xs
xsm
sm
md
lg

คนดังมีดี : เพราะว่ารักมีพลัง “ตุ๊ก” ชนกวนัน รักชีพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เดือนกุมภาพันธ์มีวันแห่งความรักที่ดอกกุหลาบจะส่งกลิ่นหอมไปทั่วทุกหัวถนน ขณะที่คำถามคลาสสิกยังคงถูกถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ความรักคืออะไร ความหอมหวานจากความรักเกิดมีทุกวี่วัน เช่นเดียวกับอีกหลากหลายรสชาติของความรักก็มีให้เห็นไม่เว้นวาย

ความรักคืออะไร อยู่ที่ใครจะนิยาม แต่สำหรับ “ตุ๊ก” ชนกวนัน รักชีพ คุณแม่ยังสาวซึ่งบอกว่าตัวเธอได้ผ่านเรื่องราวความรักมาแล้วหลากหลายรูปแบบ และตอนนี้ ความรักสำหรับเธอที่กำลังผลิบานงอกงามมากที่สุด คือความรักที่มีต่อลูกทั้งสองคน “น้องแพรว” และ “น้องภูมิ”

ในวันที่ผู้คนกำลังค้นหาความรัก อยู่ร่วมกับความรัก เบิกบานกับความรัก “ตุ๊ก” ได้พูดถึงพลังงานอันงดงามของความรักที่ผลักดันมนุษย์ให้ก้าวเดินไปข้างหน้า เธอบอกว่า “ทุกอย่างเรียนรู้ได้จากความรัก” และความรักแต่ละครั้ง ก็เหมือนหนังแต่ละเรื่อง มันมีห้วงขณะสวยงามที่น่าจดจำประทับใจเสมอๆ...

• ความรักเป็นพลังขับเคลื่อน

เมื่อเอ่ยถึงความรัก จินตนาการหลายหลากก็เกิดขึ้นในห้วงคิด แต่ละชีวิต แต่ละช่วงวัย เราต่างมีสำนึกต่อความรู้สึกที่เรียกว่ารักแตกต่างกันไป สำหรับคุณแม่ลูกสองที่เพิ่งกลับมาครองความโสดรอบใหม่ได้ไม่นาน ใช่ความหอมหวานหรือไม่ที่หัวใจเธอนึกถึง เวลาเอ่ยคำว่ารัก?...

“ตุ๊กนึกถึงความปรารถนาค่ะ อันที่จริง มันก็แล้วแต่ช่วงอายุด้วยนะ แต่ในวันนี้ ตุ๊กรู้สึกว่าความรักเป็นความปรารถนาที่จะทำให้คนที่เรารักมีความสุข ที่ผ่านมา ตุ๊กเคยเจอความรักหลากหลายรูปแบบมาก จนกระทั่งเราได้พบกับความรักที่มีต่อลูก เพราะมันเป็นความรักที่ไม่ต้องการผลตอบแทนอะไรเลย มีความสุขในเวลาที่เราเห็นเขามีความสุข

อย่างคู่รัก บางทีเราก็อยากได้จากเขาฝ่ายเดียว ไม่ได้ต้องการในเชิงเอาเปรียบนะคะ แต่อยากได้ในแบบที่อยากให้เขารักเรา โดยที่ลืมมองว่าแล้วเราเองรักเขาได้ดีพอหรือยัง”

ความปรารถนาที่จะเห็นคนรักมีความสุข สำหรับชนกวนัน ไม่ได้จำกัดกรอบไว้เพียงแค่ว่าความสุขนั้นตนเองเป็นผู้สร้างหรือผู้ให้ หากแต่การได้ “เห็น” คนที่รักมีความสุข โดยที่เราไม่ได้เป็นผู้ “ให้” โดยตรง ก็เป็นความสุขใจรูปแบบหนึ่ง

“ตุ๊กมองว่าความรักเป็นพลังขับเคลื่อนมนุษย์จริงๆ มนุษย์ขับเคลื่อนชีวิตในแต่ละวันไปได้ก็ด้วยพลังของความรัก ไม่ว่าจะเป็นความรักในแบบครอบครัว เพื่อน คนรัก หรือรูปแบบใดก็ตาม และเหนืออื่นใด ความรักเป็นความสัมพันธ์ที่สวยงาม คู่รักทุกคู่ ไม่ว่าสุดท้ายแล้ว จะจบลงสวยหรือไม่สวย มันก็เหมือนการดูหนังนั่นล่ะค่ะ ยังไงมันก็ต้องจบอยู่แล้ว แต่เราก็ไม่เคยที่จะลืมหนังเรื่องนั้นนะ

เพราะว่าอย่างน้อยที่สุด ช่วงที่เราดู มันก็สนุก มันมีความสุข มันมีจุดที่น่าสนใจ มันมีโมเมนต์ที่น่าประทับใจ เรื่องราวความรักก็เหมือนกัน ไม่ว่ามันจะจบหรือว่าจะมีภาคสองหรือไม่ก็ตาม แต่ภาคที่ผ่านมา มันมีตอนดีๆ แน่นอน”

ถ้าหนังดีๆ หนึ่งเรื่อง มักฝากร่องรอยความคิดไว้ในลิ้นชักความคิดของคนดู ความรักแต่ละครั้งก็คงฝังความทรงจำ หรือกระทั่งหล่อหลอมบ่มเพาะให้คนเติบโตขึ้นมากบ้างน้อยบ้าง

“ความรักให้อะไรกับตุ๊กเยอะมากเลยค่ะ ความรักทำให้ชีวิตของตุ๊กขับเคลื่อนไปได้ การถูกรักและการได้รัก เป็นความรู้สึกที่วิเศษมากๆ การที่เราได้รักใครสักคน มันเป็นความสุขแน่นอนอยู่แล้ว และในกระบวนการของความรัก มันทำให้เราได้รู้จักการใช้ชีวิตด้วย

ทุกอย่างมันเรียนรู้ได้จากความรัก และทุกการเรียนรู้ มันก็ทำให้เราโตขึ้นและก้าวไปข้างหน้าได้ เราจะก้าวไปข้างหน้าได้ มันก็ต้องผ่านประสบการณ์อะไรต่อมิอะไร มันถึงจะก้าวไปสู่จุดต่อๆไปได้”

• รูปแบบสำเร็จรูป ไม่มีในความรัก

ในห้องเรียนแห่งรัก ดูเหมือนจะมีหลากหลายบทเรียนชีวิตให้เรียนรู้ ในห้องเรียนความรักระหว่างแม่กับลูกก็ไม่มีข้อยกเว้น

“ก็เหมือนแม่ลูกคู่อื่นค่ะ มีทุกรสชาติ” คุณแม่ลูกสองที่ยังสาวและสวย เล่าด้วยรอยยิ้ม เมื่อเอ่ยถึงสถานการณ์ของการเลี้ยงดูลูกสองคน

“ตุ๊กพยายามเรียนรู้ที่จะรักเขาให้เป็น เพราะมันต้องระวังมากเลย ระหว่าง ‘การรักในแบบที่เขาเป็น’ กับ ‘รักในแบบที่เราอยากให้เขาเป็น’

การรักในแบบที่เราอยากให้เขาเป็น คือเราอยากเห็นเขาเป็นแบบนั้นแบบนี้ แต่บางที เราลืมคิดไปว่า เขามีความสุขกับสิ่งนั้นจริงหรือเปล่า หรือจริงๆแล้ว เขาไม่ได้เหมาะที่จะเป็นเช่นนั้นเลย มันเป็นแค่สิ่งที่เราอยากเห็น

ตัวอย่างง่ายๆ เช่น ลูกไปเรียนสถาบันสอนเสริมเด็ก เวลาลูกได้รางวัลอะไรมา เช่นวาดภาพได้ พ่อแม่แฮปปี้ที่ได้เห็นผลลัพธ์ แต่กระบวนการที่กว่าจะไปถึงตรงนั้น ถามว่าลูกของเราแฮปปี้หรือเปล่า ลูกชอบหรือเปล่า

ดังนั้น มันจึงมีคำถามว่า การที่เรามีความรัก เพราะเราอยากเห็นเพียงแค่ผลลัพธ์แบบนั้นหรือเปล่า โดยไม่สนใจว่าความรักของเราหล่อเลี้ยงให้ชีวิตของเขามีความสุขในแต่ละวันจริงๆ หรือไม่ อันนั้นคือสิ่งที่เราเรียนรู้ในการมีลูก

ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ก็ยังเรียนรู้อยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับคำพูดที่ว่า อย่าเอาความรักไปต่อรองกับลูก เพราะถ้าทำอย่างนั้น วันใดที่เขาแข็งแรงเติบโตแล้ว เราจะไม่มีค่าเลย

บางคนพูดกับลูกว่า ทำอย่างนี้ไม่ดีเลย คุณแม่ไม่รักนะ ตุ๊กคิดว่ามันไม่น่าจะถูกใช้ เราก็เลือกที่จะพูดแบบอื่นแทน เช่น หนูทำอย่างนี้ คุณแม่เสียใจนะ ไม่ใช่บอกว่าไม่รัก หรือบอกว่า หนูทำอย่างนี้ เสียดายของนะ คือสอนให้เขาเห็นคุณค่าในทุกสิ่งทุกอย่าง

ถ้าเขามีความรักต่อทุกสิ่งทุกอย่าง ก็จะดี แต่ที่สุดแล้ว กับความรักลูก ตุ๊กคิดว่าถ้าเรารักเขาอย่างเต็มเปี่ยมจริงๆ เขาย่อมรู้สึกและสัมผัสได้ในความรักของเรา ไม่ต้องพยายาม แต่แค่เรารักเขา แล้วเขาจะรู้สึกได้จริงๆ

ความรักไม่มีรูปแบบสำเร็จรูป และเราเองก็ไม่รู้เลยว่าเขาจะเป็นมนุษย์แบบไหน เราก็เรียนรู้ไปเรื่อยๆ เพราะตอนแรกเกิดมา เราก็เหมือนคนแปลกหน้าของกันและกัน แล้วหลังจากนั้น เขาก็เริ่มพูดได้ บอกความต้องการตัวเองได้ เราก็เรียนรู้เขาไป

และในขณะที่เรียนรู้เขา เราก็เรียนรู้ตัวเองไปด้วยว่า สิ่งนั้นสิ่งนี้ที่เราทำต่อเขา มันโอเคหรือไม่โอเคสำหรับเขา เราก็เปลี่ยนแปลงตัวเอง รูปแบบไม่มีแน่ๆ เพราะถ้าความรักอยู่ในรูปแบบ มันจะเหนื่อยค่ะ”

• ฟัง รับรู้ และดูมันเป็นไป
วิถีแห่งการฝึกตน


ชีวิตคนหนึ่งคน ย่อมพานพบและผ่านพ้นประสบการณ์นานาชนิด บางครั้งสุข บางคราวเศร้า เป็นวัฏจักรวงจรไม่สิ้นสุด ชีวิตของผู้หญิงที่ชื่อ “ชนกวนัน” ก็ไม่ต่างไปจากนั้น กับคืนวันที่ล่วงเลย กับเรื่องราวที่ร้าวราน “ธรรมะ” ยังคงเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจที่ยอดเยี่ยมเสมอ สำหรับมนุษย์ทุกยุคทุกสมัย

“การปฏิบัติธรรมเป็นการดึงเราเข้าไปสู่การมีสติสัมปชัญญะในแบบที่มนุษย์ควรจะมี ทีนี้การปฏิบัติธรรมในรูปแบบมันก็จะดึงเราให้เข้าไปสู่การรู้ตัวทั่วพร้อมได้ด้วยวิธีการใดบ้าง ตุ๊กสนใจทั้งการปฏิบัติธรรมในรูปแบบและนอกรูปแบบ

ในรูปแบบ ก็อย่างเช่น การเดินจงกรม นั่งสมาธิ ส่วนนอกรูปแบบ มันก็เป็นเรื่องของการฝึกตน นั่นก็คือการขัดเกลาตัวเองให้งดงามขึ้น เช่น สิ่งที่เรียกว่า “กระบวนการ” กระบวนการก็จะมีการทำหลายอย่าง เช่น สุนทรียสนทนา ศิลปะบำบัด ละครบำบัด รวมถึงการใคร่ครวญกับตัวเอง

ตุ๊กคิดว่า สิ่งเหล่านี้มันนำไปสู่การฝึกตนได้ทั้งหมด อย่างเรื่องแรกที่เราได้รับจากการไปฝึกตนในกระบวนการนี้ก็คือการฟัง พูดแล้วเหมือนไม่มีอะไรนะคะ แต่จริงๆ แล้ว แทบไม่น่าเชื่อว่า คนเราแทบจะไม่มีการฟังอย่างจริงจัง รวมถึงฟังเสียงในใจของตัวเองด้วย”

คุณแม่ลูกสองขยายความว่า “บางที เวลาใครพูดอะไร เรามักจะพูดแทรกตลอดเวลา เราจะตัดสินตลอดเวลา เพราะเรามองคนอื่นด้วยมุมมองทั้งหมดที่เรามี แล้วมุมมองที่เรามี ก็ไม่รู้ว่าใช้ได้หรือเปล่า

เราอยู่กับการตัดสินคน เราเคยชินกับการตัดสินคน ด้วยตัวเราเอง ด้วยสังคม ด้วยสิ่งที่เราโตมา คือมันไม่ใช่ว่าตัดสินถูกหรือผิดนะคะ เพราะบางอย่างมันไม่จำเป็นต้องตัดสิน แค่ฟัง แค่รับรู้ และดูมันเป็นไป

บางอย่างมันไม่จำเป็นต้องสรุปเดี๋ยวนั้น เราลองฟังโดยที่ไม่พูดอะไรแทรกเลย แล้วอาจจะได้ยินอะไรบางอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน

คือไม่ได้ว่านะคะ บางท่านที่ผ่านการปฏิบัติธรรมมาไม่น้อย แต่พอเวลาเข้าสู่สังคม ก็ยังเป็นคนที่เอาเปรียบคนอื่น ดูถูกคนอื่น ตัดสินคนอื่น ด้วยมุมมองของตัวเองที่ไม่รู้ว่าใช้ได้หรือเปล่า บางทีก็ไม่เป็นธรรมหรือไม่จำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้นเลย”

ในการปฏิบัติธรรม ตุ๊กออกตัวว่าตนเองก็ยังอยู่ในช่วงฝึกฝนและฝึกตน เรียกว่าเพิ่งเริ่มต้นออกเดินทางบนวิถีแห่งการปฏิบัติด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างไรก็ยังพยายามที่จะทำให้มันดีขึ้นทุกคืนทุกวัน

“มนุษย์ถูกสร้างให้เป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถคิดได้ วิเคราะห์ได้ ฉะนั้น เราจึงควรจะใช้คุณสมบัติข้อนี้ในการเรียนรู้ธรรม รู้ข้อธรรม จนไปถึงการบรรลุธรรม เส้นทางอาจจะยาวไกลหรือว่าต้องผ่านอะไรบ้าง ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แล้วแต่บุญทำกรรมแต่ง แต่ตุ๊กเชื่อว่า สิ่งนี้จะทำให้เราเป็นมนุษย์ที่งดงาม

การปฏิบัติธรรมเป็นสิ่งที่ทำให้เราเป็นมนุษย์ที่งดงาม ตุ๊กบอกเลยว่าตุ๊กก็อยากงดงาม และงดงามจริงๆ ไม่ใช่แค่มีภาพพจน์ว่าเป็นคนงดงาม ตุ๊กอยากจะมีจิตใจที่งดงามจริงๆ และมีประโยชน์จริงๆ”

• ห้วงยามแห่งความสุขทุกครั้งที่นึกถึง


“มนุษย์เราชอบติดตามความทุกข์ และขยายเวลาของความทุกข์ให้มันยาวนานออกไป แต่อย่างแรกๆ เลยที่ตุ๊กมีความสุขทุกครั้งที่นึกถึงก็คือ การได้คลอดลูก มันอาจจะเป็นเหมือนอัตตาของเราด้วยหรือเปล่าไม่รู้นะ เราได้ทำมันสำเร็จ ตลอดจนการเลี้ยงดูให้เขาเติบโต

บางทีเราอาจจะลืมไปบ้าง แต่พอไปเห็นพ่อแม่บางคนเลี้ยงลูกที่กำลังเล็กๆอยู่ เราก็มีความรู้สึกว่า เฮ้ย เราเคยทำ มีความสุขจังเลย ตุ๊กเคยเจอพี่ปริม (ภรรยาคุณชัย บูลกุล) เขาเจอลูกของตุ๊กตอนเด็กๆ เขาน้ำตาไหลเลย ตุ๊กก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร เขาก็บอกว่าเขาคิดถึงลูก เราก็สงสัยว่า เอ๊.. จะคิดถึงทำไม เพราะลูกก็ยังอยู่

แต่มาถึงตอนนี้ ตุ๊กเข้าใจในความรู้สึกนั้นแล้ว เพราะทุกครั้งที่เราเห็นเด็กตัวเล็กๆ เราจะน้ำตารื้นเลย นึกถึงลูกของเราตอนเล็กๆ “มันช่างบริสุทธิ์จริงๆ นะ” แล้วความสุขในการที่ได้เป็นผู้ฟูมฟักบ่มเพาะลูกมา มันเป็นเรื่องราวของเรา เป็นตำนานสวยๆ ของเรา เป็นเรื่องราวดีๆ ยอดเยี่ยมของเรา”

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 146 กุมภาพันธ์ 2556 โดย อภินันท์ บุญเรืองพะเนา)






กำลังโหลดความคิดเห็น