มนุษย์ทุกคนย่อมมีเป้าหมายชีวิตที่แตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่เชื่อว่าเป้าหมายสูงสุดคือ การประสบผลสำเร็จด้านการงาน การเงิน และครอบครัว แต่จะเชื่อหรือ ไม่ว่ายังมีใครหลายๆคนที่ประสบผลสำเร็จมาแล้วทุกด้าน แต่ยังเหมือน “ขาด” เป้าหมายที่เขาต้องการจริงๆ
วีรณัฐ โรจนประภา หรือคุณใหม่ เป็นผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มที่กำลังหาเป้าหมายของชีวิตนอกเหนือจากงาน เงิน และครอบครัว เพราะคุณใหม่เป็นคนที่ประสบผลสำเร็จ ด้วยตัวเองตั้งแต่อายุเพียง 20 กว่าๆ เขาประสบผลสำเร็จ งดงามจากการเปิดกิจการ 8 บริษัทตั้งแต่อายุ 25 ปี เพียงสองปีจากนั้นเขากลายเป็นผู้มีรายได้ปีละกว่า 80 ล้านบาท เพราะเป็นผู้บุกเบิกทำรายการ TV Direct ทำหนังสือ Audio book เพื่อเจาะหนังสือแนวใหม่ และยังเป็นผู้นำเข้า VCD เจ้าแรกๆของเมืองไทย จากนั้นเพียงสามปีเมื่ออายุ 30 เขาประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิตด้านธุรกิจ
“ผมมีทุกอย่างในชีวิตตั้งแต่อายุ 25 ปี ประสบผลสำเร็จ ทุกด้านเมื่ออายุ 30 ปี ช่วงนี้ทำให้ผมคิดทบทวนว่า อะไรคือเป้าหมายสูงสุด เพราะเมื่อเรามีทุกอย่างทั้งงาน เงินและ ครอบครัวแล้ว ผมยังรู้สึกว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ผมตามหาหรือ ต้องการ ซึ่งอาจเป็นเพราะผมมีทุกอย่างเร็วกว่าเพื่อนๆ รุ่นเดียวกันหรือเปล่าไม่รู้ ช่วงนี้ผมคิดมากไม่รู้จะทำอะไร ที่ดูแล้วมันท้าทายไปกว่านี้ ทำให้ผมท้อแท้ เกิดความเบื่อหน่ายมาก ที่สุดแล้วผมก็เกษียณตัวเองในวัย 30 ปี แล้วไล่ทยอยปิดบริษัทที่มีอยู่ 8 แห่งจนหมด ช่วงนี้ผมว่าง ทำให้ฟุ้งซ่าน คิดหาอะไรใหม่ๆทำ แต่คิดไม่ออก จนกระทั่งได้อ่านหนังสือธรรมะของพระพรหมคุณาภรณ์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) จึงติดสินใจเข้าวัดเพื่อหาสัจธรรมแห่งชีวิต”
การหันหลังให้กับธุรกิจระดับ 100 ล้านในขณะที่อายุยังน้อย เพื่อค้นหาเป้าหมายที่ตนอยากได้จริงๆ ด้วยการหันหน้าเข้าวัดเพื่อศึกษาพระธรรมคำสั่งสอน ทำให้ในที่สุด คุณใหม่ก็ตัดสินใจบวช ซึ่งการบวชครั้งนี้คุณใหม่บอก ว่าไม่ได้บวชเพื่อทดแทนพระคุณพ่อแม่อย่างเดียว แต่เขามีความเชื่อมั่นลึกๆว่าธรรมะนี่แหละเป็นสิ่งที่เขาค้นหามาโดยตลอด
“ผมตัดสินใจบวชที่วัดมหาธาตุ โชคดีมากที่ได้พระพี่เลี้ยงดีและท่านก็รู้ด้วยว่าผมมาบวชเพื่อหาอะไร จึงคอยแนะนำให้ปฏิบัติกรรมฐานต่อเนื่อง เชื่อมั้ย ผมบวชไม่นาน แต่ที่สุดก็ทำให้ผมได้รู้ว่าเป้าหมายสูงสุดของผมไม่ใช่เงิน หรือเกียรติยศ หากแต่เป็นการก้าวไปสู่นิพพาน ผมไม่รู้ว่า ผมหวังมากไปหรือไม่ แต่การบวชครั้งนั้นได้ให้แนวทางที่ผมจะก้าวไปข้างหน้าอย่างมีเป้าหมายที่แท้จริงแล้ว”
หลังจากนั้นคุณใหม่ก็ลาสิกขาเพราะต้องกลับมาใช้ชีวิตเหมือนปุถุชนทั่วไป ด้วยเพราะหน้าที่รับผิดชอบที่มากมาย แต่เขายังคิดว่าการศึกษาธรรมะด้วยวิธีการต่างๆ น่าจะเป็นสิ่งที่สามารถช่วยเผยแผ่คำสั่งสอนของพระพุทธองค์ได้อีกทางหนึ่ง ที่สำคัญคุณใหม่ซึ่งประสบผลสำเร็จ งดงามมาแล้ว ต้องการที่จะช่วยเหลือสังคมตามกำลังของตัวเอง จึงตัดสินใจทำธุรกิจสีขาวเพื่อสังคมสีขาว โดยทำโครงการ Banana Family Park ขึ้น โดยใช้พื้นฐานการ บริหารแบบพอเพียงคือไม่แสวงหากำไร แค่พยุงตัวให้อยู่รอด
“ผมตั้งใจทำธุรกิจนี้เพื่อคนที่สนใจธรรมะแต่หาหนังสือธรรมะอ่านได้ยาก เพราะสมัยเมื่อสิบปีที่แล้วนี้คนที่อ่านหนังสือธรรมะมีน้อยมาก เราจึงเปิดร้านหนังสือ รวบรวมหนังสือธรรมะจากทุกที่ ทุกสำนักพิมพ์ ทุกพระอาจารย์ มาไว้ที่นี่ แล้วจัดแบ่งโซนต่างๆทั้งร้านกาแฟ ร้านเสริมสวย โรงเรียนสอนภาษา โรงเรียนสอนคหกรรม ฟิตเนส ห้องสมุดธรรมะ ร้านสังฆภัณฑ์ ร้านขายอาหาร ร้านขายยา สถานปฏิบัติธรรม เรียกว่ามาที่นี่แล้วลูกค้าจะมีกิจกรรมที่หลากหลายมาก ซึ่งปัจจุบันนี้เรามีลูกค้าผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาใช้บริการไม่ได้ขาด เพราะที่นี่เราบริหาร แบบครอบครัว แถมยังมีญาติธรรมของที่ต่างๆ มารวมกลุ่มกันที่นี่ ทุกสายก็มีเวลามาพบปะสนทนาธรรมกันจนกลายเป็น “ชุมชนใหม่” ที่มีธรรมะเป็นจุดศูนย์กลางของการพบปะสังสรรค์”
คุณใหม่อธิบายถึงการทำโครงการดังกล่าวอีกว่า จุดประสงค์ที่แท้จริงนั้นเพื่อให้สถานที่แห่งนี้เป็น “โอเอซีส” แห่งปัญญา เป็นแหล่งสร้างปัญญาและความรู้กลางกรุง พร้อมกับการใช้การบริหารแบบใช้กลยุทธ์ไร้ซึ่งกลยุทธ์ พร้อมกันนี้ก็ใช้ร้านหนังสือที่เอาหนังสือธรรมะจากทุกแห่งทั่วประเทศมาจัดเป็นมุมขนาดใหญ่ที่สุด เรียกว่าใครที่สนใจหนังสือแนวนี้มาที่นี่ไม่ผิดหวัง นอกจากนั้นยังมีอาสาสมัครคัดเลือกหนังสือเพื่อคัดเฉพาะหนังสือแนวสร้าง สรรค์สังคม เพราะภายในโครงการจะมีกิจกรรมเสริมสร้าง ปัญญาให้ชุมชนโดยเฉพาะเด็ก ผู้หญิง และคนชรา
“ตอนนี้เรามีกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ เช่นการเล่านิทานธรรมะ การสอนการทำโยคะเพื่อสุขภาพสำหรับเด็ก การถักไหมพรมถวายพระ เรียกว่าที่นี่เป็นศูนย์รวมที่จะดูแลทั้งกายและใจของสมาชิกที่เราคิดว่าเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน คนที่เคยมาที่นี่แล้วจะรู้สึกอบอุ่น มั่นคงทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะที่นี่ไม่ได้ทำธุรกิจเพื่อหากำไร แต่เราให้กำไรชีวิตกับสมาชิกด้วยการให้ความรู้ ความสุขและความสงบด้านจิตใจนั่นเอง”
แม้แนวคิดแบบนี้จะมีคนที่คิดได้และได้ลงมือทำบ้างแล้ว แต่โครงการของคุณใหม่น่าจะเป็นโครงการแรกๆที่เรียกว่าประสบผลสำเร็จที่งดงาม เพราะมาถึงวันนี้คุณใหม่บอกว่ามีสมาชิกเพิ่มจนต้องขยายพื้นที่ให้กว้างขึ้น เพื่อจะสามารถรองรับสมาชิกที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น
“ผมทำธุรกิจนี้มา 6 ปีแล้วพัฒนามาจนวันนี้ผมเหมือนเป็น “ตรายาง” คือ มีหน้าที่ดูแลแนะนำสมาชิกเท่านั้น ส่วนผู้บริหารจะเป็น เพื่อนๆสมาชิกที่มาที่นี่จนกลายเป็นครอบครัวเดียวกัน จะช่วยกันบริหาร ซึ่งวันนี้ทำให้ผมรู้แล้วว่า นอกจากนิพพานที่เป็นเป้าหมายสูงสุดแล้ว การเผยแผ่ธรรมะ ด้วยวิธีการหลากหลายอย่างที่เราทำ และการรวมกลุ่มของคนในชุมชน เพื่อสร้างสังคมสีขาวด้วยการใช้ธรรมะเป็นแกนกลาง ก็เป็นจุดเริ่มที่น่าสนใจไม่น้อย” คุณใหม่กล่าวสรุปทิ้งท้าย
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 124 มีนาคม 2554 โดย พิมพ์สุจี ญาณนะพงศ์)