xs
xsm
sm
md
lg

ความรู้คู่สุขภาพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


• กลิ่นกุหลาบช่วยกระตุ้นความจำ

ทีมนักวิจัยจากประเทศเยอรมัน ได้ทำการศึกษาพบว่า การดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกกุหลาบ ในระหว่างการนอนหลับ ช่วยให้คนมีความจำดีขึ้นกว่าเดิม

โดยนักวิจัยทีมนี้ได้ให้อาสาสมัครจำนวน 74 คน เล่นเกมส์ดูภาพที่เกี่ยวกับความจำ และให้อาสาสมัครจำนวนหนึ่งสูดดมกลิ่นกุหลาบ ก่อนที่จะให้เข้านอนในอุโมงค์เครื่องสแกนสมอง เพื่อตรวจการทำหน้าที่ของสมอง และในระหว่างการนอนหลับ ทีมผู้วิจัยก็ได้ปล่อยกลิ่นหอมกุหลาบชนิดเดิมเข้าไปให้ดมเป็นระยะ

ในวันรุ่งขึ้นอาสาสมัครถูกให้ทำแบบทดสอบอีกครั้ง ผลปรากฏว่าอาสาสมัครดังกล่าวสามารถจดจำภาพได้ 97.2% ขณะที่กลุ่มอาสาสมัครซึ่งไม่ได้สูดดมกลิ่นกุหลาบสามารถจดจำได้เพียง 86%

ผลการศึกษาระบุว่า ในระหว่างที่คนเรานอนหลับ ความจำจะถูกประสานรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันทำให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ซึ่งคนเราสามารถใช้กลิ่นเป็นตัวกระตุ้นการสร้างหน่วยความจำใหม่ๆได้

• ดื่มน้ำมาก..อาจเป็นอันตราย

แม้ว่าน้ำจะมีประโยชน์ แต่การดื่มน้อยไปก็ไม่ดี หรือดื่มมากไปก็มีโทษ เพราะจากการศึกษาของโจเซฟ เวอร์เบลิส นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ บอกว่า คนส่วนใหญ่มีทฤษฎีที่เคยเรียนรู้มาและจำได้ขึ้นใจว่า ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1-2 ลิตร

แต่ในความเป็นจริงนั้น ร่างกายแต่ละคนมีความต้องการน้ำแตกต่างกันไป การที่ร่างกายได้รับน้ำในปริมาณมากๆในระยะเวลาสั้นๆ อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ โดยเฉพาะไต ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญในร่างกาย ซึ่งทำหน้าที่กำจัดของเสียที่เป็นของเหลว

ปกติไตจะสามารถขับของเหลวได้เฉลี่ยชั่วโมงละ 1 ลิตร แต่ผู้ที่มีความเชื่อว่าดื่มน้ำมากๆ น่าจะดีต่อร่างกายนั้น ผลกลับตรงกันข้าม ยิ่งในช่วงที่ออกกำลังกาย ไตจะทำหน้าที่ขับน้ำออกจากร่างกายได้ต่ำกว่าปกติด้วยซ้ำ เพราะเมื่อไตขับของเสียได้น้อย แต่ร่างกายได้รับน้ำมากกว่าปกติ ก็จะทำให้ความสมดุลของเกลือแร่ในร่างกายโดยเฉพาะโซเดียมในกระแสเลือดเจือจางลง ซึ่งมีผลต่อการทำงานของอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย

ดังนั้น เพื่อให้เกิดประโยชน์ที่ดีต่อร่างกาย ควรดื่มน้ำบ่อย ๆ แต่ดื่มทีละน้อยๆ

• ผู้ชื่นชอบการสัก โปรดระวัง!!!
ไวรัสตับอักเสบซีจะมาเยือน


พล.ต.นพ.อนุชิต จูฑะพุทธิ เลขาธิการมูลนิธิโรคตับ กล่าวว่าโรคไวรัสตับอักเสบซี เป็นโรคที่ไม่แสดงอาการออกมาอย่างชัดเจน ในบางรายพบว่ามีไข้ต่ำ เมื่อยล้า คลื่นไส้ เบื่ออาหาร ฯลฯ ทำให้ผู้ป่วยคิดไม่ถึงว่า เป็นอาการของโรคไวรัสตับอักเสบซี โดยจำนวนผู้ติดเชื้อกว่าครึ่งมักจะเป็นเรื้อรัง และกว่าจะรู้ตัว ก็มีอาการรุนแรงถึงขั้นเป็นโรคตับแข็ง และลุกลามไปสู่มะเร็งตับในที่สุด

ทั้งนี้ สาเหตุของการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี มักผ่านทางเลือด เช่น การเสพยาเสพติด ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน การสัก เจาะหู หรือเจาะตามอวัยวะส่วนต่างๆในร่างกาย ฯลฯ

• สมุนไพร “ไคร้เครือ” มีสารก่อมะเร็ง
กรมวิทย์สั่งตัดออกจากตำรับยาแผนไทย


นพ.นิพนธ์ โพธิพัฒนชัย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า จากรายงานผลการศึกษาทางพิษวิทยาของสมุนไพรไคร้เครือ (ชื่อวิทยาศาสตร์ “Aristolochia sp.”) พบว่า มีสาร aristolochic acid ซึ่งส่งผลต่อหนูที่ตั้งท้องทำให้มดลูกผิดปกติและแท้ง นอกจากนี้ จากการศึกษางานวิจัยทางคลินิกในต่างประเทศ พบว่า ผู้ป่วยที่ได้รับสมุนไพรที่มีสารดังกล่าว พบอาการเป็นพิษต่อไต โดยตรวจพบสาร aristolactams และ AA-DNA adducts อื่นๆ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งและทำให้เกิดอาการไตวายในผู้ป่วย

ดังนั้น คณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติจึงได้มีประกาศตัดสมุนไพรไคร้เครือ ซึ่งเป็นเครื่องยาสมุนไพรชนิดหนึ่งที่ใช้กันมากในตำรับยาไทย โดยเฉพาะตำรับยาแก้ไข้ แก้อักเสบ และคลายกล้ามเนื้อ ออกจากตำรับยาแผนไทยในบัญชียาหลักแห่งชาติ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2554 จำนวน 10 ตำรับ จาก 28 ตำรับ ได้แก่ ยาหอมนวโกฐ ยาหอมแก้ลมวิงเวียน ยาหอมอินทจักร์ ยาธาตุบรรจบ ยาประสะกานพลู ยาประสะเจตพังคี ยามันทธาตุ ยาวิสัมพยาใหญ่ ยาเขียวหอม ยาอำมฤควาที เนื่องจากมีข้อมูลงานวิจัยบ่งชี้ว่า ไคร้เครือที่ใช้และมีการจำหน่ายในท้องตลาด เป็นพืชในสกุล Aristolochia

• อ้วนนักมักเสี่ยงหลายโรค

เป็นที่ทราบกันบ้างแล้วว่า ความอ้วนไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม คนอ้วนจึงเป็นคนที่สารพัดโรคชอบมาเยือน

ล่าสุด งานวิจัยใหม่ในประเทศอังกฤษได้สนับสนุนเรื่องนี้ โดยจากผลการประเมินสุขภาพของประชาชน 300,000 คน พบว่า ผู้ที่มีรอบเอวใหญ่กว่ามาตรฐาน จะมีโอกาสเป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 2 มากกว่าคนปกติ และผู้ที่มีรอบเอวใหญ่กว่ามาตรฐาน ยังมีความเสี่ยงเป็นโรคความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจอีกด้วย

นอกจากนี้ การวิจัยของสมาคมโรคมะเร็งในสหรัฐอเมริกา ก็พบว่า ผู้ที่มีรอบเอวใหญ่กว่ามาตรฐานมีโอกาสเป็นโรคมะเร็งมากกว่าคนปกติอีกด้วย

เพราะฉะนั้น คนอ้วนทั้งหลายต้องรีบลดน้ำหนักโดยด่วน เพราะคนที่มีรอบเอวน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของส่วนสูงจะมีอายุไขโดยเฉลี่ยสูงกว่าคนอ้วน

• วิจัยพบ “ขิง” ช่วยควบคุมน้ำหนัก

ขิง ซึ่งมีรสหวานเผ็ดร้อน ช่วยขับลม แก้ท้องอืด จุกเสียด แน่นเฟ้อ คลื่นไส้อาเจียน แก้หอบไอ ขับเสมหะ รวมทั้งช่วยกระตุ้นการบีบตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้ให้ทำงานได้ดีแล้ว ผลการวิจัยล่าสุดยังพบว่า ขิงยังช่วยควบคุมน้ำหนักตัวได้ด้วย

นักวิจัยของสถาบันโภชนาการมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ได้ทำการศึกษาวิจัย พบว่า การดื่มน้ำขิงร้อนๆ หลังการรับประทานอาหาร จะทำให้รู้สึกอิ่มยิ่งขึ้น และลดโอกาสที่จะกินเพิ่มขึ้นในภายหลัง

"ผลการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า มีการละลายไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายได้ดีขึ้น ทำให้ความอยากอาหารลดลง ขิงจึงมีศักยภาพในการช่วยควบคุมน้ำหนักด้วย" นักวิจัยกล่าว พร้อมกับเรียกร้องให้มีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผล

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 146 กุมภาพันธ์ 2556 โดย ธาราทิพย์)





กำลังโหลดความคิดเห็น