• อยากอ่านต่อเนื่อง
เจริญพรกองบรรณาธิการนิตยสารธรรมลีลา
เนื่องด้วยอาตมา พระชาญฤทธิ์ เขมจาโร ได้อ่านนิตยสารธรรมลีลาเป็นประจำ และอ่านทุกหน้า เพราะมีประโยชน์ทั้งกับตนเองและผู้อื่นมาก แต่เมื่อพรรษาที่ผ่านมา อาตมาได้ย้ายสังกัดจากวัดป่าดอนธาตุ มาจำพรรษาอยู่วัดธาตุทอง จึงทำให้ไม่ได้อ่านต่อเนื่อง จึงขอเจริญพรมายังคุณโยมบรรณาธิการช่วยเป็นสื่อขอความอนุเคราะห์จากผู้มีจิตศรัทธา เพื่อขอรับนิตยสารธรรมลีลาด้วย
สุดท้ายนี้ อาตมาก็ขออนุโมทนาบุญล่วงหน้าสำหรับเจ้าภาพอุปถัมภ์ และกองบรรณาธิการนิตยสารธรรมลีลา ในการช่วยกันเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป
ขอเจริญพร
พระชาญฤทธิ์ เขมจาโร
เลขานุการเจ้าคณะตำบลสงยาง
วัดธาตุทอง จ.ยโสธร
นมัสการพระคุณเจ้า ผู้มีจิตศรัทธาที่รับเป็นสมาชิกอุปถัมภ์ถวายท่าน เพื่อให้อ่านต่อเนื่อง เป็นเวลา 1 ปี คือ คุณยุวดี ดอกไม้หอม จากสุพรรณบุรี
เห็นชื่อจังหวัดยโสธรทำให้นึกถึงพระธาตุองค์หนึ่งซึ่งมีประวัติความเป็นมาต่างจากปูชนียสถานอื่นๆ ที่มักเกี่ยวพันกับเรื่องในทธศาสนา นั่นก็คือ พระธาตุก่องข้าวน้อย ตั้งอยู่ในเขตวัดพระธาตุก่องข้าวน้อย ซึ่งแต่เดิมเป็นเพียงทุ่งนาในตำบลตาดทอง อำเภอเมือง อยู่ห่างจากตัวจังหวัดยโสธรประมาณ 9 กิโลเมตร
ตำนานความเป็นมาของพระธาตุก่องข้าวน้อย มาจากชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีอาชีพทำนา ทุกๆวันเขาจะออกไปทำนา โดยมีมารดาเป็นผู้นำข้าวไปส่งให้ตอนกลางวัน อยู่มาวันหนึ่งเขาทำนาจนรู้สึกเหนื่อยและหิวจนตาลาย แต่มารดามาส่งข้าวช้ากว่าทุกวัน และเขาเห็นว่าข้าวที่มารดาใส่ก่องข้าวมานั้นช่างน้อยนิด คงกินไม่อิ่มเป็นแน่ ดังนั้น ด้วยอารมณ์ชั่ววูบทำให้เขาใช้ท่อนไม้ตีมารดาจนตาย ครั้นเมื่อกินข้าวอิ่มแล้ว แต่ข้าวที่เขาเห็นว่าน้อยนิดนั้นก็ยังไม่หมด เขาจึงได้สติสำนึกผิดที่กระทำรุนแรงต่อมารดา จนถึงแก่ความตาย เขาจึงได้สร้างพระธาตุก่องข้าวน้อยขึ้น เพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศล ขออโหสิกรรม และล้างบาปที่ตนกระทำมาตุฆาต
พระธาตุองค์นี้เป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูน สร้างในพุทธศตวรรษที่ 23-25 ตรงกับสมัยอยุธยาตอนปลาย องค์พระธาตุเป็นเจดีย์เหลี่ยมย่อมุมไม้สาม ฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างด้านละ 2 เมตร ก่อสูงขึ้นไปประมาณ 1 เมตร ช่วงกลางองค์พระธาตุมีลวดลายเป็นซุ้มประตูทั้งสี่ด้าน และจากส่วนกลางจนถึงปลายยอดสอบเข้าหากัน กล่าวได้ว่ามีรูปทรงแปลกจากเจดีย์ทั่วไป คือมีลักษณะคล้ายก่องข้าว
นอกจากนี้ บริเวณด้านหลังพระธาตุ ยังมีพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูนองค์หนึ่ง ชาวบ้านนับถือว่าศักดิ์สิทธิ์มาก และในเดือนห้าจะมีผู้คนนิยมมาสรงน้ำและปิดทอง โดยเชื่อกันว่า ถ้าไม่ทำเช่นนี้ฝนจะแล้งในปีนั้น
• เรือนจำขอขอบคุณ
เรียนคุณสุวิมล ดำรงศิริ
ตามที่ท่านได้บริจาคนิตยสารรายเดือน “ธรรมลีลา ชีวิตดี สุขภาพดี” ปีที่ 14 ฉบับที่ 158 ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2557 จำนวน 1 เล่ม ให้ห้องสมุดเรือนจำกลางนครราชสีมา เพื่อไว้บริการให้ผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่ในสังกัดได้ศึกษาค้นคว้าหาความรู้ตามอัธยาศัยนั้น
เรือนจำกลางนครราชสีมา ขอเรียนว่า ได้รับนิตยสารดังกล่าวแล้วด้วยความยินดียิ่ง และได้นำจัดเก็บไว้ที่ห้องสมุดฯ เพื่อไว้บริการแก่ผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่เรือนจำ ได้ใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ต่อไป เรียบร้อยแล้ว
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
ขอแสดงความนับถือ
นางสุดสวาท สรรเสริญ
ผู้บัญชาการเรือนจำกลางนครราชสีมา
เรียนคุณสุภา คุณธีระ
ตามที่ท่านได้บริจาคหนังสือให้แก่ห้องสมุดของเรือนจำกลางอุดรธานี เพื่อเป็นแหล่งศึกษาค้นคว้า ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขและพัฒนานิสัยของผู้ต้องขัง ให้สามารถนำความรู้ที่ได้รับ ไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและสังคมต่อไปนั้น
เรือนจำกลางอุดรธานีได้รับหนังสือจำนวนดังกล่าวตามที่ท่านจัดส่งมาให้ และนำเข้าห้องสมุด เพื่อให้เจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังได้ศึกษาค้นคว้าเรียบร้อยแล้ว และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้รับความอนุเคราะห์จากท่านด้วยดีเช่นเคย จึงขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้
ขอแสดงความนับถือ
นายมีศักดิ์ ลาพิทักษ์
นักทัณฑวิทยาชำนาญการพิเศษ
ปฏิบัติราชการแทน ผู้บัญชาการเรือนจำกลางอุดรธานี
เรียนท่านผู้อ่าน เรือนจำหลายแห่งจะมีจดหมายตอบขอบคุณสำหรับการเป็นสมาชิกอุปถัมภ์บริจาคนิตยสารธรรมลีลา ส่งมาทุกเดือน ซึ่งทางกองบรรณาธิการได้ดำเนินการจัดส่งให้กับผู้อุปถัมภ์ทุกครั้ง
และขอกราบเรียนท่านผู้เป็นสมาชิกอุปถัมภ์ ซึ่งมีบางรายบอกมาว่า เป็นสมาชิกอุปถัมภ์ให้บุคคลหรือหน่วยงาน มาตลอดหลายปี แต่ไม่เคยได้รับจดหมายขอบคุณจากผู้รับเลย จึงไม่อยากทำบุญอุปถัมภ์ให้แล้ว ซึ่งตรงนี้ทางธรรมลีลาก็ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร
แต่อยากฝากเรื่องการได้บุญจากการทำทานซึ่ง สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้ทรงสอนไว้ว่า
“การให้ทานนั้น โดยจุดมุ่งหมายที่แท้จริงก็เพื่อเป็นการขจัดความโลภ ความตระหนี่เหนียวแน่น ความหวงแหนหลงใหลในทรัพย์สมบัติของตน และเพื่อเป็นการสงเคราะห์ผู้อื่นให้ได้รับความสุขด้วยเมตตาธรรมของตน อันเป็นบันไดก้าวแรกในการเจริญเมตตา พรหมวิหารธรรมในพรหมวิหาร 4 ให้เกิดขึ้น”
และถ้าให้ด้วยเจตนาบริสุทธิ์พร้อมกัน 3 ระยะ ก็จะเป็นบุญมาก คือ 1. ก่อนที่จะให้ทาน มีจิตที่โสมนัสร่าเริงเบิกบานยินดีที่จะให้ทาน เพื่อสงเคราะห์ผู้อื่นให้ได้รับความสุขเพราะทรัพย์สิ่งของของตน 2. ระยะที่กำลังลงมือให้ ก็ทำด้วยจิตใจโสมนัสร่าเริงยินดี และเบิกบานในทานที่ตนกำลังให้ผู้อื่น และ 3. ระยะหลังจากที่ได้ให้ทานไปแล้ว เมื่อหวนคิดถึงทานที่ตนได้กระทำไปแล้วครั้งใด ก็มีจิตใจโสมนัสร่าเริงเบิกบาน ยินดีในทานนั้นๆ
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 160 เมษายน 2557 โดย กองบรรณาธิการ)