• เป็นกิ๊กกัน ผิดศีลมั้ย?
ปุจฉา :
ขอกราบเรียนถามหลวงปู่ว่า เรื่องศีล ข้อ 3 กาเมฯ ถ้าหากเราต้องไปเกี่ยวข้องกับคนที่เจ้าชู้ และมีลูกมีเมียแล้ว อย่างนี้ถือว่า เราผิดศีลข้อ 3หรือเปล่าคะ คือเรายังไม่มีความสัมพันธ์ทางกายใดๆ แค่รู้สึกรักชอบพอกันเท่านั้นเอง อย่างที่เขาเรียกว่าเป็นกิ๊กกันน่ะค่ะ
วิสัชนา :
เอาทุจริต 3 มาเทียบดู คือ กายทุจริต วาจาทุจริต และมโนทุจริต มโนทุจริตนั้น แม้จะไม่มีคำว่า มีกิ๊ก มีชู้ มันมีคำสอนในหลักธรรมว่า โลภอยากได้ของเขา พยาบาทปองร้ายเขา ก็ตามที แต่โลภอยากได้ของเขา มันรวมถึงว่า คนนั้นเมียใคร นั่นคนของใคร มันมาจากรากเหง้าของตัณหา คือ ความทะยานอยาก
เมื่อโลภมันมาจากตัณหา ตัณหามันทำให้เกิดความโลภ หรือความอยาก แล้วที่อยากเป็นผัวชาวบ้าน อยากเป็นเมียชาวบ้าน อยากเป็นกิ๊กเป็นก๊อกเนี่ย มันเป็นตัณหามั้ย เป็นความโลภมั้ย เป็นความอยากมั้ย มันก็จัดอยู่ในคำว่า มโนทุจริต แม้เพียงแค่คิด ก็ผิดศีลแล้วล่ะ
รู้มั้ย คนที่ไม่ซื่อตรงต่อลูก ต่อผัว ต่อเมีย ต่อครอบครัวตัวเองเนี่ยะ เขาเรียกว่า ผู้ที่ไว้วางใจไม่ได้ เป็นคนที่ไม่ซื่อสัตย์ ไม่ซื่อตรง เกิดภพชาติต่อๆไป ตัวเองจะโดนตระบัดสัตย์จากคนอื่น คนอื่นเขาจะไม่ซื่อตรงต่อเรา จะมาหลอกลวง ปลิ้นปล้อน ตลบแตลงต่อเรา
เพราะฉะนั้น ถ้าอยากได้ความซื่อตรงจากคนอื่น เราก็ต้องให้ความซื่อตรงต่อคนอื่น แต่ถ้าคิดว่า เราอยากได้ความซื่อตรง ความเที่ยงธรรม ความจงรักภักดี ความซื่อสัตย์ แต่เราดันให้ความตระบัดสัตย์ ความไม่ซื่อตรง ความไม่เที่ยงธรรม ความตลบแตลง ปลิ้นปล้อน หลอกลวง แล้วใครเขาจะให้เรา ใครเขาจะเอาความซื่อตรง ความซื่อสัตย์ที่ไหนมาให้เราได้
• ถวายสังฆทาน แต่ไม่ได้กรวดน้ำ
ปุจฉา :
เรียนถามหลวงปู่นะครับ คือ ปกติเวลาที่ผมถวายสังฆทาน อย่างการใส่บาตรตอนเช้า ก่อนถวายผมก็ไม่ได้พูด ไม่ได้อธิษฐานอะไร และหลังถวายแล้ว ผมก็ไม่พูดอะไร ไม่อธิษฐานอะไรเลย และไม่ได้กรวดน้ำแผ่เมตตาด้วย เพราะผมคิดว่าผมตั้งใจทำบุญแล้วก็ดีแล้ว แต่มีคนบอกผมว่า น่าจะกรวดน้ำแผ่เมตตา จะดียิ่งขึ้น ผมจึงเรียนขอความรู้จากหลวงปู่ด้วยครับ
วิสัชนา :
ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องพูดอะไรนี่ แต่หลังจากทำบุญแล้วไม่ได้กรวดน้ำแผ่เมตตา ก็ถือว่า คุณขี้เหนียวไปหน่อย ไม่คิดถึงคนอื่น แต่ถามว่า มีใจอยากทำมั้ย...มี แต่ทำแล้วก็ไม่แบ่งบุญให้ใคร
อย่าลืมนะว่า เราก็มีญาติ แล้วเราก็ไม่แน่ใจว่า ญาติของเราที่ล่วงลับไปจะไปเป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นเดรัจฉาน
มีพราหมณ์มาถามพระพุทธเจ้าว่า “ภันเต ภควา ข้าแต่องค์สมเด็จพระศาสดาผู้เจริญ มีหรือไม่พระเจ้าค่ะ ที่ญาติของมนุษย์และสัตว์ไม่เป็นเปรต”
พระพุทธเจ้าบอก “ไม่มี แม้แต่ญาติเรา ตถาคต ยังเป็นเปรตก็มี” เพราะฉะนั้น อย่าไปคิดว่า ญาติเราไม่มีใครเป็นเปรต จะมีมากมีน้อยด้วยซ้ำไป
ดังนั้น ที่แน่ๆ ได้บุญมาก็แบ่งบุญให้แก่ญาติ กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลบ้าง อย่างน้อยเราจะได้มีกัลยาณมิตร มีบริวาร ไม่ใช่ไม่ให้ใครเลย อย่างนี้ถือว่าตระหนี่ขี้เหนียว
• บวชแล้วจะหายเครียดมั้ย?
ปุจฉา :
หลวงปู่เจ้าคะ ดิฉันเป็นคนที่เครียดง่าย เพื่อนแนะนำว่า ให้ไปบวชชีพราหมณ์ หรือบวชเนกขัมมะ อาจจะช่วยทำให้หายจากโรคเครียดได้ ดิฉันก็เลยอยากจะทราบว่า ถ้าดิฉันไปบวชชีพราหมณ์ ถือศีลที่วัด จะหายเครียดหรือไม่เจ้าคะ
วิสัชนา :
การบวชไม่ใช่เป็นคำตอบว่า เราจะหายเครียด หรือไม่หายเครียด เพราะการบวชคือ การที่ต้องการมาสร้างบารมีธรรม หรือเนกขัมมะปฏิบัติ ศีลปฏิบัติ และก็ทำตนให้เป็นคนที่มีสาระในชีวิต รู้จักเรียนรู้ ศึกษาวิชชา ลุถึงปัญญา ที่จะนำพาชีวิตให้ได้
เพราะฉะนั้น การบวชไม่ใช่เป็นคำตอบว่า บวชแล้วจะหายจากโรคเครียด
แต่ถามว่า อาการเครียด มันมาจากตรงไหน มันมาจากใจ ก็ทำให้ใจนี้มันสงบได้ มันก็ไม่เครียดแล้ว ถ้างั้น การบวช ก็ถือว่า เป็นกระบวนการหนึ่งที่จะนำพาไปสู่กระบวนการลดความเครียดให้น้อยลงเท่านั้นเอง แต่อย่าไปมองว่า ถ้าบวชแล้วไม่เครียด
เพราะมีเยอะแยะไปที่พระผูกคอตาย ถามว่าทำไม ก็เครียดไง ที่ลงข่าวหนังสือพิมพ์น่ะ เพราะอะไร ทำใจไม่ได้ไง ธรรมะมันไม่ซึมเข้าไปในหัวใจ ไม่ปฏิบัติธรรม ไม่สนใจธรรม ไม่ศึกษาธรรม ไม่ลงมือกระทำ ได้แต่จำเฉยๆ ก็ไม่ได้เป็นประโยชน์
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 161 พฤษภาคม 2557 โดย หลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม)