xs
xsm
sm
md
lg

ธรรมะกับสุขภาพ : เรื่องของคนผมหงอก คนอายุยืน (ตอนที่ 18)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ท่านผู้อ่านครับ ตอนที่แล้วได้กล่าวถึงคนที่คิดมาก เครียดมาก ทำให้ผมหงอกก่อนวัย แก่เร็ว อายุสั้น

ผมหงอกเป็นสัญลักษณ์ของความชราภาพอย่างหนึ่ง ในครั้งพุทธกาลพระพุทธเจ้าได้ปรารภเรื่องของพระองค์ เมื่อเริ่มมีผมหงอก พระองค์ก็เกิดธรรมสังเวชว่า เทวทูตปรากฏแล้วแก่พระองค์ ทรงสละราชสมบัติออกผนวช เรื่องนี้อยู่ใน “มฆเทวสูตร มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ ราชวรรค” ดังนี้คือ

คราวหนึ่ง ที่สวนมะม่วงชื่อมฆเทวัมพวัน ใกล้เมืองมิถิลา พระพุทธองค์ทรงแย้มพระโอษฐ์ขณะประทับนั่ง ณ ที่แห่งหนึ่งในสวน พระอานนท์จึงทูลถามว่า มีเหตุอะไร ให้ทรงแย้มพระโอษฐ์ พระองค์ทรงเล่าถึงอดีตเมืองมิถิลาว่า

เคยมีกษัตริย์องค์หนึ่ง พระนามว่า พระเจ้ามฆเทวะ เป็นต้นราชวงศ์ ทรงปกครองแผ่นดินโดยธรรม รักษาอุโบสถทุกวัน ๑๔-๑๕ ค่ำและวัน ๘ ค่ำ วันหนึ่งรับสั่งกับช่างตัดผมว่า ถ้าเห็นเส้นพระเกศาหงอกขาว ขอให้รายงาน ให้พระองค์ทราบทันที

อยู่ต่อมาวันหนึ่ง ช่างตัดผมทูลรายงานว่า เริ่มมีพระเกศาหงอกบนพระเศียรให้เห็นแล้ว พระเจ้ามฆเทวะให้ถอนพระเกศาหงอกวางลงบนกระพุ่มพระหัตถ์ แล้วพระราชทานบ้านส่วยเป็นรางวัลแก่ช่างตัดผม และโปรดให้พระราชโอรสองค์ใหญ่เข้าเฝ้า มีรับสั่งมอบราชสมบัติให้ครองสืบต่อจากพระองค์ โดยพระองค์จะเสด็จออกผนวช ทรงพร่ำสอนพระโอรสว่า เมื่อใดที่เห็นผมหงอกบนศีรษะของตนเอง จงให้บ้านส่วยเป็นรางวัลแก่ช่างตัดผมผู้รายงาน แล้วมอบราชสมบัติให้รัชทายาท ปลงผมออกบวช นี่เป็นกัลยาณวัตรเพื่อให้รัชทายาทปฏิบัติตาม อย่าได้เป็นคนสุดท้ายที่ปฏิบัติตามกัลยาณวัตรนี้ เมื่อใดละเลยกัลยาณวัตรนี้ ก็ถือว่าราชวงศ์นี้ล่มสลาย

หลังจากพระเจ้ามฆเทวะมอบราชสมบัติแก่พระราชโอรสแล้ว ทรงเสด็จออกผนวช ทรงเจริญพรหมวิหารธรรมอันไม่มีขอบเขตจำกัด แผ่ไปทั่วทุกทิศทาง เมื่อทรงสวรรคตแล้วได้ไปเกิดในพรหมโลก กษัตริย์กรุงมิถิลาต่อๆ มาก็บำเพ็ญกัลยาณวัตรสืบเนื่องกันมา นับได้ ๘๔,๐๐๐ ชั่ว กษัตริย์ ทุกพระองค์เจริญพรหมวิหารธรรม ได้ไปเกิดในพรหมโลกทั้งหมด จนกระทั่งถึงองค์สุดท้าย คือ พระเจ้าเนมิราช (อ่านเรื่องโดยละเอียดในทศชาติชาดก)

พระองค์ทรงเล่าให้พระอานนท์ฟังต่อไปว่า ในสมัยของพระเจ้าเนมิราช พวกเทวดาชั้นดาวดึงส์ได้พากันแสดง ความยินดีชื่นชมในสุธัมมาเทวสภาต่อชาววิเทหะ ได้มีพระราชาผู้ทรงธรรมอย่างพระเจ้าเนมิราช ท้าวสักกะได้ถามเทวดาทั้งหลายว่า อยากเห็นพระเจ้าเนมิราชหรือไม่ เทวดาทุกองค์ตอบว่า อยากได้รู้จักตัวจริง

วันนั้นเป็นวันอุโบสถ ๑๕ ค่ำ พระเจ้าเนมิราชทรงสนานพระกายแล้วรักษาอุโบสถอยู่ในพระปราสาทชั้นบน ท้าวสักกะหายวับไปจากดาวดึงส์ไปปรากฏพระองค์ ณ เบื้องพระพักตร์ของพระเจ้าเนมิราช เล่าเรื่องชาวดาวดึงส์มีความยินดีชื่นชมกับชาววิเทหะที่ได้พระองค์เป็นพระราชาโดยธรรม จึงมาทูลเชิญเสด็จไปยังดาวดึงส์เทวโลก พระเจ้าเนมิราชทรงรับการทูลเชิญด้วยอาการดุษณี

ท้าวสักกะกลับไปดาวดึงส์แล้วให้มาตลีเทพบุตร นำราชรถเทียมม้าอาชาไนยหนึ่งพันไปรับเสด็จพระเจ้าเนมิราช มาตลีเทพบุตรไปทูลเชิญพระเจ้าเนมิราชตามบัญชา แล้วนำพระเจ้าเนมิราชเสด็จไปตามทาง ๒ แห่ง คือ ผ่านไปทางนรกแล้วค่อยไปสวรรค์ดาวดึงส์ ท้าวสักกะพร้อมด้วยหมู่เทวดามารอรับเสด็จด้วยความยินดียิ่ง ทรงประทับแสดงธรรมอยู่ในดาวดึงส์เทวโลกระยะหนึ่ง หลังจากนั้นก็กลับสู่โลกมนุษย์ พระองค์ทรงรักษากัลยาณวัตรแห่งราชวงศ์ทรงออกผนวช เมื่อสิ้นพระชนม์แล้วก็ไปเกิดในพรหมโลก พระโอรสของพระองค์ต่อมาชื่อ พระเจ้ากฬารชนกะ ไม่ได้ประพฤติตามกัลยาณวัตร ไม่ได้ทรงออกผนวช พระเจ้าเนมิราชจึงเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์นี้

เมื่อเล่าจบ พระพุทธองค์ได้ตรัสกับพระอานนท์ว่า พระเจ้ามฆเทวะนั้นมิใช่ใครอื่น คือ พระองค์เอง และกัลยาณวัตรแห่งราชวงศ์นั้นพระองค์ก็ทรงเป็นผู้ตั้งเอง แต่กัลยาณวัตรที่ทรงตั้งในครั้งนั้นเป็นไปเพื่อพรหมโลก ไม่ได้เป็นไปเพื่อพระนิพพาน

ดังนั้นในยุคของพระองค์ พระองค์ทรงตรัสรู้แล้วทรง สอนกัลยาณวัตรคือ อริยมรรคมีองค์ ๘ ซึ่งเป็นไปเพื่อ นิพพิทา วิราคะ เพื่อความหลุดพ้น จึงกล่าวกับพระอานนท์ว่า

“อานนท์ ขอให้เธอทั้งหลายจงประพฤติตามกัลยาณวัตรที่เราตั้งไว้แล้วนี้ เธอทั้งหลายอย่าได้เป็นคนสุดท้ายของเราเลย ยุคของคนที่กัลยาณวัตรนี้สูญไป เป็นยุคของคนสุดท้าย....”

(พระไตรปิฎก สำหรับผู้เริ่มศึกษา เล่ม ๙ หน้า ๑๙-๒๕)

ท่านผู้อ่านจะเห็นว่า ผมหงอกเป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่พระพุทธเจ้าทรงสังเกตเห็น เป็นที่มาของการออกบวชบำเพ็ญบารมีอันยาวนาน เมื่อพระองค์เกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ ทรงเสด็จประพาสอุทยาน ทรงทอดพระเนตรเห็นเทวทูตทั้ง ๔ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และสมณะ จึงตัดสินใจออกบวชค้นหาทางอันไม่ต้องเกิดไม่ต้องตายอีก

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 128 กรกฎาคม 2554 โดย นพ.แพทย์พงษ์ วรพงศ์พิเชษฐ)

กำลังโหลดความคิดเห็น