หลายคนรู้ว่า เคล็ดลับความหล่อจากภายในของ คุณหมอและนักแสดงหนุ่ม อย่าง “หมอก้อง” ร้อยโทนายแพทย์สรวิชญ์ สุบุญ ไม่ใช่แค่การได้เล่นกีฬาที่ชอบ อย่าง “เทนนิส” รวมถึงพักผ่อนและดื่มน้ำเยอะๆ เท่านั้น แต่ยังคือ “การช่วยเหลือผู้อื่น” ซึ่งเป็นหนึ่งเคล็ดลับการดูแลสุขภาพใจที่หมอก้องทำมานาน
• ให้สุขแก่คนอื่น
ลดทุกข์ในตัวเรา
“เป็นเรื่องที่ต้องพยายามอยู่เหมือนกันนะครับ เพราะเราบังคับใจตัวเราเองไม่ได้(หัวเราะ) เวลามีอะไรมากระทบ เช่น เหนื่อยมาก ท้อกับงาน เบื่อ หรือว่า เฮ้ย..ทำไม ภาระเยอะขนาดนี้ ก็พยายามหาทางออก อย่างวันนี้คือ การออกไปช่วยเหลือคนอื่นครับ เวลาเห็นคนที่เขาลำบากกว่าเรา ว่ายังมีอีกเยอะเลย มันทำให้มีกำลังใจขึ้นมาว่า เฮ้ย... เรายังไม่หนักเท่าเขาเลย เราต้องสู้”
หมอก้องบอกเล่าในวันที่เพิ่งเดินทางกลับจากการไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่สิงห์บุรี ซึ่งภารกิจนี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ด้วยเพราะหน้าที่แพทย์ทหารประจำ หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย บวกกับใจที่รักจะช่วยเหลือผู้อื่น
“ปีที่แล้วไปออกหน่วยแถวโคราช แล้วก็ยาวมาเลยครับ ได้เห็นว่าชาวบ้านเขาหนักกันจริงๆ พอมาปีนี้ ได้รับการติดต่อจากชาวบ้านที่รู้จักกัน เป็นเพื่อนกัน ว่าที่ สิงห์บุรี.. ตอนนี้ลำบากมาก ผมก็เลยขอกำลังสนับสนุน รวมถึงจากเพื่อนที่เป็นนักแสดงด้วยกัน เอาถุงยังชีพไปให้ ที่ อ.พรหมบุรี และ อ.อินทร์บุรี”
มากไปกว่าการได้รับรู้ว่า สิ่งเล็กๆที่ตัวเองทำ มีค่ามากในสายตาผู้ประสบภัย การออกหน่วยทุกครั้ง ยังทำให้หมอก้องได้รับรู้ด้วยว่า มีคนจำนวนหนึ่งที่พยายามทำดี ด้วยการปิดทองหลังพระ
“จริงๆแล้ว ผมแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลยนะ แค่ทำหน้าที่ติดต่อ แต่ความช่วยเหลือจริงๆมาจากแรงสนับสนุนรอบด้าน แต่พอไปเจอชาวบ้านที่เดือดร้อน ซึ่งเราได้ช่วยเหลือเขา นอกจากจะเข้ามาขอบคุณเรา ยังเห็นว่าเรามีบุญคุณกับเขามากมาย
และได้ไปเจอกับพี่ๆที่เป็นอาสาสมัครช่วยชาวบ้าน ด้วยการลงขันนำเงินไปซื้อของมาแพค แล้วขับรถออฟโรด เอาของไปส่งตามหมู่บ้าน ทำให้ผมรู้สึกว่า คนแบบนี้ก็มีด้วย สิ่งที่เราทำ ถ้าเทียบกับเขา ถือว่าน้อยมาก เลยทำให้ผมมีกำลังใจและตั้งใจว่าจะหาแรงสนับสนุนไปช่วยอีก.. ที่อยุธยา”
ดังนั้น ในทุกครั้งมีความรู้สึกท้อแท้เกิดขึ้น แทนที่จะจับจ้องไปที่ความรู้สึกที่แย่ๆของตัวเอง และพยามยามขยายความรู้สึกนั้นให้ใหญ่ขึ้น หมอก้องกลับเลือกที่จะถามตัวเองว่า เรายังมีค่าต่อใครอีกบ้าง
“สำหรับผม เวลาไปเจอคนที่เขาแย่กว่าเรา ความท้อหายไปเลย ผมจึงอยากให้ทุกคนที่มีความรู้สึกแย่ เหนื่อย ท้อ และรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่ากับใครเลย ถามตัวเองว่า เรายังมีประโยชน์ สำหรับใคร หรืออะไร และตรงไหนอีกบ้าง
อย่างวันนี้ การที่ผมได้ออกไปช่วยคน มันเป็นคำตอบที่ชัดเจนเลยว่า ถ้าเราคิดว่า เราไม่มีค่า อย่างนี้มันผิด เพราะว่าความจริง เรายังมีค่ากับคนอีกตั้งเยอะแยะมากมาย มันเลยทำให้ผมมีกำลังใจ มีแรงที่จะทำงานต่อ พอรู้สึกเหนื่อย เดี๋ยวนอนพักแป๊ปนึง ก็ลุกขึ้นมาทำงานได้แล้ว”
• ต้นแบบของคนรุ่นใหม่
หมอก้องมีดีอะไร? อาจไม่ใช่คำถามที่น่าตั้งคำถาม เท่าหมอก้องไม่มีอะไรดีบ้าง? เพราะจากประวัติการเรียน และการทำงานที่น่าพอใจ ทำให้ใครๆก็อยากจะเลือกหมอก้องเป็นต้นแบบเพื่อเดินตาม โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่รับรู้ว่าหมอก้องเรียนจบระดับม.ปลาย จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพมหานคร ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.90 และจบการศึกษาแพทยศาสตรบัณฑิตจากวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.51 จน ทำให้ได้รับเกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง
คำตอบจากปากหมอก้อง เกี่ยวกับเรื่องดีๆของตัวเอง ที่อยากพูดถึง นอกจากเรื่องของความกตัญญูที่มีต่อครอบครัวมาโดยตลอด ยังเป็นเรื่องของการเป็นต้นแบบ ให้กับคนรุ่นใหม่นั่นเอง
“ปัจจุบันนี้ คุณธรรมเรื่องความกตัญญูก็ยังอยู่ แต่สิ่งที่ทำให้ภาคภูมิใจมากขึ้นก็คือ ผมได้เป็นแบบอย่างแก่เยาวชนหลายๆคน จากเรื่องราวชีวิตของผม จากแนวความคิดของผม คือผมไม่รู้ตัวเลยว่าผมได้เป็นไอดอล ของน้องๆ หลายๆคน จากการที่ผมเอาชีวิตของผมไปเล่าผ่านรายการ และน้องๆหลายคน ที่เห็นผมจากละคร แล้วรู้ว่าผมเป็นหมอ รู้ว่าผมเรียนหนังสือใช้ได้
ผมเคยไปออกรายการทูไนท์โชว์ และได้เล่าว่า ตอนเรียนและตอนทำงาน ผมเป็นอย่างไร รวมถึงความซาบซึ้ง ที่ผมมีต่อเรื่องต่างๆเล่าหมดทุกอย่าง
ผมไม่อายที่ได้เล่าว่า ครั้งหนึ่งผมเคยเป็นเด็กเกเร แต่วันหนึ่งชีวิตก็เปลี่ยนไปได้ พออีกหนึ่งอาทิตย์ถัดมา ผมไปออกงานหนึ่ง ปรากฏว่า มีพ่อแม่คู่หนึ่งวิ่งเข้ามาหาทักทาย แล้วฝ่ายคุณแม่ยกมือไหว้ผม บอกว่า แม่ไม่รู้จะพูดยังไง แต่แม่ขอบคุณหมอก้องมากๆ ที่ทำให้ลูกแม่ เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
เพราะลูกของคุณแม่ท่านนี้ เมื่อเขาได้ฟังผมแล้ว เขาเปลี่ยนไปตั้งใจเรียน รู้ว่าอนาคตของเขาสำคัญมาก และจากนี้ไปเขาจะเรียนแบบเล่นๆไม่ได้เลย”
จากหลายโครงการที่ได้ไปร่วมเป็นวิทยากร ถ่ายทอดเคล็ดลับการเรียนดีและการใช้ชีวิตของตัวเอง ให้กับน้องๆ จนมีผลทำให้ภาคภูมิใจในตัวเองและต้องคอยเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า
“เราจะเป็นคนเลวไม่ได้ ถ้าวันหนึ่งเราเป็นคนเลวขึ้นมา หรือว่าทำอะไรที่ไม่ทันคิดให้ดี มีใครหลายคนที่พร้อมจะเดินตามเรา”
• ความสุขที่ได้เป็นทั้งหมอ
และนักแสดง
นับตั้งแต่ได้รางวัล Popular vote จากการประกวด Channel 3 MALE Star challenge ปี 2549, เซ็นสัญญาเข้าสังกัด ช่อง 3 กระทั่งมีงานพิธีกรและผลงานละครหลายเรื่องติดตามมา แต่หมอก้องไม่เคยคิดที่จะทิ้งอาชีพหมอ เพื่อมาเป็นนักแสดงอย่างเต็มตัว หากเลือกที่จะจัดสรรเวลาให้ทั้งสองอาชีพนี้เดินไปพร้อมกันได้ เพราะต่างเป็นอาชีพที่รักทั้งคู่
“ณ วันนี้ ผมยอมรับว่า งานบันเทิงไม่ใช่งานอดิเรกสำหรับผมอีกต่อไปแล้ว เป็นอีกอาชีพหนึ่งซึ่งก็รัก เวลาที่ได้เล่นละคร ได้ทำหน้าที่ของนักแสดง ก็มีความสุข แต่เวลาที่ได้ออกไปตรวจคนไข้ ก็มีความสุขเหมือนกัน ยังไงก็ต้องเป็นหมอ รักษาคนไข้ไปจนตาย ส่วนวงการบันเทิง ณ วันนี้ ก็ยังอยากจะประสบความสำเร็จ”
โดยหมอก้องจะแบ่งเวลาให้กับทั้งสองอาชีพนี้ ด้วยการยึดตารางเวรของหมอเป็นหลัก และจะรับเล่นละครแค่ครั้งละเรื่องเท่านั้น โดยไม่มองว่า การเลือกทำสองอาชีพไปพร้อมๆกัน เป็นเรื่องที่ต้องปรับตัวอะไรมากมาย แต่กลับมองว่าเป็นผลดี ในยามที่ต้องการความช่วยเหลือจากคนจำนวนมาก
“เวลาทำหน้าที่หมอ ผมก็เป็นหมอที่รักษาคนไข้จริงๆ ไม่คิดว่าตัวเองเป็นดารา (หัวเราะ) ดังนั้น การเป็นดาราเลย ไม่ค่อยมีผลกระทบต่อการเป็นหมอ อาจจะมีคนที่รู้จักเรา ขอถ่ายรูป แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาที่ผมทำงาน ต้องตรวจคนไข้ ผมไม่ให้เลย เพราะผมต้องมีสมาธิกับการทำงาน
แต่ว่าข้อดีของการที่ผมเป็นหมอและเป็นนักแสดงด้วย คือคนจะให้ความสนใจมากขึ้น แล้วเวลาที่เราทำงาน ที่ต้องการความช่วยเหลือจากมวลชนคนหมู่มาก เราก็จะได้รับความร่วมมือ”
ใครที่เคยคิดว่าอาชีพหมอร่ำรวย อาจต้องยกเว้นหมอก้องไว้หนึ่งคน เพราะไม่ได้เป็นหมอในโรงพยาบาลเอกชน แต่เป็นหมอในสังกัดภาครัฐที่รายได้ไม่มาก และขณะเดียวกันต้องมีความเสียสละสูง
“ผมคิดแค่ว่า เราเป็นข้าราชการ มันดีต่อตัวเองและคนอื่น งานที่ทำอยู่ทุกวันนี้ ทำให้ผมไม่มีความคิดที่จะลาออกไปอยู่เอกชน มันมีภาพของอาจารย์แพทย์ ภาพของหมอแต่ละคนที่อยู่ในสายราชการ คนที่อยู่ตรงนี้ รายได้มันน้อย งานหนัก แต่มันก็เหมือนเป็นการเสียสละด้วย”
• ขอเป็นข้าราชการที่ดี
ถวาย “ในหลวง”
เมื่อครั้งที่หมอก้องเคยไปออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ณ จังหวัดเพชรบุรี และเหตุการณ์ครั้งนั้น นอกจากทำให้ซาบซึ้งใจเกี่ยวกับเรื่องราวการเสด็จพระราชดำเนิน ไปเยี่ยมเยือนประชาชนในพื้นที่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีความยากลำบากกว่าตนหลายเท่า ยังส่งผลให้ทุกวันนี้หมอก้องอยากจะอุทิศตัวทำงานในหน้าที่ที่รับผิดชอบให้ดีที่สุด เพื่อเป็นการถวายในหลวง
“ผมมักจะบอกกับหลายๆคนว่า ผมจะเป็นข้าราชการที่ดีถวายในหลวง และถ้าทำโครงการอะไรสักอย่างเพื่อพระองค์ท่านได้ ผมก็จะทำ
เรื่องน้ำท่วมเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทำให้ผมรู้ซึ้งว่า พระองค์ท่านทรงใส่ใจประชาชนทุกคนจริงๆ ที่ไหนเดือดร้อน ทรงรับรู้หมด อยู่ในสายพระเนตรพระกรรณตลอดเลย และทรงพยายามหาหนทางช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา ผมคิดว่าพวกเราทุกคนรับรู้ได้
ผมเชื่อว่า ไม่มีที่ไหนในประเทศไทย ที่ไม่เคยเสด็จพระราชดำเนินไป เพราะผมไปที่จังหวัดไหน ก็จะได้เห็นโครงการของพระองค์ท่านตลอด แม้แต่ตอนน้ำท่วมครั้งนี้ ทุกที่มีโครงการของพระองค์ท่าน จึงทรงเป็นแบบอย่างของประชาชนทุกคนจริงๆ
สิ่งที่พระองค์ท่านทรงทำ ยิ่งใหญ่ทุกอย่างจริงๆ ดังนั้น ทุกวันนี้หากมีงานอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับพระองค์ท่าน ติดต่อเข้ามา ถ้าผมว่าง ผมรับทำหมดเลย”
• อยากช่วยทำนุบำรุง
พระพุทธศาสนา
หลังจากที่เคยผ่านการบวชเรียนมาแล้ว ทำให้ชีวิตช่วงเวลาหนึ่งของหมอก้องมุ่งสนใจธรรมะ แต่เมื่อมีหน้าที่การงานมากขึ้น ทั้งในฐานะหมอ นักแสดง และเจ้าของกิจการร้านอาหารแนวสุขภาพ Green Gourmet by Miss Andrea@CDC แถวเลียบทางด่วนรามอินทรา จึงทำให้มีเวลาน้อยลงในการสวดมนต์ไหว้พระ แต่ก็ไม่ห่างเหินธรรมะ เพราะยังใช้แก้ปัญหาด้านจิตใจ ที่ย่อมมีขึ้นมีลงอยู่เรื่อยๆ
“พองานเยอะ ก็ต้องยอมรับว่า เวลาสวดมนต์ก็ไม่มี และช่วงนี้ด้านจิตใจค่อนข้างว้าวุ่น(หัวเราะ) แต่เวลาคิดถึงพระทีไร ก็จะทำสมาธิ เพราะเวลาที่เข้าสู่สมาธิ ทำให้เกิดปัญญา ที่ช่วยแก้ไขปัญหาได้จริงๆ
ผมว่าธรรมะของพระพุทธเจ้า เอาข้อเดียวมาตีให้ละเอียด ทุกอย่างมันเชื่อมโยงกันหมด เป็นกฎตายตัว หลักธรรมที่ผมมักจะคิดถึงคือ “ไตรลักษณ์” ทุกสิ่งไม่มีความแน่นอน
ธรรมะมันคือธรรมชาติ มันคือสิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้ว ก็ดับไป ตามเวลาของมัน มันไม่มีสุขอะไรที่แท้จริงแล้วมันก็ไม่มีทุกข์อะไรที่ถาวร”
เพราะความศรัทธาที่มีต่อหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านี่เอง ที่ทำให้หมอก้องตั้งใจไว้ว่า ถ้าวันหนึ่ง พร้อมและมีโอกาส จะขอมีส่วนทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
“ผมอยากสร้างวัด ทำมูลนิธิ เป็นความคิดที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ช่วงที่บวช ช่วงที่เป็นคนดีอยู่ในศีลธรรมมากๆ แล้วครับ(หัวเราะ) ใฝ่ฝันว่าอยากจะสร้างวัด บูรณะวัด หรือมีมูลนิธิเป็นของตัวเอง”
• หมอก้องแนะแก้ที่ใจ
สลายโรคเครียด
ในฐานะหมอที่ย่อมต้องเป็นห่วงสุขภาพของผู้คนในสังคมโดยรวมเช่นกัน หมอก้องได้ฝากความปรารถนาดีมาถึงทุกคน เพื่อให้หันมาดูสุขภาพของตัวเอง โดยเฉพาะสุขภาพใจว่า
“ณ วันนี้ ชีวิตของผู้คนโดยเฉพาะชีวิตของคนกรุง ที่ใกล้ตัวผม มีเรื่องของการแข่งขัน และความเครียดในเรื่องต่างๆเข้ามารุมเร้ามากมาย อยากให้เริ่มต้นแก้ที่จิตใจก่อน ควรหันกลับมาให้เวลากับตัวเองให้มากขึ้น และปล่อยอะไรๆให้มันสบายๆมากขึ้น
จริงๆแล้ว ชีวิตของคนเรา ถ้าเกิดมีอะไรมาการันตีได้ว่า ตลอดชีวิตจะมีปัจจัย 4 ให้อย่างเพียงพอ คนเราจะไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว และน่าจะพอได้แล้ว แต่เป็นเพราะใจของเราเองนี่แหละ ที่มันไม่หยุด ไม่พอ ผมคิดว่า โรคที่คนเป็นกันมากที่สุดในตอนนี้คือ โรคเครียด อยากให้แก้ปัญหาโรคเครียดให้ได้ครับ”
และความเครียดส่วนหนึ่ง เกิดมาจากการที่คนเรา กังวลกับอนาคต มากกว่าที่จะทำปัจจุบันให้ดีนั่นเอง
“อนาคตมันยังมาไม่ถึงไงครับ ถามว่าผมกลัวไหม ผมกลัว แต่ทุกครั้งที่ผมกลัวมากเกินไปจนขาดสติ ผมจะพยายามดึงตัวเองกลับมาอยู่กับปัจจุบัน อนาคตเป็นสิ่งที่คิดถึงได้ วางแผนได้ แต่อย่าไปวิตกกังวลกับมัน เพราะมันยังมาไม่ถึง อดีตก็เหมือนกัน ผ่านไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเก็บมาคิด ถ้าการคิดนั้นไม่มีประโยชน์กับอนาคต”
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 132 พฤศจิกายน - ธันวาคม 2554 โดย พรพิมล)