xs
xsm
sm
md
lg

ชวนคิดชวนทำ : ลบ 7 นิสัยร้าย บ่อนทำลายมิตรภาพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เคยมีคนกล่าวว่า “เมื่อความคิดแง่ร้ายผุดขึ้นในสมอง ซึ่งแน่นอนว่ามันย่อมเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่การไม่จมปลักอยู่กับมันนั้น ยังไม่พอ คุณต้องแทนที่มันด้วยความคิดแง่บวกด้วย”

แล้วคุณล่ะ...เป็นคนที่ชอบคิดและมองอะไรๆ ในแง่ร้ายหรือเปล่า? เพราะจะว่าไปแล้ว ทุกคนล้วนมีรูปแบบความคิดด้านลบเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว แต่หากเราสะสมมันไปเรื่อยๆ ก็จะกลายเป็นนิสัยติดตัว

แต่หากคุณตระหนักรู้ถึงแนวความคิดด้านลบที่มีอยู่ และแปรเปลี่ยนให้เป็นตรงกันข้าม ย่อมส่งผลดีต่อความสัมพันธ์กับคนรอบข้างและชีวิตตัวเอง ดังนั้น จงอย่ารีรอที่จะโยนความคิดร้ายๆออกไป

ลองสำรวจดูซิว่า 7 ความคิดไม่ดีเหล่านี้ มีอยู่ในตัวคุณบ้างมั้ย?

1. อาฆาตมาดร้าย

เมื่อมีคนทำไม่ดีหรือทำเรื่องร้ายๆกับคุณ คุณมักจะโกรธและอาฆาตมาดร้ายอยู่เสมอ และบ่อยครั้งถึงกับสาบานว่า “ฉันจะไม่มีวันให้อภัยอย่างเด็ดขาด”

คุณรู้มั้ยว่า..ความคิดเช่นนี้ทำร้ายใครกันแน่? ตัวคุณเองหรือคนที่คุณกล่าวคำอาฆาต

คำตอบ คือ คุณกำลังทำร้ายตัวคุณเอง เพราะหากยังมีพลังความเกลียดชังซึ่งเปรียบเสมือนไฟที่ลุกโชนอยู่ในใจตลอด มันก็จะคอยเผาผลาญจิตใจคุณให้เร่าร้อนทุกครั้ง เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นหรือเห็นหน้าคู่กรณี ซึ่งคุณยังไม่ได้ล้างแค้น ความรู้สึกเช่นนี้ไม่เพียงส่งผลร้ายต่อจิตใจ แต่มันยังรวมถึงร่างกายด้วย เพราะความเครียดที่สะสมมา จะกลายเป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคประสาท เป็นต้น

เพราะฉะนั้น จึงน่าจะดีกว่า หากรู้จักข่มอารมณ์ร้ายไม่ให้เกิดขึ้นแต่แรกด้วยการใช้หลักธรรมะมาช่วย เช่น พิจารณาว่าทุกคนมีกรรมเป็นของตัวเอง คุณก็อาจเคยทำเช่นนี้กับคนอื่นมาเหมือนกัน หรือการสวดมนต์แผ่เมตตาให้กับคู่กรณีบ่อยๆ ก็จะทำให้คุณใจเย็นลง และปล่อยวางความอาฆาตมาดร้ายได้ในที่สุด

2. กล่าวโทษผู้อื่นเสมอๆ

หลายครั้งที่เกิดความผิดพลาดขึ้นในชีวิต คุณมักจะกล่าวโทษหรือโยนความผิดให้ผู้อื่นหรือสิ่งอื่น ได้แก่ เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน องค์กร สังคม ลมฟ้าอากาศ ฯลฯ ว่าเป็นต้นเหตุให้คุณพบแต่เรื่องแย่ๆ เช่น เงินเดือนไม่พอใช้ เพราะเจ้านายไม่ขึ้นเงินเดือนให้ บริษัทที่ทำงานอยู่ก็ไม่มีโบนัสหรือผลตอบแทนที่ดี ทำให้ไม่สามารถซื้อรถซื้อบ้าน เรียกว่าสารพัดที่จะโทษ เพราะมันง่ายกว่าและดีกว่าที่จะโทษตัวเองว่า เป็นคนใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ไม่รู้จักเก็บออม

แต่สิ่งที่ควรทำคือ พึงระลึกเสมอว่า ทุกคนมีทางเลือก และขึ้นอยู่กับตัวเองว่าจะเลือกแบบไหน หากเลือกที่จะกล่าวโทษผู้อื่น คุณก็จะอยู่ในสภาพที่ไม่มีความสุขไปตลอดชีวิต แต่ถ้าเลือกที่จะมองตัวเอง กล่าวโทษตัวเอง แล้วปรับปรุงตัวเอง คุณก็จะกลายเป็นคนที่มีความสุขจนน่าอิจฉา

3. ไม่ยอมฟังใคร

ถ้าคุณมักยึดติดกับความคิดของตัวเอง โดยไม่สนใจที่จะรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น หากเป็นเช่นนี้ละก็ มันคือเครื่องบ่งชี้ว่า ความสัมพันธ์ของคุณกำลังล่มสลาย

เพราะทุกครั้งที่ผู้ร่วมงานเสนอความคิดเห็นในเรื่องราวหรือแผนงานต่างๆ คุณจะต้องโต้แย้งและปฏิเสธเป็นประจำ คือ ถ้าไม่พูดปฏิเสธตรงๆ ก็จะแสดงความคิดเห็นประมาณว่า มันน่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เพื่อสื่อให้เข้าใจว่า ความคิดของคนอื่นยังไม่เข้าท่า แต่ความคิดของคุณดีกว่าหลายเท่า

การกระทำเช่นนี้อย่างไร้เหตุผลบ่อยๆ อาจก่อให้เกิดสถานการณ์ตึงเครียด ซึ่งแน่นอนย่อมไม่เป็นผลดีกับความสัมพันธ์ในหมู่ผู้ร่วมงาน

ทางที่ดีควรรับฟังและยอมรับความคิดของคนอื่นดูบ้าง และเมื่อผลลัพธ์ออกมา คุณอาจจะพบว่า มันเจ๋งกว่าคุณคิดไว้เยอะ

4. ดูถูกคนอื่น

การที่คุณชอบดูถูกคนอื่น ทั้งการพูดทำนองว่า “ไม่มีทางที่เธอจะประสบความสำเร็จหรอก” และแววตาเหยียดหยามเยาะเย้ย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ถือว่าเป็นการบ่อนทำลายความสัมพันธ์ชัดๆ

ทั้งๆที่คุณเองก็ไม่ใช่ผู้หยั่งรู้อนาคต แต่คำพูดหรือกระทำบางอย่างในด้านลบ เป็นการปลุกปั่น สร้างรอยร้าวฉานให้เพื่อน ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องดีเลย

ตรงกันข้าม การใช้คำพูดที่ให้ความหวังและกำลังใจแก่ผู้อื่นเสมอ จะทำให้มิตรภาพของคุณงอกงามขึ้นเรื่อยๆ

5. แส่ทุกเรื่อง

ทุกคนมีวิถีชีวิตของตัวเอง และไม่ชอบให้คนอื่นเข้ามายุ่งเกี่ยวหรือก้าวก่ายในเรื่องที่ไม่ได้ร้องขอ แต่หากคุณเป็นคนประเภท “แส่ทุกเรื่อง” ทั้งรู้จริงและไม่รู้จริง กับทุกเรื่องราวของคนรอบข้าง และพยายามผลักดันให้เขาทำตามสิ่งที่คุณบอก นั่นย่อมนำมาซึ่งความสัมพันธ์ที่แตกสลาย

เพราะหากเขาไม่ทำตามสิ่งที่คุณแนะนำ (ซึ่งอาจจะผิดหรือถูก) คุณก็จะโกรธ ไม่พอใจ แต่หากเขาทำตามที่คุณบอกแล้วเกิดความผิดพลาด เขาก็จะโกรธและไม่พอใจ

การให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และไม่พยายามผลักดันความคิดของตัวเอง เมื่อใครบางคนร้องขอ น่าจะเป็นสิ่งดีที่สุดที่ควรทำ เพื่อดำรงไว้ซึ่งมิตรภาพอันงดงาม

6. ชอบตัดสินคนอื่น

การตัดสินผู้อื่นด้วยคำพูดหรือการกระทำ ที่เกิดจากความไม่รู้จริง อาจทำให้คนคนนั้นรู้สึกเสียใจและเกิดความเสื่อมเสีย รวมทั้งคุณจะสูญเสียความสัมพันธ์ที่ดีไปด้วย เช่น เห็นมีผู้ชายแปลกหน้ามานอนค้างบ้านเพื่อนบ้านซึ่งสามีไม่อยู่บ่อยๆ ก็เอาไปนินทาว่าร้ายต่างๆนานา ทั้งๆที่ความจริงแล้ว ผู้ชายคนนั้นคือน้องชายของเธอที่มานอนเป็นเพื่อนพี่สาว เป็นต้น

ดังนั้น อย่าด่วนตัดสินคนอื่นโดยไม่รู้ข้อเท็จจริงเด็ดขาด หากสงสัยใคร่รู้ ก็ให้ถามไถ่เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกัน

7. ขโมยซีน

ในวงสนทนาที่เพื่อนคนหนึ่งกำลังเล่าเรื่องราวสนุกสนานให้ทุกคนฟัง แต่ขณะที่ยังพูดไม่จบ คุณซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มนี้ก็ชิงซีนพูดแทรกขึ้นมา เล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ที่คิดว่าน่าสนใจ เพื่อให้ทุกคนหันมาฟังแทน แล้วมันก็ได้ผลดีซะด้วย

แต่การขโมยซีน เพื่อเรียกร้องความสนใจอย่างไร้มารยาทนี้ กลับกลายเป็นผลร้ายที่เกิดขึ้นกับคุณ เพราะมันอาจทำให้เพื่อนคนนั้นเลิกคบคุณไปเลยก็เป็นได้

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 164 สิงหาคม 2557 โดย ประกายรุ้ง)
กำลังโหลดความคิดเห็น