เมื่อเย็นวันสุดสัปดาห์ช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา ผมพาสมาชิกครอบครัวไปใช้บริการที่ศูนย์การค้าเดอะมอลล์บางแค เพื่อซื้อของกินของใช้ แล้วกินอาหารค่ำด้วยกันที่ศูนย์อาหารที่นั่น
ก่อนกลับบ้าน ผมและลูกทั้ง 2 คน ได้รับไอศกรีมที่แม่เขาซื้อแจก แล้วเราก็พากันไปนั่งดื่มด่ำความสดชื่นของหวาน-เย็นผ่านเข้าปาก พร้อมผ่อนคลายอารมณ์ชมลีลาการแหวกว่ายของปลาสีสันแปลกๆ ที่ทางศูนย์การค้าเลี้ยงไว้ให้กลมกลืนกับบรรยากาศธรรมชาติ แบบป่าเขาที่มีต้นไม้และน้ำตกเทียมให้เกิดความชุ่มฉ่ำขึ้นบ้างท่ามกลางป่าคอนกรีต
ความคึกคักของผู้คนที่เข้าศูนย์การค้าที่รวมสารพัดบริการทั้งสิ่งของเครื่องใช้ อาหารการกิน บริการการเงิน และความบันเทิง เรียกว่าพยายามสนองความต้องการทั้งกายและใจ สำหรับคนในสังคมเมืองยุคปัจจุบัน
ผมสังเกตเห็นวิถีชีวิตหลากหลายมิติของคนที่เข้าไปในศูนย์การค้า พร้อมๆกับได้ข้อคิดและการเรียนรู้ชีวิตที่น่าสนใจทีเดียว
พวกเราเคยขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้า ซึ่งจัดเป็นสวนน้ำ เห็นหลายครอบครัวหิ้วกระเป๋าอุปกรณ์ หรือบางคนสะพายเป้และจูงเด็กๆ พากันซื้อบัตรเข้าไปใช้บริการสระน้ำ และสังสรรค์กัน
เห็นได้จากสีหน้าท่าทางคนเข้าไปพักผ่อนและต้องการความสดชื่น
พูดได้ว่านี่เป็นตัวอย่างสถานที่ และกิจกรรมที่เป็นความสุข ราคาไม่แพง ที่สังคมมีให้เลือกสัมผัสได้ สำหรับครอบครัวระดับกลาง ที่ใฝ่หาความสุขกาย-สบายใจ
มีประเด็นที่น่าคิด ถ้าจะให้ระบุว่า “เป้าหมายชีวิต” ควรเป็นเช่นไร
บางคนทุ่มเทชีวิตจิตใจ ต่อสู้ ดิ้นรน เพื่อหวัง “ร่ำรวย” เงินทอง หรือบางคนอยากมี “ชื่อเสียง” เป็นที่ยอมรับของสังคม
แต่เป้าหมายเหล่านั้นให้ผลลัพธ์เป็น “ความสุข” ที่แท้จริงหรือไม่
ผมว่า... ไม่แน่ครับ บางคนบางครั้งเป็นเพียงความรู้สึกซึ่งอาจไม่ยั่งยืน
การมี “ชีวิตที่ดี” และความยั่งยืนจึงเป็นเป้าหมายที่กระแสโลกยุคนี้มีคนกล่าวขานถึง ไม่ว่าจะเป็นในแง่แต่ละคนหรือเป็นครอบครัวก็ตาม ไม่ได้วัดกันที่มูลค่าของทรัพย์สมบัติ หรือจำนวนตัวเงิน แต่น่าจะให้ความสำคัญกับผลลัพธ์คือ “ความสุขที่ยั่งยืน” ซึ่งอย่างน้อยน่าจะมีองค์ประกอบ 4 ด้าน ที่ควรคำนึงถึง
1. รู้ทันโลก
ต้องติดตามข่าวสารความรู้เรื่องเพื่อการพัฒนาการเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและการทำงานประกอบอาชีพ แล้วเลือกสร้างสรรค์ทำสิ่งที่มีคุณค่า และเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ครอบครัว โดยไม่ทำลายสังคม
2. สุขภาพดี
ให้ความสำคัญกับการสร้างเสริมสุขภาพที่ดีต่อตัวเอง หลีกเลี่ยงการปฏิบัติตัวที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคภัยไข้เจ็บ ทำเช่นนี้ได้ก็จะ “อยู่เย็น-เป็นสุข”
3. มีเงินออม
หาเงินอย่างสุจริต ฉลาดซื้อและฉลาดในการใช้เงินให้เกิดผลคุ้มค่า เป็นธรรม โดยเฉพาะต้องรู้จักเก็บออม นั่นคือ ไม่ใช้จ่ายเกินตัวหรือมีรายจ่ายมากกว่ารายรับอย่างไม่มีเหตุผล และไม่ก่อหนี้สินโดยไม่จำเป็น ก็เรียกว่า “ไม่จน” เพราะไม่เป็นหนี้
4. ถนอมรักความสัมพันธ์
ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างจะช่วยให้เกิดความสุข ความราบรื่น จึงต้องให้ความสำคัญทั้งต่อคู่ครอง คนในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน ควรมีความเอื้ออาทร มีน้ำใจ ช่วยเหลือเกื้อกูล บรรยากาศในครอบครัวและที่ทำงานก็จะมีแต่ความอบอุ่น ผูกพัน
ลองคิดดู ลำพังองค์ประกอบแต่ละด้านก็เกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อการพัฒนาตัวเราอย่างพิสูจน์ได้ เมื่อเดินเครื่องทั้ง 4 ด้านให้สั่งสมจนกลายเป็นวินัยได้ น่าจะยิ่งเสริมพลังสร้างสรรค์การเป็น “ชีวิตดี” ได้ทุกคน ทุกครอบครัว โดยไม่มีข้อจำกัด อย่างแน่นอนครับ
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 138 มิถุนายน 2555 โดย สุวัฒน์ ทองธนากุล E-mail : suwat@manager.co.th)
