ตราด - ประธานกลุ่มทำนาอินทรีย์อยากให้รัฐบาลช่วยแก้ไขโครงการประกันรายได้ของเกษตรกร เหตุมีราคาประเมินสูงกว่าราคาที่ขายได้จริง ระบุแก้ปัญหาพ่อค้าคนกลางกดราคา น้ำหนัก และความชื้นของข้าวได้
นายจุรีรัตน์ หวลถนอม ประธานกลุ่มทำนาอินทรีย์ จังหวัดตราด เปิดเผยถึงโครงการการประกันรายได้ของเกษตรกรทำนาข้าวของรัฐบาลว่า การประกันรายได้ของเกษตรกรถือเป็นนโยบายที่ดี ที่รัฐบาลได้ออกมาช่วยเหลือชาวนา แต่อยากให้ราคาข้าวที่ได้ประเมินไว้ตรงกับราคาที่ขายได้จริง เพราะชาวนาขายข้าวได้ราคาต่ำกว่าที่รัฐบาลประเมินราคาไว้ เช่น ข้าวหอมมะลิมีการประกันราคาข้าวไว้ที่ 14, 860บาท แต่ขายจริงได้เพียง 9,000-10,000 บาท และราคา 13,725 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาที่ประเมินไว้ ชาวนาจะได้เงินชดเชยเพียง 500 บาท โดยจ่ายเทียบในราคาที่ขายได้ 13, 725 บาท จากราคาที่ได้ประเมินคือ 14,860 บาท
ส่วนชาวนาที่ขายได้ราคา 9,000-10,000 บาท จะไม่ได้เงินชดเชย ซึ่งเป็นปัญหาของชาวนาในขณะนี้เพราะราคาขายกับราคาที่ประเมินไม่ตรงกัน และมีความเห็นว่า การประเมินราคารข้าวนั้นควรจะมีการแบ่งโซนในส่วนของพื้นที่ด้วย
“เพราะจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ซึ่งห่างไกลจากโรงสี จะขายข้าวได้ในราคาที่ต่ำ และจะถูกพ่อค้าบางรายหักเปอร์เซ็นต์ความชื้นของข้าวมากกว่าปกติ โดยปกติแล้วความชื้นจะอยู่ที่ 22 % ซึ่งมีเกณฑ์อยู่ที่ 15% แต่พ่อค้าหักความชื้นออกถึง 28% ทำให้เงินที่ขายข้าวได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น เพราะพ่อค้าโกงทั้งน้ำหนัก ราคา และความชื้นของข้าว ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องการให้รัฐบาลและหน่วยงานที่รับผิดเแก้ไขอย่างเร่งด่วน รวมถึงราคาข้าวที่ได้ประเมินขอให้ตรงกับราคารที่ขายได้จริงด้วย”
ในส่วนของ ธ.ก.ส.ที่มีการรับจำนำข้าว โดยประกันราคาข้าวไว้ที่ 10, 000 บาท รัฐบาลได้นำงบประมาณให้ ธ.ก.ส. รับจำนำข้าวของเกษตรกร ในส่วนของเกษตรที่ไม่ได้เข้าโครงการประกันรายได้ แต่เท่าที่ทราบเกษตรกรส่วนใหญ่จะเข้าประกันรายได้กันทั้งหมดแล้ว เพราะรายไหนที่ไม่ได้เข้าโครงการประกันรายได้ตั้งแต่ต้น ตนเองได้นำเกษตรกรที่ตกค้างไปเข้าโครงการหมดแล้ว
นายจุรีรัตน์ หวลถนอม ประธานกลุ่มทำนาอินทรีย์ จังหวัดตราด เปิดเผยถึงโครงการการประกันรายได้ของเกษตรกรทำนาข้าวของรัฐบาลว่า การประกันรายได้ของเกษตรกรถือเป็นนโยบายที่ดี ที่รัฐบาลได้ออกมาช่วยเหลือชาวนา แต่อยากให้ราคาข้าวที่ได้ประเมินไว้ตรงกับราคาที่ขายได้จริง เพราะชาวนาขายข้าวได้ราคาต่ำกว่าที่รัฐบาลประเมินราคาไว้ เช่น ข้าวหอมมะลิมีการประกันราคาข้าวไว้ที่ 14, 860บาท แต่ขายจริงได้เพียง 9,000-10,000 บาท และราคา 13,725 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาที่ประเมินไว้ ชาวนาจะได้เงินชดเชยเพียง 500 บาท โดยจ่ายเทียบในราคาที่ขายได้ 13, 725 บาท จากราคาที่ได้ประเมินคือ 14,860 บาท
ส่วนชาวนาที่ขายได้ราคา 9,000-10,000 บาท จะไม่ได้เงินชดเชย ซึ่งเป็นปัญหาของชาวนาในขณะนี้เพราะราคาขายกับราคาที่ประเมินไม่ตรงกัน และมีความเห็นว่า การประเมินราคารข้าวนั้นควรจะมีการแบ่งโซนในส่วนของพื้นที่ด้วย
“เพราะจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ซึ่งห่างไกลจากโรงสี จะขายข้าวได้ในราคาที่ต่ำ และจะถูกพ่อค้าบางรายหักเปอร์เซ็นต์ความชื้นของข้าวมากกว่าปกติ โดยปกติแล้วความชื้นจะอยู่ที่ 22 % ซึ่งมีเกณฑ์อยู่ที่ 15% แต่พ่อค้าหักความชื้นออกถึง 28% ทำให้เงินที่ขายข้าวได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น เพราะพ่อค้าโกงทั้งน้ำหนัก ราคา และความชื้นของข้าว ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องการให้รัฐบาลและหน่วยงานที่รับผิดเแก้ไขอย่างเร่งด่วน รวมถึงราคาข้าวที่ได้ประเมินขอให้ตรงกับราคารที่ขายได้จริงด้วย”
ในส่วนของ ธ.ก.ส.ที่มีการรับจำนำข้าว โดยประกันราคาข้าวไว้ที่ 10, 000 บาท รัฐบาลได้นำงบประมาณให้ ธ.ก.ส. รับจำนำข้าวของเกษตรกร ในส่วนของเกษตรที่ไม่ได้เข้าโครงการประกันรายได้ แต่เท่าที่ทราบเกษตรกรส่วนใหญ่จะเข้าประกันรายได้กันทั้งหมดแล้ว เพราะรายไหนที่ไม่ได้เข้าโครงการประกันรายได้ตั้งแต่ต้น ตนเองได้นำเกษตรกรที่ตกค้างไปเข้าโครงการหมดแล้ว