xs
xsm
sm
md
lg

ปุจฉา - วิสัชนา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หลักดูมิตรแท้และคู่แท้
หลักดูมิตรแท้และคู่แท้

ปุจฉา : กราบหลวงปู่ครับ

1. ผมอยากมีมิตรแท้ ร่วมทุกข์ร่วมสุข ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ผมควรทำตัวเองอย่างไร และควรมีหลักในการคบเพื่อนอย่างไร และหลักในการดูมิตรแท้เป็นอย่างไรครับ

2. ผมอยากมีคู่ครองที่เป็นคู่แท้คู่สร้างคู่สม ชีวิตครอบครัวมีความสุข ผมควรทำตัวเองอย่างไร และมีหลักในการใช้ชีวิตคู่อย่างไร และหลักในการดูคู่แท้เป็นอย่างไรครับ

วิสัชนา : 1. มีมิตรแท้ต้องเริ่มต้นจากตัวคุณก่อน

- มีน้ำใจ รู้จักแบ่งปัน และให้อภัย

- จะพูดจาปราศรัย ก็ให้มีวาจาภาษาดอกไม้ (มิใช่ดอกอุตพิดหรือหมามุ่ย)

- รู้จักทำตนให้เป็นประโยชน์แก่เพื่อนฝูงบ้าง ถ้าทำได้และมีโอกาส

- วางตนให้เสมอต้นเสมอปลาย อย่าวู่วาม อุกอาจตามอารมณ์

- ซื่อตรง จริงใจ

2. คู่ครองที่ดี คงต้องเริ่มต้นจากตัวคุณก่อน

- ให้เกียรติ ยอมรับ

- มีเหตุผล ไม่ดูหมิ่นในสิ่งที่เป็นปมด้อยของเขา

- ซื่อสัตย์ จริงใจ ตรงไปตรงมา ไม่ปลิ้นปล้อนหลอกหลวง

- มอบอำนาจให้ในบางโอกาสที่ควร เช่น คำปรึกษาหารือ และช่วยให้ตัดสินใจอะไรบางเรื่องที่เราเห็นว่าเหมาะสม เขาจะรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้รับความไว้วางใจ

- รู้จักรักษาน้ำใจ เช่นให้ของขวัญในโอกาสต่างๆ

หลักดังกล่าวนี้ นอกจากคุณต้องทำด้วยตัวคุณเองแล้ว คนที่จะมาเป็นคู่แท้ของคุณเขาก็ต้องทำด้วย ซึ่งคุณจะทราบว่าใครเป็นคู่แท้ของคุณ ด้วยการนำหลักทั้ง 5 ที่กล่าวมานี้ ออกมาเทียบเคียง ใครที่ปฏิบัติต่อคุณตามหลักดังกล่าวมานี้ ถือได้ว่าเป็นคู่แท้ทุกโลกของคุณ


พิจารณาความว่าง

ปุจฉา : ถ้าพุทธศาสนากล่าวถึงความว่าง แต่เหตุใดจึงยังมีชาติภพอยู่ ขอความเมตตาหลวงปู่ช่วยชี้แนะแนวทางที่กระผมยังสงสัยและสับสนอยู่ ภรรยาของกระผมเชื่อในเรื่องของการมีชาติภพ และถ้าทำตัวให้เข้าถึงนิพพานในชาตินี้ ก็จะสิ้นภพสิ้นชาติ ไม่เกิดอีกต่อไป

แต่กระผมเชื่อว่า ข้างในความว่างไม่ควรมีอะไรอยู่เลย รวมทั้งตัวของเราอยู่ด้วย การมีชาติภพหมายถึงการมีอัตตา ผมเชื่อว่า การพิจารณาความว่างก็หมายถึงตัวของผมก็ไม่มีอยู่ด้วย ทำให้สงบเย็นเท่านั้นก็พอ

วิสัชนา : พระพุทธศาสนาสอนให้เราเรียนรู้ ทำความเข้าใจหลัก 2 อย่าง คือ

สมมติสัจจะ ได้แก่ การรู้เหตุปัจจัยของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ที่เราเรียกว่า ชาติ ภพ

ปรมัตถสัจจะ ได้แก่ การรู้วิธีดับเหตุปัจจัย ของเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดชาติ ภพ

เพราะฉะนั้น สิ่งที่คุณถามมันเป็นคนละเรื่องกับสิ่งที่คุณรู้ คุณเป็น คุณมี ซึ่งจริงๆแล้วสำหรับผู้รู้ผู้แจ้ง มันก็คือเรื่องเดียวกันอยู่ในคนเดียวกัน เรื่องที่คุณคิดถึงความว่างเป็นอารมณ์มันก็มิได้ผิดอะไร ถ้าคุณคิดแล้วจะทำให้จิตใจของคุณสงบเย็นขึ้น แต่ถ้าวันๆ เอาแต่จะคิดถึงความว่างทั้งๆที่จิตใจมิได้ว่างตามไปด้วย มันก็คงมิได้ช่วยคุณได้เป็นแน่

ฉันอยากจะแนะนำคุณ ให้จัดลำดับของความคิดเสียใหม่ ให้รู้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกเป็นเพียงสมมติ คุณมาใช้สมมติ ได้ประโยชน์จากสมมติ ให้ประโยชน์ในสมมติ ท้ายที่สุด อย่ายึดติดในสิ่งที่เป็นสมมติ เช่นนี้ต่างหากเล่าเขาจึงเรียกว่า “ผู้รู้แจ้ง”


เจอคนเอาเปรียบ

ปุจฉา : นมัสการหลวงปู่ อยากจะเรียนถามท่านว่า จิตใจที่มีธรรมะคือจิตใจที่มีเมตตา แต่ถ้าเราเจอคนที่เขาเอาเปรียบเรา แล้วเราไม่ยอมให้เขาเอาเปรียบเราได้ แสดงว่าเราไม่มีเมตตาใช่หรือไม่ และเราควรจะยอมให้เขาเอาปรียบดี หรือไม่ยอมดี เพราะว่าเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร

วิสัชนา : มันไม่ได้เกี่ยวกันหรอกคุณ การเจริญเมตตาจิต ไม่ใช่หมายความว่า ต้องมีชีวิตอยู่เพื่อให้คนอื่นเอาเปรียบ การที่คุณไม่คิดที่จะเอาเปรียบใคร แม้มีโอกาส และไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบคุณ ก็จัดว่าเป็นเมตตาด้วยเหมือนกัน

คุณลองคิดดูซิว่า คนที่เขาเอาเปรียบคุณ แล้วในที่สุดเขาจะต้องได้รับผลกรรมอย่างไร การที่คุณช่วยป้องกันไม่ให้เขาได้รับผลกรรมอันหนักในอนาคต เช่นนี้จะไม่เรียกว่า คุณมีเมตตาแล้วจะเรียกว่าอะไร ตรงกันข้าม คุณยอมให้คนอื่นเอาเปรียบทั้งที่รู้ แสดงว่าคุณกำลังทำร้ายเขาในอนาคต แถมยังไม่สงสารเขา แล้วยังโง่ อ่อนแออีกต่างหาก อย่าทำ


(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 146 กุมภาพันธ์ 2556 โดย หลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม)
พิจารณาความว่าง
เจอคนเอาเปรียบ
กำลังโหลดความคิดเห็น