พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า “นิสมฺมกรณํ เสยฺโย ใคร่ครวญให้ละเอียดก่อนจึงทำ” ไม่ว่าเรื่องอะไรใคร่ครวญเสียก่อน ทำไมคนเราใคร่ครวญอะไรไม่ได้ มีอุปสรรคอยู่ตรงไหน ใจร้อน ใจร้อนนี่แหละเป็นตัวเสียหาย ใจร้อนใจเร็วจะให้ได้ดังอกดังใจ ถ้าความใจร้อนใจเร็วเกิดขึ้นแล้ว มันก็ผิดทั้งนั้น ไม่ได้ดังใจ แล้วก็ทำในขณะที่ใจร้อน มักจะผิดพลาด เพราะขาดความยับยั้ง ขาดสติขาดปัญญา คิดแต่จะทำท่าเดียว เลยเสียหาย พระจึงสอนว่าให้ใจเย็นให้ใจสงบ จะทำอะไรต้องใจเย็นใจสงบเสียก่อน แล้วต้องคิดให้รอบคอบในเรื่องนั้น
ญาติโยมบางทีก็เคยได้รับความผิดหวัง ในเรื่องบางประการ ตัวอย่างเช่นเล่นแชร์ ไปเจอคนหน้าตาดีๆ ท่าทางดี พูดจาดี แต่งตัวดี บ้านช่องเป็นหลักเป็นฐาน แต่ว่าบ้านใครก็ไม่รู้ เราก็ไว้ใจ ว่าเจ้ามือรายนี้ไม่เป็นไร เป็นคนมีหลักมีฐาน แต่ว่าเราไม่รู้ละเอียด ว่ามีหลักฐานจริงหรือเปล่า แล้วก็ไปร่วมหุ้น ร่วมแชร์กันเข้า เล่นกันไปเล่นกันมาเปียไปเปียมา หายไปเสียแล้วเจ้ามือ คนอยู่ข้างหลังก็เดือดร้อนไปตามๆ กัน อย่างนี้ปรากฏบ่อยๆ ญาติโยมเคยมาเล่าให้ฟังว่า แหมดิฉันเสียท่าเขาเสียแล้ว หัวหน้าแชร์หายไปเสียแล้ว ไม่รู้ว่าจะไปเอากับใคร
หรือบางทีเพื่อนมาชวนเราให้ลงทุนค้าขายอะไรต่างๆ คนที่มาชวนนั้น เป็นนักพูดเรียกว่านักโฆษณา อ้างเหตุอ้างผลสถิติอะไรต่ออะไร มองเห็นไปหมดเลย เห็นแต่เรื่องได้ ไม่ได้คิดว่ามันเสียช่องไหนบ้าง หลุมพลางที่เขาขุดไว้สวยสดงดงาม ว่าถ้าทำแล้วจะได้อย่างนั้นได้อย่างนี้ จะมีกำไรอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ไม่ได้คิดว่าอุปสรรคมันมีหรือเปล่า ข้อขัดข้องมันมีหรือเปล่า
คนเราบางทีคิดแต่เรื่องที่จะได้ แต่เรื่องเสียไม่คิด ไม่คิดถึงว่า ความเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ เช่นสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป ดินฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลงไป หรืออะไรๆ เกิดขึ้นโดยไม่รู้ เรื่องที่เกิดขึ้นโดยเราไม่รู้มันมีบ่อยๆ เราจึงต้องคิดเผื่อไว้ ว่าเออ..ถ้ามันเป็นอย่างนั้น ถ้ามันเป็นอย่างนี้ เราจะทำอย่างไร มีทางที่จะเสียหาย จะขาดทุนไหม มันต้องคิดให้รอบคอบ ถ้าคิดอย่างรอบคอบแล้ว บางทีก็นึกว่า ไม่เหมาะ เราไม่ควรจะเสี่ยงในเรื่องอย่างนั้น อย่าเสี่ยงอะไรให้มันมากเกินไป โดยเฉพาะการลงทุน ไม่ว่าเรื่องอะไร เพราะการเสี่ยงนั้นมันเป็นภัย บางทีมันจะได้บางทีมันเสีย
ทีนี้เราก็เกิดความทุกข์ความเดือดร้อน เรามีจิตใจมันไม่หนักแน่นพอ พอเสียก็เสียอกเสียใจ มนุษย์เรานี่มันมีความหวังอยู่ในชีวิตทั้งนั้น แต่ว่าขอฝากไว้อันหนึ่งว่า สิ่งที่เราหวังนั้น ไม่ใช่จะสมหวังทุกเรื่องไป อันนี้สำคัญที่สุด ต้องคิดไว้ให้ดี อะไรก็ตามที่เราหวังนั้น มันไม่สมหวังร้อยเปอร์เซ็นต์ มันอาจจะได้บ้าง อาจจะไม่ได้บ้าง มันเป็นเรื่องธรรมดา
การทำงานทำการก็เหมือนกัน เราอย่านึกว่ามันจะราบรื่นเรียบร้อยเสมอไป อย่านึกว่าจะเหมือนคนอื่นทั้งหลายเขา คนเรานั้นมันไม่เหมือนกัน อันนี้ต้องคิดไว้ในใจอันหนึ่งว่า คนเราไม่เหมือนกัน สติปัญญาก็ไม่เหมือนกัน สมรรถภาพไม่เหมือนกัน การสังคมก็ไม่เหมือนกัน คนทำงานในที่เดียวกัน แต่บางคนก้าวไปไกล บางคนก้าวไปนิดหนึ่ง บางคนหลังเพื่อนเลย มันเพราะอะไร มันไม่ใช่เพราะเรื่องดวงเรื่องดาวอะไร แต่ว่าเรื่องการกระทำมันไม่สม่ำเสมอกัน คนที่ก้าวไปไกลนั้น เขาอาจจะมีอะไรหลายอย่างในตัวเขา ที่เขาได้ก้าวไปข้างหน้า เราควรจะศึกษา ควรจะสังเกตเขา ว่าเขามีความรู้ ความสามารถอย่างไร การติดต่อ การสมาคมกับผู้หลักผู้ใหญ่ในวงงานวงการเป็นอย่างไร นิสัยใจคอเขาเป็นอย่างไร แล้วเอามาเปรียบว่าเราขาดอะไรบ้าง ที่คนนั้นมีเรามีไหม ไม่ใช่วัดแต่ความรู้กันอย่างเดียว
ความรู้ว่าสอบไล่ได้ ที่ได้ก็ไม่เหมือนกัน ปริญญาที่ได้ก็ไม่เท่ากัน บางคนสอบสี่ปีได้ บางคนตั้งห้าปีหกปีจึงจะได้ เวลาก็ไม่เท่ากันแล้ว การเรียนก็ไม่เท่ากัน แล้วเวลาออกไปทำงานมันก็ไม่เท่ากัน ความไหวพริบ ความคิดนึกตรึกตรอง การรู้จักกับผู้หลักผู้ใหญ่ การเข้าใกล้ การสมาคมกับคนเหล่านั้น มันมีอะไรบกพร่องบ้าง ในตัวของเรานั้น เราจะต้องพิจารณา ต้องปรับปรุง อย่าลงโทษตัวเองว่าเรานี่มันแย่ดวงไม่ดีเลย สู้คนนั้นไม่ได้ สู้คนนี้ไม่ได้ เรื่องการโทษดวงนี้แหละ มันทำให้เสียหาย คือเมื่อโทษดวงแล้ว เราก็ไม่พิจารณาตัวเอง ไม่ศึกษาค้นคว้าในตัวเรา ว่าเรา บกพร่องอะไร เราเสียหายอะไร เราก็ไม่คิดแก้ไข เพราะไปโทษดวงเสียแล้ว
แต่ถ้าเราคิดว่า เราต้องศึกษาที่ตัวเราเอง ว่าเรานี่บกพร่องอะไร ดูเพื่อนเขาก่อน ว่าเขามีดีอะไร อย่าไป พูดว่าคนดวงมันดี พูดอย่างนั้นก็ไม่ได้ปัญญา แต่เราต้องศึกษาว่าเขาดีอย่างไร ทำงานเป็นอย่างไร สมาคมกับผู้หลักผู้ใหญ่เป็นอย่างไร เขาคุ้นเคยกับผู้หลัก ผู้ใหญ่ เราไม่คุ้นเคย งานการเราก็ไม่ค่อยคล่องเท่า ไหร่ มันหลายเรื่องหลายประการ เราพิจารณาอย่างนี้ ก็ไม่น้อยใจในตัวเอง แต่จะรู้จักตัวเอง ว่าเรามันมีอะไรบกพร่อง ที่เราจะต้องแก้ไขปรับปรุงต่อไป แล้วเราพยายามแก้ไข ปรับปรุง ดูคนอื่นแล้วทำตามเขาบ้างในเรื่องที่มันดี มันมีประโยชน์ แต่ว่าเรื่องใดที่ไม่ดี ไม่มีประโยชน์เราไม่เอา เอาแต่เรื่องดี
มนุษย์ในโลกนี้ชอบคนดีกันทั้งนั้น แต่เราต้องทำให้เขาเห็น ทำดีให้ปรากฏ อย่างนี้เราก็พอไปรอด ไม่ตกต่ำอะไรมากเกินไป นี่คือวิธีการแก้ไขปัญหาชีวิตของเราได้ ในเรื่องการติดต่อการงาน การสมาคมอะไรต่างๆ
(เรียบเรียงจากส่วนหนึ่งของปาฐกถาธรรม
วันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๐)
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 111 กุมภาพันธ์ 2553 โดย พระพรหมมังคลาจารย์ (ปัญญานันทภิกขุ) วัดชลประทานรังสฤษฎ์ จ.นนทบุรี)
ญาติโยมบางทีก็เคยได้รับความผิดหวัง ในเรื่องบางประการ ตัวอย่างเช่นเล่นแชร์ ไปเจอคนหน้าตาดีๆ ท่าทางดี พูดจาดี แต่งตัวดี บ้านช่องเป็นหลักเป็นฐาน แต่ว่าบ้านใครก็ไม่รู้ เราก็ไว้ใจ ว่าเจ้ามือรายนี้ไม่เป็นไร เป็นคนมีหลักมีฐาน แต่ว่าเราไม่รู้ละเอียด ว่ามีหลักฐานจริงหรือเปล่า แล้วก็ไปร่วมหุ้น ร่วมแชร์กันเข้า เล่นกันไปเล่นกันมาเปียไปเปียมา หายไปเสียแล้วเจ้ามือ คนอยู่ข้างหลังก็เดือดร้อนไปตามๆ กัน อย่างนี้ปรากฏบ่อยๆ ญาติโยมเคยมาเล่าให้ฟังว่า แหมดิฉันเสียท่าเขาเสียแล้ว หัวหน้าแชร์หายไปเสียแล้ว ไม่รู้ว่าจะไปเอากับใคร
หรือบางทีเพื่อนมาชวนเราให้ลงทุนค้าขายอะไรต่างๆ คนที่มาชวนนั้น เป็นนักพูดเรียกว่านักโฆษณา อ้างเหตุอ้างผลสถิติอะไรต่ออะไร มองเห็นไปหมดเลย เห็นแต่เรื่องได้ ไม่ได้คิดว่ามันเสียช่องไหนบ้าง หลุมพลางที่เขาขุดไว้สวยสดงดงาม ว่าถ้าทำแล้วจะได้อย่างนั้นได้อย่างนี้ จะมีกำไรอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ไม่ได้คิดว่าอุปสรรคมันมีหรือเปล่า ข้อขัดข้องมันมีหรือเปล่า
คนเราบางทีคิดแต่เรื่องที่จะได้ แต่เรื่องเสียไม่คิด ไม่คิดถึงว่า ความเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ เช่นสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป ดินฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลงไป หรืออะไรๆ เกิดขึ้นโดยไม่รู้ เรื่องที่เกิดขึ้นโดยเราไม่รู้มันมีบ่อยๆ เราจึงต้องคิดเผื่อไว้ ว่าเออ..ถ้ามันเป็นอย่างนั้น ถ้ามันเป็นอย่างนี้ เราจะทำอย่างไร มีทางที่จะเสียหาย จะขาดทุนไหม มันต้องคิดให้รอบคอบ ถ้าคิดอย่างรอบคอบแล้ว บางทีก็นึกว่า ไม่เหมาะ เราไม่ควรจะเสี่ยงในเรื่องอย่างนั้น อย่าเสี่ยงอะไรให้มันมากเกินไป โดยเฉพาะการลงทุน ไม่ว่าเรื่องอะไร เพราะการเสี่ยงนั้นมันเป็นภัย บางทีมันจะได้บางทีมันเสีย
ทีนี้เราก็เกิดความทุกข์ความเดือดร้อน เรามีจิตใจมันไม่หนักแน่นพอ พอเสียก็เสียอกเสียใจ มนุษย์เรานี่มันมีความหวังอยู่ในชีวิตทั้งนั้น แต่ว่าขอฝากไว้อันหนึ่งว่า สิ่งที่เราหวังนั้น ไม่ใช่จะสมหวังทุกเรื่องไป อันนี้สำคัญที่สุด ต้องคิดไว้ให้ดี อะไรก็ตามที่เราหวังนั้น มันไม่สมหวังร้อยเปอร์เซ็นต์ มันอาจจะได้บ้าง อาจจะไม่ได้บ้าง มันเป็นเรื่องธรรมดา
การทำงานทำการก็เหมือนกัน เราอย่านึกว่ามันจะราบรื่นเรียบร้อยเสมอไป อย่านึกว่าจะเหมือนคนอื่นทั้งหลายเขา คนเรานั้นมันไม่เหมือนกัน อันนี้ต้องคิดไว้ในใจอันหนึ่งว่า คนเราไม่เหมือนกัน สติปัญญาก็ไม่เหมือนกัน สมรรถภาพไม่เหมือนกัน การสังคมก็ไม่เหมือนกัน คนทำงานในที่เดียวกัน แต่บางคนก้าวไปไกล บางคนก้าวไปนิดหนึ่ง บางคนหลังเพื่อนเลย มันเพราะอะไร มันไม่ใช่เพราะเรื่องดวงเรื่องดาวอะไร แต่ว่าเรื่องการกระทำมันไม่สม่ำเสมอกัน คนที่ก้าวไปไกลนั้น เขาอาจจะมีอะไรหลายอย่างในตัวเขา ที่เขาได้ก้าวไปข้างหน้า เราควรจะศึกษา ควรจะสังเกตเขา ว่าเขามีความรู้ ความสามารถอย่างไร การติดต่อ การสมาคมกับผู้หลักผู้ใหญ่ในวงงานวงการเป็นอย่างไร นิสัยใจคอเขาเป็นอย่างไร แล้วเอามาเปรียบว่าเราขาดอะไรบ้าง ที่คนนั้นมีเรามีไหม ไม่ใช่วัดแต่ความรู้กันอย่างเดียว
ความรู้ว่าสอบไล่ได้ ที่ได้ก็ไม่เหมือนกัน ปริญญาที่ได้ก็ไม่เท่ากัน บางคนสอบสี่ปีได้ บางคนตั้งห้าปีหกปีจึงจะได้ เวลาก็ไม่เท่ากันแล้ว การเรียนก็ไม่เท่ากัน แล้วเวลาออกไปทำงานมันก็ไม่เท่ากัน ความไหวพริบ ความคิดนึกตรึกตรอง การรู้จักกับผู้หลักผู้ใหญ่ การเข้าใกล้ การสมาคมกับคนเหล่านั้น มันมีอะไรบกพร่องบ้าง ในตัวของเรานั้น เราจะต้องพิจารณา ต้องปรับปรุง อย่าลงโทษตัวเองว่าเรานี่มันแย่ดวงไม่ดีเลย สู้คนนั้นไม่ได้ สู้คนนี้ไม่ได้ เรื่องการโทษดวงนี้แหละ มันทำให้เสียหาย คือเมื่อโทษดวงแล้ว เราก็ไม่พิจารณาตัวเอง ไม่ศึกษาค้นคว้าในตัวเรา ว่าเรา บกพร่องอะไร เราเสียหายอะไร เราก็ไม่คิดแก้ไข เพราะไปโทษดวงเสียแล้ว
แต่ถ้าเราคิดว่า เราต้องศึกษาที่ตัวเราเอง ว่าเรานี่บกพร่องอะไร ดูเพื่อนเขาก่อน ว่าเขามีดีอะไร อย่าไป พูดว่าคนดวงมันดี พูดอย่างนั้นก็ไม่ได้ปัญญา แต่เราต้องศึกษาว่าเขาดีอย่างไร ทำงานเป็นอย่างไร สมาคมกับผู้หลักผู้ใหญ่เป็นอย่างไร เขาคุ้นเคยกับผู้หลัก ผู้ใหญ่ เราไม่คุ้นเคย งานการเราก็ไม่ค่อยคล่องเท่า ไหร่ มันหลายเรื่องหลายประการ เราพิจารณาอย่างนี้ ก็ไม่น้อยใจในตัวเอง แต่จะรู้จักตัวเอง ว่าเรามันมีอะไรบกพร่อง ที่เราจะต้องแก้ไขปรับปรุงต่อไป แล้วเราพยายามแก้ไข ปรับปรุง ดูคนอื่นแล้วทำตามเขาบ้างในเรื่องที่มันดี มันมีประโยชน์ แต่ว่าเรื่องใดที่ไม่ดี ไม่มีประโยชน์เราไม่เอา เอาแต่เรื่องดี
มนุษย์ในโลกนี้ชอบคนดีกันทั้งนั้น แต่เราต้องทำให้เขาเห็น ทำดีให้ปรากฏ อย่างนี้เราก็พอไปรอด ไม่ตกต่ำอะไรมากเกินไป นี่คือวิธีการแก้ไขปัญหาชีวิตของเราได้ ในเรื่องการติดต่อการงาน การสมาคมอะไรต่างๆ
(เรียบเรียงจากส่วนหนึ่งของปาฐกถาธรรม
วันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๐)
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 111 กุมภาพันธ์ 2553 โดย พระพรหมมังคลาจารย์ (ปัญญานันทภิกขุ) วัดชลประทานรังสฤษฎ์ จ.นนทบุรี)