควรหลีกเลี่ยงการถวายภัตตาหารที่รสหวานจัด มีน้ำตาลในปริมาณมาก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้เกิดโรคในช่องปาก รวมถึงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูงด้วย

ทั้งนี้ อาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพฟัน ได้แก่ อาหารที่มีเส้นใยสูง เช่น ผักและผลไม้จำพวก แตงกวา ฝรั่ง มะเขือเทศ ชมพู่ จะช่วยในการทำความสะอาดฟัน อาหารที่มีวิตามินซี เช่น ส้ม สับปะรด กะหล่ำปลี แครอท ผักคะน้า มีความสำคัญในการรักษาเหงือก ฟัน กระดูก อาหารที่มีวิตามินบี 2 เช่น ถั่วลิสง รำ ถั่วเหลือง มะม่วง จะช่วยป้องกันมุมปากแตก ลิ้นอักเสบ และควรเลือกถวายน้ำผลไม้แทนน้ำอัดลม เพราะน้ำอัดลมมีปริมาณน้ำตาลสูง และมีผลต่อการกัดกร่อนของฟันได้ หากเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลมไม่ได้ ให้ใช้ดื่มผ่านหลอดลงคอไปโดยตรง จะทำให้น้ำอัดลมสัมผัสกับผิวฟันน้อยกว่าการดื่มจากแก้ว หลีกเลี่ยงขนมหวาน เช่น คุกกี้ โดนัท ทองหยิบ ทองหยอด และฝอยทอง เพราะมีปริมาณน้ำตาลสูง ทำให้ฟันผุได้ง่าย

อธิบดีกรมอนามัยกล่าวด้วยว่า การมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ยังลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เนื่องจากโรคในช่องปากเป็นปัญหาสำคัญ และเป็นปัจจัยเสี่ยงร่วมกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรังด้วย

ปีมหามงคล 57 เทศกาลเจมี 2 ครั้ง ศาลเจ้าเก่าแก่ที่สุดของภูเก็ตจัดเต็ม

กำหนดการเทศกาลถือศีลกินผักหรือกินเจในแต่ละปี จะยึดถือตามปฏิทินจันทรคติของจีน เริ่มตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ ถึง ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 รวม 9 วัน แต่สำหรับในปี 2557 นับว่าเป็นปีมหามงคล เนื่องจากตามปฏิทินจีนมีเดือน 9 สองครั้ง ซึ่งเหตุการณ์นี้ห่างจากครั้งก่อน 182 ปี

ดังนั้น การจัดงานเทศกาลถือศีลกินผักที่ภูเก็ตในปีนี้ บางศาลเจ้าจะจัดเพียงครั้งเดียว ส่วนบางศาลเจ้าจะจัด 2 ครั้ง คือ ครั้งแรก วันที่ 24 กันยายน - 2 ตุลาคม 2557 และครั้งที่สอง วันที่ 24 ตุลาคม - 1 พฤศจิกายน 2557

โดยศาลเจ้ากะทู้ ศาลเจ้าเก่าแก่ที่สุดของภูเก็ต ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ปีนี้คณะกรรมการศาลเจ้าเห็นพ้องให้จัดงานถือศีลกินผัก 2 ครั้ง ขณะที่ในเฟซบุ๊กของศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย ซึ่งเป็นศาลเจ้าชื่อดังแห่งหนึ่งของภูเก็ต มีการโพสต์ข้อความว่า จะจัดงานกินผักในเดือน 9 (แรก) เพียงครั้งเดียว และจะมีการเปิดโรงทานให้ร่วมรับประทานอาหารเจ และสวดมนต์ในเดือน 9 (หลัง)

อนึ่ง ศาลเจ้ากะทู้ถือว่าเป็นศาลเจ้าต้นกำเนิดของประเพณี “เจี๊ยะฉ่าย” หรือประเพณีถือศีลกินผัก ตามประวัติกล่าวว่า หลังจากที่ได้มีคณะงิ้วเดินทางจากเมืองจีน มาเปิดการแสดงที่บ้านกะทู้ แต่ผู้แสดงในคณะงิ้วเกิดเจ็บป่วย ทำให้คณะงิ้วคิดได้ว่า พวกตนไม่ได้ประกอบพิธีกินผัก ซึ่งเคยกระทำเป็นประจำทุกปีที่เมืองจีน จึงได้ทำการประกอบพิธีกินผักขึ้นที่โรงงิ้ว จากนั้นโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ก็หายไป สร้างความประหลาดใจให้ชาวกะทู้เป็นอย่างมาก ปีต่อมาจึงได้เริ่มประกอบพิธี “เจี๊ยะฉ่าย” และแพร่หลายไปยังสถานที่ต่างๆจวบจนปัจจุบัน

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 165 กันยายน 2557 โดย กองบรรณาธิการ)
ศน.-คณะสงฆ์ กทม.ปั้นพระนักเทศน์มหาชาติ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ
กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯเตรียมจัดงาน มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 11 ชูแนวคิด “การแพทย์แผนไทยหัวใจการดูแลสุขภาพ”
กรมอนามัยห่วงสุขภาพช่องปากของพระ แนะ ปชช.ถวายภัตตาหารที่ดีต่อฟัน
ปีมหามงคล 57 เทศกาลเจมี 2 ครั้ง ศาลเจ้าเก่าแก่ที่สุดของภูเก็ตจัดเต็ม
กำลังโหลดความคิดเห็น