xs
xsm
sm
md
lg

กฎแห่งกรรม : คู่อริ - คู่อาฆาต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

การฆ่าคนนับว่าเป็นบาปอย่างยิ่ง หากใจไม่หยาบหนาจริงๆ ก็คงไม่กล้าทำ แต่สำหรับบางคนแล้ว ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องสนุกสนาน ไล่ฆ่าฟันกันราวกับว่าชีวิตนี้ไม่มีความหมายอะไร และดูเหมือนว่าคนเหล่านี้จะไม่กลัวบาปกรรมอะไรทั้งสิ้น

ตัวอย่างต่อไปนี้เป็นกรณีหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อห้าหกปีก่อน และผลของกรรมได้ตามไล่ล่าเขาอย่างสาสม ทำให้เขาได้เสวยความทุกข์มาจนกระทั่งปัจจุบัน

........

ท่ามกลางเมืองหลวงอันกว้างใหญ่ไพศาล เต็มไปด้วยแสงสีแห่งความเจริญรุ่งเรือง ในซอยเล็กๆ แห่งหนึ่งแถวบางไผ่ นายพันธกร ซึ่งเพื่อนๆ เรียกว่า “กร” อาศัยอยู่กับพ่อแม่ที่ฐานะค่อนข้างยากจน บ้านของเขาเป็นเพิงเล็กๆ ไม่ต่างจากสลัมทั่วไป

สิ่งหนึ่งที่นับว่าโชคดีสำหรับคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพ คือ มีโอกาสได้ศึกษา แม้ว่าคนที่อยู่ในกรุงเทพจะไม่ได้ร่ำรวยทุกคน แต่ก็สามารถเข้าถึงการศึกษามากกว่าเด็ก ต่างจังหวัด กรก็เป็นคนหนึ่งที่เป็นความหวังของพ่อแม่ เมื่อเกิดมาจน พ่อแม่ก็พยายามส่งให้ลูกได้เรียนหนังสือ เผื่อวันข้างหน้า เขาจะได้ช่วยครอบครัวให้สุขสบายขึ้น

กรได้สมัครเข้าเรียนในโรงเรียนเทคโนโลยีแห่งหนึ่ง ซึ่งพ่อแม่ก็คิดว่าหากจบมาแล้วคงจะหางานง่าย แต่ที่พ่อแม่ไม่ค่อยจะสบายใจและเป็นห่วงคือเรื่องความปลอดภัย เพราะแต่ละวันมักจะได้ยินข่าวเด็กนักเรียนตีกันเป็นประจำ พ่อแม่จึงพยายามบอกลูกให้ระวังตัวและให้ไปโรงเรียนพร้อมกับเพื่อนๆ

กรเองก็ระมัดระวังตัวอยู่พอสมควร เขาจึงไปขึ้นรถเมล์พร้อมเพื่อน กลุ่มเพื่อนของกรนั้นก็เหมือนกับวัยรุ่นทั่วไปที่คึกคะนอง หากเจอกับกลุ่มนักเรียนโรงเรียนที่เป็นคู่อริ ก็จะตีกันเสมอ วันใดที่ตนเองมีพวกเยอะก็ดูเหมือนว่าสนุกดี ได้ไล่ตีคนอื่น แต่วันใดตนเองมีพวกน้อย การเอาตัวรอดแต่ละครั้งจึงยากเย็นแสนเข็ญ แทบเลือดตากระเด็น

ชีวิตของกรในการไปเรียนหนังสือ ไม่ต่างอะไรกับการไปรบ เพราะต้องคอยระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา เจอสีเสื้อต่างกันไม่ได้ ความรู้สึกไม่ปลอดภัยจะเกิดขึ้นทันที หากทำเขาก่อนก็ย่อมได้เปรียบ นี่คือความคิดของกร เขาไม่เคยคิดเลยว่า คนที่สีเสื้อต่างกับเขาจะคิดอย่างไร แต่สำหรับเขาคือต้องเอาตัวรอดก่อน ตีได้ก็ตี ฆ่าได้ก็ฆ่า ไม่ได้สนใจว่าคนนั้นจะเสียใจ หรือมีพ่อแม่พี่น้องที่รออยู่ข้างหลังอีกมากมาย กรคิดเพียงว่า พวกที่อยู่โรงเรียนซึ่งเป็นคู่อริกับตน จะต้องจัดการให้หมด ไม่ว่าใครก็ตาม

หลายครั้งหลายคราที่กรบาดเจ็บกลับมา บางครั้งก็โดนมีดฟัน บางครั้งก็โดนชกต่อยจนหน้าบวม กว่าจะรักษาหายก็หลายอาทิตย์ทีเดียว แต่เหตุการณ์อย่างนี้นับว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับเขา กรไม่ได้รู้สึกสำนึกหรือกลัวตายเลย เมื่อรักษาหายก็ไปต่อสู้ใหม่ ดูเหมือนว่าความแค้นที่ฝังอยู่ในใจของเขาและเพื่อนๆ จะไม่มีวันจางหายไปได้เลย

วันใดที่พวกเขาแก้แค้นได้ ก็จะฉลองกันยกใหญ่ รู้สึกดีใจ ภาคภูมิใจที่เอาชนะคู่อริได้ ยิ่งทำให้ฝ่ายตรงข้ามบาดเจ็บได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีใจมากเท่านั้น ความคิดสงสารเห็นอกเห็นใจ แทบไม่มีอยู่เลย คิดอย่างเดียวว่า พวกนั้นสมควรตาย

วันหนึ่งขณะที่กรนั่งรถเมล์กลับจากโรงเรียนพร้อมเพื่อนๆ ระหว่างทางพวกเขาได้เจอกับคู่อริขึ้นมาบนรถ ทั้งสองฝ่ายต่างงัดอาวุธออกมามีทั้งมีด เหล็ก ปืนปากกา สนับมือ ฯลฯ แล้ววิ่งเข้าหากันราวกับทำสงคราม ต่างฝ่ายต่างมุ่งมั่นที่จะทำลายฝ่ายตรงข้ามให้ได้

ในระหว่างนั้นมีฝ่ายตรงข้ามคนหนึ่ง ถูกเพื่อนของกรชกต่อยจนล้มลงกองกับพื้น ทุกคนจึงรีบวิ่งมารุมกระทืบซ้ำให้หนักกว่าเดิม กรก็ร่วมหัวจมท้ายกับเขาด้วย โดยได้ใช้เหล็กฟาดเข้าไปที่ขาของคู่อริอย่างแรง กรรู้สึกสะใจมากที่เห็นนักศึกษาคู่อริไม่มีทางสู้ และนอนร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด ไม่นานก็แน่นิ่งไป ในที่สุด ชายหนุ่มคู่อริก็เสียชีวิต

วันนั้นพวกของกรเป็นฝ่ายชนะ แต่ก็ได้สร้างความแค้นเคืองให้กับฝ่ายตรงข้ามอย่างที่สุด เพราะพวกเขาต้องเสียเพื่อนรักไป แน่นอนว่ากระบวนการล้างแค้นจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ทุกคนคงไม่ปล่อยให้เพื่อนตายฟรีเป็นแน่ แต่จะได้ล้างแค้นเมื่อไหร่นั้น ไม่มีใครทราบ รู้แต่ว่าทุกคนต้องเตรียมให้พร้อมเสมอ ได้จังหวะเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น

ส่วนกรและเพื่อนๆก็ย่อมรู้ดีว่า คู่อริจะต้องมาล้างแค้นสักวันหนึ่ง พวกเขาจึงมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความหวาดระแวง และในใจก็เต็มไปด้วยความกังวลต่างๆ นานา โดยเฉพาะเวลาที่ไปและกลับจากโรงเรียน ไม่รู้ว่าคู่อริจะโผล่มาเมื่อไหร่ นี่คือความทุกข์ของคนทำชั่ว จิตใจย่อมไม่มีทางสงบไปได้

ในที่สุดวันที่พวกเขากลัวก็มาถึง ฝ่ายคู่อริได้มาดักรออยู่หลายวันแล้ว และแน่นอนว่าการมาคราวนี้จะต้องยกพวกมามากกว่าเดิม พร้อมกับอาวุธครบมือ

กรเล่าว่าขณะนั้นเขานั่งอยู่ที่เบาะหลังของรถเมล์ พร้อมกับเพื่อนๆ เมื่อรถเมล์เข้าจอดป้าย พวกคู่อริก็กรูกันขึ้นมาบนรถ เพื่อนๆเขาต่างแตกตื่นกระโดดลงจากรถเมล์ แต่หลายคนก็ยังโดนคู่อริวิ่งไล่ตามไปแทง ส่วนกรซึ่งหนีไม่ทัน จึงตกเป็นเป้าถูกคู่อริคนหนึ่งใช้ด้ามปืนฟาดที่ศีรษะ ส่วนอีกคนใช้มีดฟันจนเขาเลือดอาบสลบไป และถูกคู่อริจับโยนลงจากรถเมล์

กรมารู้ตัวอีกทีก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว เมื่อตื่นขึ้นมาเขาเห็นร่างกายของตนเองเต็มไปด้วยผ้าพันแผลเกือบทั้งตัว ทั้งรอยมีดฟัน ทั้งแผลบวมช้ำจากการถูกตี และที่สำคัญมันทำให้กรต้องเป็นอัมพาตไปครึ่งตัว เดินไม่ได้อีกเลย!!

หลังจากรักษาแผลให้หายดีขึ้น กรรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลายครั้งรู้สึกอยากฆ่าตัวตาย เพราะไม่คิดว่าตนเองจะเป็นแบบนี้ แต่พ่อแม่ก็ได้ปลอบใจ ให้กำลังใจ และพาไปวัดปฏิบัติธรรม เพื่อช่วยเยียวยารักษาจิตใจ

ในเวลาที่กรจิตสงบ เขาได้ระลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชีวิต ทุกอย่างยังตราตรึงอยู่ในหัวใจของเขา และเขาได้รู้ซึ้งแล้วว่า นี่เป็นผลจากกรรมที่เขาได้กระทำไว้เอง หากเขาไม่ทำความชั่ว ชีวิตของเขาก็คงไม่เป็นแบบนี้ แต่กว่าจะรู้ซึ้งถึงผลของกรรมชั่ว ก็สายไปเสียแล้ว ทุกวันนี้กรพยายามทำบุญกุศล เพื่ออุทิศไปให้กับเจ้ากรรมนายเวรที่เขาได้เคยกระทำไว้ โดยหวังว่ากรรมดีคงจะช่วยทำให้กรรมชั่วที่เขาทำในอดีตเบาบางลงบ้าง

กรรมชั่วเป็นเหมือนกับดักที่รอเราอยู่ หากเรารีบทำความดี กรรมชั่วที่เคยทำในอดีตก็จะส่งผลเบาบางลงได้ กรรมดีเท่านั้นที่จะทำให้เรามีความสุขได้อย่างแท้จริง ไม่เคยมีใครที่ทำกรรมชั่วแล้วพบความสุขอันแท้จริงเลย

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 132 พฤศจิกายน - ธันวาคม 2554 โดย มาลาวชิโร)
กำลังโหลดความคิดเห็น