ท่ามกลางความทันสมัยของเมืองลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายที่หลบหนีเข้าเมือง ต่างเดินทางมาแสวงหาโชคและโอกาสเพื่อทำงานเก็บเงิน มุ่งหวังที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ต่างจาก “คาร์ลอส กาลินโด” ชายเม็กซิกันวัยกลางคนที่อดทน สู้ชีวิตทำงานเป็นคนตกแต่งสวนในเมืองใหญ่
เหตุผลที่คาร์ลอสยอมเสี่ยงในการไม่มีใบอนุญาตแรงงานต่างด้าวนั้น เพราะเขามีลูกชายวัยรุ่น คือ “หลุยส์” ซึ่งเป็นลูกติดจากภรรยาที่ทิ้งเขาไป พ่อหม้ายเม็กซิกันจึงตั้งใจทำมาหากิน เพื่อหวังให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนนี้ มีอนาคตสดใส ก้าวพ้นออกไปจากชีวิตชนชั้นแรงงาน เพราะหลุยส์มีข้อได้เปรียบที่เป็นเด็กซึ่งเกิดในสหรัฐอเมริกา จึงมีสัญชาติอเมริกันโดยถูกต้องตามกฎหมาย
แต่ทว่าด้วยวัยกับสภาพแวดล้อม ทำให้หลุยส์ค่อนข้างเสี่ยงกับการออกนอกลู่นอกทางไปสู่ด้านมืดได้ตลอดเวลา สาเหตุคือ ฐานะทางการเงิน ทำให้คาร์ลอสไม่สามารถส่งลูกชายไปเรียนในสถานศึกษาที่มีชื่อเสียงได้ โรงเรียนของหลุยส์จึงเป็นเพียงโรงเรียนเล็กๆที่มีเด็กวัยรุ่นเม็กซิกันจำนวนมากเข้ามาศึกษา
สถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ลูกชายคนเดียวของคาร์ลอสเข้าไปสนิทสนมกับกลุ่มเพื่อนชาวเม็กซิกัน ที่มีความเกี่ยวข้องกับแกงค์อันธพาลในละแวกนั้น เมื่อผนวกเข้ากับการอยากเป็นที่ยอมรับ การติดเพื่อนก็ทำให้หลุยส์ มีแนวโน้มเดินออกไปในเส้นทางที่ผิด แถมยังมีพฤติกรรม ใจร้อน วู่วาม มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งบ่อยครั้ง
แต่ยอดคุณพ่ออย่างคาร์ลอส ไม่ปล่อยให้ลูกชายเกเร เขาย้ำเสมอถึงความสำคัญของการศึกษา รวมทั้งให้หลุยส์ รู้จักคุณค่าของเงิน ดังจะเห็นจากฉากหนึ่ง ซึ่งเขาปฏิเสธจะให้เงินแก่ลูกชายโดยไม่จำเป็น และอ้างว่าไม่มีเงินมากพอ ทั้งที่ในความเป็นจริง เขาสะสมเงินได้จำนวนหนึ่ง
เงินที่คาร์ลอสเก็บออมไว้นั้น เพราะเขาคิดเสมอว่าวันหนึ่งอาจต้องลงทุนอะไรสักอย่างเพื่อความมั่นคงในชีวิตมากขึ้น จนเมื่อ “มาร์ติเนซ” นายจ้างและเพื่อนซี้ของเขา ซึ่งเป็นเจ้าของรถกระบะที่ออกไปรับงานทำสวน ตัดสินใจจะเดินทางกลับบ้านเกิด และต้องการขายรถ คาร์ลอสตัดสินใจที่จะซื้อรถคันนี้เพื่อสร้างงานสร้างรายได้ในอนาคตให้แก่ตนเองและลูก
แต่ปัญหาสำคัญของเขา คือเรื่องเงินซึ่งมีไม่มากพอ เขาจึงตัดสินใจไปขอยืมน้องสาว คือ “อนิต้า” ซึ่งแต่งงานกับชาวอเมริกัน และมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดี “อนิต้า” เป็นคนที่รู้บุญคุณพี่ชาย เพราะเคยลำบากและช่วยเหลือกันมาก่อน เธอจึงให้เงินพี่ชายไปฟรีๆ
เมื่อคาร์ลอสซื้อรถกระบะแล้ว ทำให้เขารับงานตกแต่งสวนได้ด้วยตนเอง แต่การทำสวนจำเป็นต้องมีลูกมืออีกหนึ่งคน คาร์ลอสจึงเลือกรับคนงานรายหนึ่ง คือ “ซานเตียโก้” ซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าวเช่นกัน
แต่แล้วโชคชะตาก็เล่นตลกกับเขา เพราะจังหวะที่คาร์ลอสกำลังปีนขึ้นไปทำงานบนยอดต้นปาล์ม และทิ้งกระเป๋าไว้ข้างล่าง ลูกมือสุดแสบก็ฉวยโอกาสขโมยกุญแจ รถขับออกไป ทิ้งให้หัวใจของคาร์ลอสแทบแหลกสลาย
คาร์ลอสได้พยายามสืบเสาะด้วยตัวเอง ว่าลูกมือหัวขโมยนั้นเป็นใครมาจากไหน เพราะเขาเองก็เป็นแรงงานหลบหนีเข้าเมือง จึงไม่สามารถไปพึ่งพาอำนาจรัฐได้
เมื่อหลุยส์รู้เรื่อง จึงขออาสาติดตามไปด้วย สองพ่อลูกเดินทางไปสืบถามตามแหล่งแรงงาน กระทั่งรู้ว่า ซานเตียโก้รับจ้างทำงานครัวอยู่ในภัตตาคารแห่งหนึ่ง แต่เหตุการณ์กลับซับซ้อนมากกว่าเดิม เมื่อซานเตียโก้นำรถขายให้อู่เถื่อนไปแล้ว สองพ่อลูกจึงไม่มีทางเลือก นอกจากต้องไปขโมยรถจากอู่ที่รับรถจากหัวขโมยมาอีกที
สุดท้ายแล้ว ภารกิจผจญภัยเสี่ยงชีวิตตามเอารถคืนของสองพ่อลูกสำเร็จลงได้ด้วยดี แต่เมื่อขับรถหนีออกมาจากอู่เถื่อนได้ไม่นาน คาร์ลอสก็เจอเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งขอตรวจสอบเอกสารใบขับขี่ นาทีนั้นเขามีทางเลือก คือ ขับรถหนีไปตายเอาดาบหน้า หรือจอดรถแล้วยินยอมรับสภาพการเป็นแรงงานเถื่อนหลบหนีเข้าเมือง
คาร์ลอสตัดสินใจเลือกทางที่สอง เพราะเขาไม่อยากให้ลูกชายเห็นแบบอย่างการละเมิดกฎหมายที่ร้ายแรง และต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย ผู้เป็นพ่อจึงยอมโดนจับ และถูกส่งตัวกลับประเทศ โดยฝากอนาคตลูกชายไว้กับอนิต้า น้องสาวที่จะมารับเลี้ยงดูแทน
ภาพยนตร์เรื่อง A Better Life มีประเด็นใหญ่สองด้าน คือ ชีวิตที่ต้องสู้ของคนหลบหนีเข้าเมือง กับความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูก ซึ่งเรื่องราวตลอดเกือบสองชั่วโมง มีข้อคิดแฝงความหมายดีๆโยงเข้าหลักธรรมได้ไม่น้อย
สำหรับ “คาร์ลอส” ธรรมะในหน้าที่ผู้เป็นบิดามารดา คือ สิ่งที่เขายึดปฏิบัติในการเลี้ยงดูบุตรชายตนเอง ได้แก่ 1.ห้ามมิให้ลูกทำความชั่ว 2.แนะนำลูกให้ตั้งอยู่ในความดี 3.ให้ลูกศึกษาศิลปวิทยา โดยสามข้อนี้ เราเห็นได้จากคำตักเตือนว่ากล่าวของคาร์ลอสที่มีต่อหลุยส์ ส่วนอีกสองข้อ คือ หาคู่ครองที่สมควรให้แก่ลูก อาจสื่อเป็นนัยให้เห็นจากการที่เขาไม่อยากให้หลุยส์ไปมั่วสุมอยู่กับกลุ่มแกงค์เพื่อนเม็กซิกันซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกันกับแฟนสาวของเด็กหนุ่ม และสุดท้ายคือ มอบทรัพย์ให้ลูก ก็เห็นได้จากการสอนให้หลุยส์รู้จักคุณค่าของเงิน ไม่ให้เงินลูกพร่ำเพรื่อ
หลักคิดที่สำคัญอีกด้านในหน้าที่ของความเป็นพ่อคือ การกระทำตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ลูก มีเหตุการณ์ 2 อย่างที่เด่นชัด คือ การที่คาร์ลอสไม่เข้าไปทำร้ายซานเตียโก้ เพื่ออยากให้ลูกชายที่อารมณ์กำลังพลุ่งพล่านนั้นได้เห็นว่า ความรุนแรงไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ รวมถึงการยอมรับผิดเมื่อต้องเจอเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ตอกย้ำให้ลูกชายซึมซับเรื่องความรับผิดชอบ
ส่วนธรรมะที่ผู้ชมได้เรียนรู้จาก “หลุยส์” ชัดเจนที่สุด คือ หลักมงคลชีวิตข้อ “การไม่คบคนพาล” เพราะเพื่อนฝูงที่รายล้อมเด็กหนุ่มนั้น ชักชวนให้เข้าแกงค์อันธพาล และเสี่ยงที่จะนำไปสู่การกระทำผิดใหญ่โต แต่เมื่อหลุยส์รับปากพ่อ ว่าจะตั้งใจเรียนและย้ายไปอยู่กับอนิต้า เขาจึงตัดสินใจไม่ติดต่อกับเพื่อนกลุ่มเดิมอีก แล้วยอมละทิ้งสังคมเดิมๆ ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่
ในช่วงท้าย หลักมงคลชีวิตหัวข้อ “การอยู่ในถิ่นอันสมควร” ยังฉายให้เห็น เพราะหลุยส์ย้ายไปอยู่กับอนิต้า และย้ายไปโรงเรียนใหม่ เขาสนุกสนานไปกับการเล่นกีฬา กับเพื่อนใหม่ หลุดพ้นจากวังวนที่สุ่มเสี่ยง
ซึ่งทั้งหมดนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า ชีวิตใหม่ที่ดีกว่าของหลุยส์ ได้รับการกล่อมเกลาแนวคิด และสั่งสอนสิ่งดีๆ มาจากพ่อผู้เสียสละของเขานั่นเอง
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 132 พฤศจิกายน - ธันวาคม 2554 โดย ชยวรรศ มานะศิริ)