xs
xsm
sm
md
lg

‘เสื่อยเตี๋ยน’ ลำธารศักดิ์สิทธิ์ของนางฟ้า “ดิสนีย์แลนด์แดนพุทธ” หนึ่งเดียวของโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หากมีใครชวนไปทำบุญไหว้พระที่สวนสนุก และแนะนำให้เตรียมชุดว่ายน้ำไปด้วย ก็อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุปว่าเขาเพี้ยน เพราะสวนสนุกแห่งนี้เป็นอย่างนั้นจริงๆ

ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้านเรา ที่ประเทศเวียดนามเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียน มีสวนสนุกสุดพิเศษที่รวบรวมทุกสิ่งอย่างเข้าไว้ในที่เดียว ใครอยากจะทำบุญไหว้พระ หาที่สงบสงัดรักษาจิต หรือเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์สวยๆ และสวนเขียวชอุ่มจนลืมเวลา สนุกสนานตื่นตาตื่นใจไปกับสวนสัตว์ สวนสนุก สวนน้ำ หรือใครอยากเล่นกีฬาแนวตื่นเต้นสุดเหวี่ยง ก็มีให้เล่น เทียบง่ายๆที่นี่เหมือนเป็นที่รวมเอาวัด เมืองโบราณ สวนสยาม ดรีมเวิล์ด เอเชียทีค อะควาเรียม บึงฉวาก และฟาร์มจระเข้ ของบ้านเรา มาอยู่ด้วยกัน

สวนสนุกที่ว่านี้ คือ สวนสนุกเสื่อยเตี๋ยน (Suoi Tien Amusement Park) เป็นสวนสนุกทางพุทธศาสนาแห่งแรกและแห่งเดียวของโลกจวบจนปัจจุบัน ที่ยังคงมีผู้มาเยือนไม่ขาดสาย แม้เปิดให้บริการมาร่วมยี่สิบปีแล้ว โดยแต่ละปีต้อนรับนักท่องเที่ยวราว 1.5-2 ล้านคน

‘เสื่อยเตี๋ยน’ ลำธารศักดิ์สิทธิ์ของนางฟ้า

เสื่อยเตี๋ยนตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเวียดนาม บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงของนครโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ห่างจากโฮจิมินห์ราว 15 กิโลเมตร มีเนื้อที่กว่า 250 ไร่

โดยในอดีตเป็นพื้นที่ป่ารกร้าง มีลำธารไหลผ่านกลางยาว 2 กิโลเมตร เต็มไปด้วยโรคระบาด รัฐบาลจึงยื่นมือเข้ามาจัดการปลูกสวนป่า แล้วพัฒนาเรื่อยมาจนกลายเป็นสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในนครโฮจิมินห์

ชื่อ เสื่อยเตี๋ยน เป็นภาษาเวียดนาม หมายถึง ลำธารศักดิ์สิทธิ์ของนางฟ้า ตั้งชื่อตามเรื่องราวของเด็กสาว 7 คนที่ลงเล่นน้ำในลำธารแห่งนี้ แล้วโชคร้ายจมน้ำตาย ชาวบ้านเชื่อว่าเด็กสาวเหล่านั้นกลายเป็นนางฟ้าอาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้ จึงร่วมกันสร้างสถานที่สำหรับบูชาสักการะ นับแต่นั้นมาลำธารนี้ก็ได้ชื่อว่า “ลำธารนางฟ้า” (Fairy Stream)

ไม่ใช่แค่สวนสนุกธรรมดาๆ

การสร้างสวนสนุกแห่งนี้เป็นกลยุทธ์อันแยบยลของเวียดนาม ที่มีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาคน เพื่อให้คนพัฒนาประเทศต่อไป โดยกำหนดแนวคิดให้มีการผสมผสานหลักธรรมในพุทธศาสนา ตำนานความเชื่อ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมประจำชาติของเวียดนาม เข้ากับการเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และแหล่งบันเทิงสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว นับเป็นการนำศาสนา ประวัติศาสตร์ และสวนสนุกมาประยุกต์รวมกันอย่างกลมกลืน ซึ่งนอกจากจะดึงดูดเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้มาเที่ยว เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัวแล้ว ยังปลูกฝังให้เกิดการเรียนรู้ และซึมซับความเป็นเวียดนามอย่างไม่รู้ตัวอีกด้วย

จากแนวคิดและกลยุทธ์ดังกล่าวนั้น นักออกแบบได้อาศัยทักษะความชำนาญในการสร้างสรรค์งาน เพื่อสะท้อนให้เห็นแง่มุมทางศาสนา ความเชื่อ และตำนานของชาติอย่างเป็นรูปธรรม ผลงานบางชิ้นก็โดดเด่นจนได้รับการจารึกไว้ในบันทึกของเวียดนาม เช่น Thien Dang Bao Thap เป็นหอคอยที่สูงที่สุดของเวียดนาม และ Goddess of Mercy Statue รูปปั้นสลักจากไม้เนื้อแข็งสีดำที่มีน้ำหนักมากที่สุดในเวียดนาม

ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเที่ยวสวนสนุกด้วย ทำบุญไหว้พระไปด้วย เพราะในสวนสนุกแห่งนี้ ก็มีการจัดโซนสำหรับกิจกรรมทำบุญไหว้พระขึ้นเป็นอาณาบริเวณโดยเฉพาะ ตกแต่งบรรยากาศให้เหมือนวัด มีโบสถ์สไตล์จีน มีพระพุทธรูปให้กราบไหว้ทำบุญขอพร ซึ่งได้รับความสนใจไม่น้อย

และไม่เพียงเฉพาะโบสถ์ที่เป็นสัญลักษณ์ในพุทธศาสนา แต่ในสวนสนุกกว้างใหญ่แห่งนี้ เต็มไปด้วยประติมากรรมทางพุทธศาสนาเกือบทุกมุม มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ทั้งแบบเต็มองค์ เฉพาะพระเศียร เฉพาะพระหัตถ์ และมีอยู่องค์หนึ่งเป็นงานประติมากรรมแบบลอยตัว ด้านหนึ่งเป็นพระพุทธรูปธรรมดา อีกด้านหนึ่งเป็นเจ้าแม่กวนอิมพันกร สลักเสลาลวดลายละเอียด ดูสวยงามแปลกตา

สำหรับคนที่ต้องการหาความเบิกบานใจจากการฝึกสติ สวนสนุกแห่งนี้กว้างใหญ่พอที่จะให้ผู้มาเยือนเดินเที่ยวชม พร้อมฝึกสติทุกอย่างก้าว บนทางเดินที่ทำเป็นแถวดอกบัวผุดกลางน้ำ

บางคนอาจจะถือโอกาสเรียนรู้หรือรำลึกถึงสารธรรมจากเรื่องเล่าในคัมภีร์พุทธศาสนา ที่ชาวเวียดนามได้รับอิทธิพลมาจากฝ่ายมหายานของจีน ซึ่งบ่อยครั้งนำเสนอผ่านตัวละครสัตว์ต่างๆ และในสวนแห่งนี้ก็นำเสนออย่างน่าตื่นตาตื่นใจผ่านรูปปั้น การออกแบบตกแต่งอาคาร การจำลองสถานที่ในนรกและสวรรค์ รวมถึงเครื่องเล่นแนวแฟนตาซี เช่น รูปปั้นตัวแทนเทพเจ้าอย่างกบยักษ์ หัวมังกรหนัก 300 ตัน สัตว์ในตำนานที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูสู่นรก 18 ประตูรอบวังยูนิคอร์น แดนนรกที่เหมือนคุกใต้ดิน มีแต่เสียงร้องโหยโหน ดงปีศาจที่เต็มไปด้วยภูตผีปีศาจ สัตว์นรก และแมงป่องวิเศษ (สัญลักษณ์ของการแปลงร่าง)

ทุกอย่างรอบตัวในสวนนี้ ดูดีๆจะเห็นแนวคิดและความเชื่อพื้นฐานของพุทธศาสนาในเรื่องนรก สวรรค์ กรรมดี กรรมชั่ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของชาวเวียดนาม

ดิสนีย์แลนด์แดนพุทธสุดอลังการ

เวียดนามมีอาณาเขตติดกับจีนและเคยอยู่ภายใต้การปกครองของจีนมานานหลายร้อยปี วิถีชีวิตชาวเวียดนามจึงได้รับอิทธิพลจากจีนในทุกทาง รวมถึงสวนสนุกแห่งนี้ด้วย นับตั้งแต่ซุ้มประตูทางเข้า บรรยากาศ สีสันสดใสจัดจ้านสะดุดตา งานสถาปัตยกรรมสุดอลังการ ประติมากรรมขนาดใหญ่เกินจริง เต็มไปด้วยกลิ่นอายแบบจีน ไม่ว่าจะเป็นโบสถ์ พระพุทธรูป รูปปั้นยักษ์ เครื่องเล่นต่างๆ จนบางคนยกให้เป็น “ดิสนีย์แลนด์เวอร์ชันจีน” หรือบางคนก็เรียกว่า “ดิสนีย์แลนด์แดนพุทธ”

ในสวนสนุกของโลกตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นดิสนีย์ หรือยูนิเวอร์แซล เราจะได้เห็นปราสาทแบบเทพนิยาย หรือบรรยากาศที่เลียนแบบฉากในหนัง หรืออยู่ท่ามกลางตัวการ์ตูนชื่อดัง จนรู้สึกเหมือนหลงเข้าไปอยู่ในดินแดนนิทานของชาวตะวันตกเหล่านั้น

แต่ในเสื่อยเตี๋ยนไม่มีมิกกี้เมาส์และผองเพื่อน หรือซินเดอเรลลา และคนแคระทั้งเจ็ด มีแต่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ รวมทั้งตัวมาสคอตจอมซนที่เป็นลิงขนทอง เดินทักทายและแจกลายเซ็นนักท่องเที่ยว

สัตว์ศักดิ์สิทธิ์แห่งสรวงสวรรค์

สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ในสวนสนุกแห่งนี้ ชาวเวียดนามเลื่อมใสศรัทธาว่าเป็นสัตว์แห่งสรวงสวรรค์ เป็นสัตว์มงคลนำโชค ได้แก่ มังกร กิเลน เต่า และหงส์

มังกร เป็นสัตว์แห่งเทพเจ้า เป็นสัญลักษณ์ของพลัง อำนาจ ความเจริญรุ่งเรือง และชีวิตที่เป็นอมตะ ความเชื่อนี้ปรากฏในวิถีชีวิตของชาวเวียดนามเสมอ เช่น ภาพสลักบนหลังคาอาคาร สถาปัตยกรรมตามพระราชวัง วิหารศาลเจ้า ฮวงซุ้ย และวัดวาอาราม เป็นมังกรคาบลูกแก้วอยู่ในปาก หรืออ้าปากเล่นกับลูกแก้ว เพื่อน้อมถวายสักการบูชาพระพุทธเจ้า

นอกจากนี้ เวลามังกรเคลื่อนตัวจะเหมือนอักษรรูปตัวเอส ซึ่งเป็นรูปทรงคล้ายกับแผนที่ของประเทศเวียดนามด้วย นายดั่งวันบ่าน นักวิจัยวัฒนธรรมอธิบายว่า “มังกรเป็นสัญลักษณ์ของความมีอิสระเสรีที่มนุษย์ปรารถนา มังกรสามารถเหาะขึ้นไปยังสรวงสวรรค์หรืออยู่ในน้ำได้ สามารถเดินเหินและคลานบนดินได้ มังกรยังเป็นสัญลักษณ์ของพลังอันยิ่งใหญ่ที่ช่วยมนุษย์ขยายบุกเบิกที่ดิน และสร้างสรรค์ชีวิตที่ร่ำรวยและเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น”

โดยบริเวณทางเข้ามีมังกรทองขนาดใหญ่สองตัว เลื้อยอยู่สองข้างบันได คอยต้อนรับและคุ้มครองนักท่องเที่ยว

กิเลน ให้ความหมายของอำนาจ บารมี ความสงบสุข และความโชคดี กิเลนเป็นสัตว์ที่แปลกประหลาด หัวเป็นมังกรมีเขา ส่วนตัวนั้นเป็นสัตว์สี่ขา ในบางรูปจะมีเขาเดียว แต่ไม่เคยใช้เขาขวิดคน กิเลนจึงเป็นสัญลักษณ์แห่งความเมตตาอารี ชาวเวียดนามเชื่อว่า กิเลนเป็นสัตว์ที่แข็งแรงและซื่อสัตย์ จึงจัดไว้หน้าวัดวาอารามเพื่อช่วยดูแลสถานที่

เต่า ให้ความหมายของอายุวัฒนะ ความหนักแน่น ความเจริญยั่งยืน และความเป็นอมตะ เต่ามีอยู่ในนิยายปรัมปรา และยังปรากฏตามวิหาร ศาลเจ้า และวัดวาต่างๆ ด้วย

สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวสุดท้ายคือ หงส์ เป็นนกสวย ชาวเวียดนามถือว่า หงส์นำมาซึ่งความเป็นมงคล ความเจริญรุ่งเรือง มังกรและหงส์เป็นสัญลักษณ์ของชีวิตคู่ที่มีความสุข ความโชคดี โชคลาภเงินทอง และเกียรติยศ

ปัจจุบันรูปสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ยังนิยมสลักบนบริเวณอาคารสถาปัตยกรรม และใช้ในภาพวาดหรือผลงานประติมากรรมต่างๆ แสดงถึงอิทธิพลที่มีต่อชีวิตและจิตวิญญาณของคนเวียดนาม รวมทั้งสะท้อนให้เห็นความปรารถนาของชาวเวียดนามทุกคน ที่จะได้อยู่ในประเทศที่มีสันติภาพ ความเจริญรุ่งเรือง และชีวิตที่ผาสุก เพราะที่ผ่านมาเวียดนามประสบความวุ่นวายทางการเมืองและภาวะสงครามอยู่ตลอดเวลา

นอกจากสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่แล้ว ยังมีสัตว์อื่นๆ ตามความเชื่อพื้นบ้านของชาวเวียดนามตั้งแสดงด้วย เช่น ม้า และกบยักษ์

ม้า เป็นตัวแทนของความอดทน ความดำรงอยู่ ความเร็ว ความแข็งแกร่ง ความอุตสาหะ และความสูงศักดิ์ เชื่อกันว่าม้าเป็นสัตว์มงคลที่จะนำมาซึ่งความโชคดี ความมั่งคั่ง ความสำเร็จ ชัยชนะ และความร่ำรวย เข้ามาสู่ครอบครัว

กบยักษ์ ชาวเวียดนามเชื่อว่า กบยักษ์เป็นสัตว์ประหลาดที่กลืนกินดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ เกิดสุริยุปราคาและจันทรุปราคา แตกต่างกับตำนานความเชื่อของประเทศอื่นๆ ในแถบเอเชีย คือ อินเดีย อินโดนีเซีย และไทย ที่เชื่อว่าพระราหูเป็นผู้กลืนกิน อันเป็นตำนานเล่าขานที่มีรากฐานมาจากมหาภารตะ มหากาพย์เรื่องยิ่งใหญ่ของอินเดีย

อาณาจักรแห่งความสนุก

สถานที่ท่องเที่ยวสุดมหัศจรรย์แห่งนี้ที่เที่ยวได้ทั้งครอบครัว เช่น ในอาณาจักรสำหรับเด็ก มีเกมสนุกๆมากมาย ตั้งแต่รถไฟฟ้าซุปเปอร์แมน รถไฟสำหรับเด็ก และบ้านลูกบอล ผู้ใหญ่บางคนก็นึกสนุกย้อนวัยไปเล่นด้วยความตื่นเต้น เหมือนเด็กที่ได้เล่นเครื่องเล่นแปลกใหม่ เพิ่มความสุขและรอยยิ้มกันได้อย่างไม่ผิดหวัง

ส่วนเครื่องเล่นและกิจกรรมน่าประทับใจก็มีให้เลือกมากมายหลายอารมณ์ ทั้งแนวผจญภัย น่ารัก น่าตื่นเต้น น่าตกใจ สยองขวัญ เช่น โรงภาพยนตร์ 4 มิติที่ทันสมัย สวนสัตว์ ทะเลสาบเล็กๆ ที่มีจระเข้อยู่ราว 2,000 ตัว ปราสาทเมืองหิมะซึ่งมีอุณหภูมิ -50 ถึง -150 องศาเซลเซียส อุโมงค์มัจฉา ข้างในเป็นอะควาเรียมให้ชมสัตว์ใต้น้ำหลายร้อยชนิด รถไฟเหาะที่ยาวที่สุดในเวียดนาม เรือไวกิ้ง ชิงช้าสวรรค์ จักรยานกลางเวหา กงล้อมรณะ ขับรถวิบาก ล่องเรือเป็ด เพ้นท์บอล รถบั๊มพ์ รวมทั้งแดนนรก 18 ประตู ป่าลี้ลับ บ้านผีสิง และล่องเรือสู้ผี เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีสวนต่างๆให้ชมและหย่อนใจ เช่น สวนไดโนเสาร์ สวนพระ สวนจีน สวนต้นไม้ ดอกไม้ และน้ำพุสวยๆ

แต่จุดเด่นที่สร้างชื่อเสียงให้ที่นี่คือสวนน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งไม่ธรรมดาอย่างสวนน้ำทั่วไป เพราะนอกจากความใหญ่โตอลังการกว่าใครแล้ว ยังตกแต่งอย่างไม่หลุดคอนเซปต์ของ Theme Park โดยทำรูปปั้นมหึมา จำลองใบหน้าจักรพรรดิและวีรบุรุษของชาติจำนวน 12 คน หันหน้าเข้าหากัน ตั้งล้อมรอบสวนน้ำ และมีน้ำตกขนาดใหญ่ไหลออกมาจากรูปปั้นด้วย

สวนน้ำแห่งนี้สามารถเล่นน้ำกันได้เต็มที่ มีน้ำพุสุดสวยพุ่งออกมาจากพื้นสวนน้ำและรูปปั้น รวมทั้งมีการตกแต่งเพิ่มความตื่นตาตื่นใจขึ้นไปอีกด้วยมังกรยักษ์ กบยักษ์ที่หมุนได้รอบตัว และเจ้าปลาหมึกตัวกลมก็มาร่วมสร้างความคึกคัก นับเป็นกลยุทธ์อันน่าทึ่ง ที่สามารถเอาเรื่องสนุกมาดึงดูดผู้คน แล้วแฝงสัญลักษณ์ที่ปลุกเร้าความรักและภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชาติลงไปได้อย่างสวยงาม

ดิสนีย์แลนด์แดนพุทธแห่งนี้จะจัดงานประเพณีตามเทศกาลประจำปีสำคัญๆหลายงาน เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าร่วมกิจกรรมทางวัฒนธรรม ที่มีชื่อเสียงที่สุดเห็นจะเป็นงาน Hung King’s Death Anniversary ในวันที่ 10 มีนาคม (นับทางจันทรคติ) และงาน Southern Fruit Festival รวมถึงงานไหว้พระจันทร์

ซึ่งนอกจากจะได้สนุกสนานบันเทิงเต็มที่แล้ว ยังได้ทำบุญ เรียนรู้วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันยาวนานของเวียดนามไปด้วย

การเดินทาง : จากใจกลางนครโฮจิมินห์ ขับรถยนต์ไปตามทางหลวงสายฮานอย ใช้เวลาประมาณ 40 นาที
เปิดบริการ : ทุกวัน ตั้งแต่ 08.00 น. วันทำงาน ปิด 18.00 น. วันหยุด ปิด 18.30 น. ส่วนวันหยุดพิเศษจะให้บริการถึง 23.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 50,000 ดอง เด็กลดครึ่งราคา ส่วนค่าเล่นเครื่องเล่นคิดต่างหาก

ศาสนาและความเชื่อในเวียดนาม

เวียดนามไม่มีศาสนาประจำชาติ รัฐธรรมนูญให้อิสระในการเลือกนับถือศาสนา ปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 90 นับถือพุทธศาสนา เวียดนามเป็นเพียงประเทศเดียวในแถบสุวรรณภูมิที่นับถือพุทธศาสนานิกายมหายานอย่างต่อเนื่อง

เวียดนามรับพุทธศาสนานิกายมหายานจากอินเดียและจีน และรับความเชื่อลัทธิเต๋าและขงจื้อจากจีน แล้วเลือกประยุกต์นำมาใช้เฉพาะที่เข้ากันได้ดีและเหมาะสมกับการดำเนินชีวิต

เดิมชาวเวียดนามนับถือและหวังพึ่งพาธรรมชาติ ผีสาง เทวดา อำนาจที่มองไม่เห็น วิญญาณต่างๆ เชื่อว่ามีเทพเจ้าประจำอยู่ทุกคนทุกแห่ง เช่น เทพแห่งแผ่นดิน น้ำ ภูเขา ยึดมั่นในคุณธรรม ความกตัญญู บูชาบรรพบุรุษ สิ่งเหล่านี้ล้วนไปด้วยกันได้ดีกับลัทธิเต๋าและขงจื้อ พุทธศาสนาในเวียดนามจึงเป็นแบบผสมผสานกับลัทธิเต๋าและลัทธิขงจื้อ

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 164 สิงหาคม 2557 โดย วิรีย์พร)












กำลังโหลดความคิดเห็น