กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ชาวนาคนหนึ่งได้นำข้าวเปลือกจำนวนมากใส่เกวียน แล้วให้วัวสองตัวช่วยกันลากไปขายยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง เกวียนนั้นบรรทุกหนักมาก วัวสีขาวออกแรงลากอย่างเต็มที่ แต่วัวสีน้ำตาลไม่ค่อยยอมออกแรงเท่าใดนัก
เมื่อมาถึงกลางทาง ชาวนาก็หยุดพักเกวียน วัวสีขาวจึงพูดกับวัวสีน้ำตาลผู้เป็นเพื่อนว่า
“เพื่อนเอ๋ย..ทำไมจึงไม่ยอมออกแรงช่วยลากเกวียนบ้างเลย ข้าลากจนแทบจะไม่ไหวแล้ว”
วัวสีน้ำตาลโต้ว่า “ข้าก็ออกแรงเต็มที่แล้วนะ” แล้วจึงแกล้งกล่าวโทษวัวสีขาวว่า “เจ้าต่างหากที่ไม่ยอมออกแรง เกวียนถึงได้หนักอย่างนี้”
วัวสีขาวได้ยินดังนั้น ก็รู้ว่าเพื่อนของมันพูดโกหก มันจึงเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าโกหกข้าได้ แต่โกหกตัวเองไม่ได้หรอก เพราะเจ้ารู้ตัวอยู่แล้วว่าทำอะไรลงไป และสิ่งที่เจ้าทำก็จะนำความลำบากมาให้เจ้าเอง”
แต่วัวสีน้ำตาลไม่สนใจคำพูดของเพื่อน มันก้มหน้าก้มตาเคี้ยวหญ้าอย่างสบายใจ พลางก็นึกในใจว่า “พูดดีนัก เดี๋ยวข้าจะให้เจ้าออกแรงมากกว่าเก่าอีก”
ตลอดการเดินทาง วัวสีขาวต้องอดทนออกแรงทั้งหมดลากเกวียน โดยวัวสีน้ำตาลไม่ยอมช่วยเลย จนกระทั่งถึงจุดหมาย มันหมดเรี่ยวแรง พร้อมๆ กับที่ขาสองข้างของมันก็หัก
หลังจากที่ชาวนาขายข้าวเปลือกหมดแล้ว เขาก็ซื้อสินค้าที่นี่กลับไปขายที่หมู่บ้านของตน ชาวนาเอาข้าวของมากมายขึ้นเกวียน พร้อมทั้งวัวสีขาวที่ขาหัก เพื่อนำมันกลับไปรักษา
ตอนนี้วัวสีน้ำตาลต้องรับหน้าที่ลากเกวียนอันหนักอึ้งกลับบ้านเพียงลำพัง มันเหนื่อยจนแทบขาดใจ ตลอดทางมันคิดถึงคำพูดของเพื่อน และการกระทำของตัวเอง
เมื่อชาวนาหยุดพักเกวียนกลางทาง วัวสีน้ำตาลจึงพูดกับวัวสีขาวที่นอนอยู่บนเกวียนว่า
“เพื่อนเอ๋ย..ข้าสำนึกแล้ว ถ้าข้าช่วยเจ้าตั้งแต่วันแรกที่ออกเดินทาง ข้าก็คงไม่ต้องเหนื่อยแทบขาดใจเช่นนี้”
.......
ผู้ที่มีน้ำใจ ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ย่อมดำรงอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข เเต่ผู้แล้งน้ำใจ คอยจ้องจะเอาเปรียบผู้อื่นอยู่เสมอนั้น สุดท้ายแล้ว...ภัยย่อมมาถึงตน
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 111 กุมภาพันธ์ 2553 โดย ไม้หอม)
เมื่อมาถึงกลางทาง ชาวนาก็หยุดพักเกวียน วัวสีขาวจึงพูดกับวัวสีน้ำตาลผู้เป็นเพื่อนว่า
“เพื่อนเอ๋ย..ทำไมจึงไม่ยอมออกแรงช่วยลากเกวียนบ้างเลย ข้าลากจนแทบจะไม่ไหวแล้ว”
วัวสีน้ำตาลโต้ว่า “ข้าก็ออกแรงเต็มที่แล้วนะ” แล้วจึงแกล้งกล่าวโทษวัวสีขาวว่า “เจ้าต่างหากที่ไม่ยอมออกแรง เกวียนถึงได้หนักอย่างนี้”
วัวสีขาวได้ยินดังนั้น ก็รู้ว่าเพื่อนของมันพูดโกหก มันจึงเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าโกหกข้าได้ แต่โกหกตัวเองไม่ได้หรอก เพราะเจ้ารู้ตัวอยู่แล้วว่าทำอะไรลงไป และสิ่งที่เจ้าทำก็จะนำความลำบากมาให้เจ้าเอง”
แต่วัวสีน้ำตาลไม่สนใจคำพูดของเพื่อน มันก้มหน้าก้มตาเคี้ยวหญ้าอย่างสบายใจ พลางก็นึกในใจว่า “พูดดีนัก เดี๋ยวข้าจะให้เจ้าออกแรงมากกว่าเก่าอีก”
ตลอดการเดินทาง วัวสีขาวต้องอดทนออกแรงทั้งหมดลากเกวียน โดยวัวสีน้ำตาลไม่ยอมช่วยเลย จนกระทั่งถึงจุดหมาย มันหมดเรี่ยวแรง พร้อมๆ กับที่ขาสองข้างของมันก็หัก
หลังจากที่ชาวนาขายข้าวเปลือกหมดแล้ว เขาก็ซื้อสินค้าที่นี่กลับไปขายที่หมู่บ้านของตน ชาวนาเอาข้าวของมากมายขึ้นเกวียน พร้อมทั้งวัวสีขาวที่ขาหัก เพื่อนำมันกลับไปรักษา
ตอนนี้วัวสีน้ำตาลต้องรับหน้าที่ลากเกวียนอันหนักอึ้งกลับบ้านเพียงลำพัง มันเหนื่อยจนแทบขาดใจ ตลอดทางมันคิดถึงคำพูดของเพื่อน และการกระทำของตัวเอง
เมื่อชาวนาหยุดพักเกวียนกลางทาง วัวสีน้ำตาลจึงพูดกับวัวสีขาวที่นอนอยู่บนเกวียนว่า
“เพื่อนเอ๋ย..ข้าสำนึกแล้ว ถ้าข้าช่วยเจ้าตั้งแต่วันแรกที่ออกเดินทาง ข้าก็คงไม่ต้องเหนื่อยแทบขาดใจเช่นนี้”
.......
ผู้ที่มีน้ำใจ ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ย่อมดำรงอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข เเต่ผู้แล้งน้ำใจ คอยจ้องจะเอาเปรียบผู้อื่นอยู่เสมอนั้น สุดท้ายแล้ว...ภัยย่อมมาถึงตน
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 111 กุมภาพันธ์ 2553 โดย ไม้หอม)