อาหารเจมีอะไรดี
ทำไมถึงถูกใจคนรุ่นใหม่
เจยุคใหม่เป็นแบบไหน???
อาหารเจช่วยลดความรุนแรง (ในใจ) ได้จริงหรือ?
และ ฯลฯ
สำนวนสุภาษิตจีนกล่าวไว้ว่า “อาหาร และยาคือสิ่งเดียวกัน” หมายความว่า อาหารที่เราบริโภคอยู่ทุกวันให้สรรพคุณทางยาด้วย ถ้าเราฉลาดพอที่จะเลือกทาน ธรรมลีลาฉบับนี้เกาะกระแสเทศกาลกินเจ อวดสีสันอาหารที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรักสุขภาพ
อาหารฟาสต์ฟู้ดส์ หรือที่หลายคนเรียกว่า อาหารขยะ (Junk Food) อาจคุกคามคนรุ่นใหม่และรุ่นเก่า ที่ยังไม่เข้าใจความหมายของคำว่า “You are what you eat” แต่เชื่อซิ ไม่ทุกคนหรอกที่ยอมให้อาหารดังกล่าวทำร้าย เพราะนับแต่วันที่กระแสรักสุขภาพตื่นขึ้น วันนี้มีกลุ่มคนที่รักสุขภาพด้วยใจไม่ใช่รักสุขภาพด้วยปากในเมืองไทย และทั่วโลกกำลังเพิ่มจำนวนขึ้นทุกปี
หลังรับรู้ความเลวร้ายของอาหารขยะ พวกเขา (คนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่) ต่างแสวงหาอาหารตามคำกล่าวของคนจีน สุดท้ายก็พบว่าอาหารที่ปรุงโดยปราศจากเนื้อสัตว์ ตามภูมิปัญญาตะวันออก คืออาหารวิเศษที่พวกเขาตามหา
.....
ถึงวันนี้วิวัฒนาการการบริโภคอาหารเจแบบใหม่ไม่ได้จำกัดวงอยู่ในเมืองไทยเท่านั้น ทั่วโลกก็มีวัฒนธรรมการบริโภคอาหารที่ปรุงโดยปราศจากเนื้อสัตว์ ในความหมายที่ต่างออกไปเช่นกัน
ซึ่งหากให้แยกประเภทผู้บริโภค ก็คงแบ่งได้ 4 ประเภทหลักๆ ได้แก่กลุ่มแรกเป็นพวกที่เคร่งมาก ส่วนใหญ่จะเป็นชาวเอเชีย ซึ่งจะมีการถือศีล และมีศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย กลุ่มที่สองคือเคร่งน้อยหน่อย ส่วนกลุ่มที่สามเป็นแบบเจสไตล์ตะวันตก จำพวกมังสวิรัติบริโภคผักเป็นหลัก และกลุ่มสุดท้ายคือคนที่ทานเฉพาะผลไม้สดเท่านั้น
• เจในความหมายสากล
เมืองไทยประเพณีการกินเจ ส่วนใหญ่จะอยู่ในกรอบความเชื่อซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาพุทธนิกายมหายาน จากประเทศจีน ขณะที่ชาวยุโรปส่วนใหญ่เลือกบริโภคอาหารเจเพื่อสุขภาพ กระทั่งเลยลึกเข้าไปถึงความเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่ปรารถนาบริโภคอาหารที่มาจากสัตว์ หรือสวมใส่เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มที่ทำมาจากขนสัตว์ ตามที่ Andrew Lai ผู้อำนวยการ และ Tony King ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร เจ้าของร้าน Bug&Bee ร้านอาหารแนวใหม่ใจกลางกรุงเทพ ซึ่งมีเมนูทางเลือกสำหรับตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ กล่าวไว้
ปรากฏการณ์คนรุ่นเจเนอเรชั่น Z เดินเข้าร้านอาหารแนวใหม่ แล้วเลือกสั่งเมนูอาหารเจ ด้วยเหตุผลในการบริโภคที่หลากหลาย รวมไปถึงประเด็นการกินเจช่วยลดภาวะโลกร้อนที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในห้วงเวลานี้ ทำให้เขาอดที่จะตื่นเต้นตามเทรนด์รักสุขภาพไม่ได้
ถึงจะไม่สามารถบอกยอดตัวเลขผู้บริโภคอาหารเจได้ชัด แต่เขาบอกว่า ความเป็นไปของสังคม เป็นต้นว่ามีการเรียกร้องสิทธิที่ทวีมากขึ้น จำนวนศูนย์ฟิตเนสตามมุมเมือง เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าคนไทย ให้ความสำคัญ เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ กระทั่งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคอาหารเจใน และนอกเทศกาลกินเจอย่างที่เป็นอยู่
ทุกวันนี้แทบทุกร้านอาหารล้วนแล้วแต่ยอมเจียดพื้นที่ครัว เพิ่มเมนูอาหารเจ หรือมังสวิรัติ ให้ลูกค้าได้มีตัวเลือกใหม่อีกทางหนึ่งด้วย นั่นแสดงว่าแนวโน้มคนรุ่นใหม่ที่เริ่มจะหันมาใส่ใจต่อสุขภาพด้วยการอาหารกินเจกำลังมีจำนวนมากขึ้นเป็นเงาตามตัวเช่นกัน
แม้ Tony King ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารของร้านดังกล่าว จะไม่สามารถบอกได้ว่าวิวัฒนาการของอาหารเจยุคโมเดิร์นในเมืองไทยเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เขาก็พูดได้เต็มปากเต็มคำว่า อาหารเจยุคใหม่ ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไป จนกลายเป็นกระแสสังคมที่พากันหันหลังให้ การบริโภคเนื้อสัตว์ แต่หากให้ย้อนถึงรูปร่างหน้าตาอาหารเจที่ดูทันสมัยจนเกือบมองไม่ออกว่าเป็นอาหารเจ ก็คงต้องเริ่มกันที่ดินแดนที่เป็นต้นแบบอาหารฟิวชั่น ประเทศสหรัฐอเมริกา รัฐแคลิฟอร์เนีย
เห็นได้ว่ากระแสอาหารสุขภาพเริ่มทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น กระทั่งทำให้ร้านอาหารต่างๆที่มีอยู่ในเมือง พยายามดึงดูดลูกค้าให้ได้มากเท่าที่จะมากได้ โดยการให้เชฟประจำร้านคิดเมนูเจใหม่ๆออกมา เพื่อสร้างสรรค์ จนก่อให้เกิดการแข่งขันกันในที่สุด ตรงนี้เป็นประกายปลุกกระแสอาหารสุขภาพที่หลับใหลให้ตื่นขึ้น
อานิสงส์การแข่งกันสร้างสรรค์ทำให้หน้าตาอาหารเจ รวมถึงสีสัน และรสชาติ ต่างไปจากอาหารเจ ที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย และมีสไตล์ฟิวชั่นมากขึ้น
“อาหารเจยุคโมเดิร์นในเมืองไทย เริ่มขึ้นจริงๆเมื่อสัก 2-3 ปีที่ผ่านมา และจำนวนร้านอาหารเจแนวใหม่ ที่ส่วนการยืมสไตล์การแต่งอาหาร หรือรสชาติอาหารตะวันตกเข้ามามิกซ์นั้น ในช่วงเทศกาลกินเจจะมีให้เห็นตามโรงแรมชั้นนำ และตามร้านอาหารเจแนวใหม่ นอกจากนั้นร้านอาหารเจแนวใหม่นี้ ก็มีอาหารเจหน้าตาดีรสชาติเป็นเลิศให้กลุ่มผู้รักสุขภาพเลือกลิ้มลองได้ทั้งปีอีกด้วย” Tony King กล่าว
ถึง เรสเตอรองเจฟิวชั่นโมเดิร์น ที่ทั้งสองบอกใบ้จะมีน้อยกว่านิ้วมือข้างหนึ่ง แต่เชื่อว่าเกือบทุกร้านอาหารทันสมัยที่สละพื้นที่ครัวให้กับเมนูอาหารเจ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ที่หันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น ก็คงพอจะคาดเดาได้แล้วว่าแนวโน้มอาหารเจฟิวชั่น โมเดิร์นน่าจะเป็นอย่างไร
อย่างไรก็ตามแม้อาหารเจแนวฟิวชั่นในเมืองไทย จะก้าวพ้นจากเนื้อสัตว์ที่ทำเลียนแบบเป็นเจเป็ด เจไก่ เจ ปลา ฯลฯ ไปสู่การใช้วัตถุดิบที่เป็นต้นตำรับเดิมอย่าง เมล็ดถั่วและ ธัญพืชต่างๆ ที่ให้สารอาหารครบถ้วน อาจทำให้ผู้บริโภคอาหารเจรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่สารอาหารและน้ำหนักของบุญก็ไม่ลดน้อยลงเลย
ทั้งสองบอกว่า เจสมัยใหม่ไม่จำกัดอยู่แค่การไม่บริโภคเนื้อสัตว์ และผักต้องห้าม ทั้ง 5 อย่าง (กระเทียม หัวหอม หลักเกียว กุ้ยฉ่าย และใบยาสูบ) เท่านั้น หากแต่คำนึงถึงกระทั่งน้ำมันที่นำมาปรุงด้วย เพราะถึงจะทำมาจากพืชก็จริง แต่หากบริโภคจำนวนที่มากก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพเช่นกัน ฉะนั้นเจสมัยใหม่จึงหันมาใช้น้ำมันมะกอก น้ำมันถั่วเหลือง ที่เป็นพืชเหมือนกัน แต่ดีต่อสุขภาพต่างกัน
“เพราะฉะนั้นถ้าถามผมว่าอาหารเจมีอะไรดี ในฐานะคนที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารเจ ผมว่าด้วยหน้าตาที่เปลี่ยนแปลงไปสู่ความทันสมัย และรสชาติที่อร่อยกว่าเดิม ขณะเดียวกันก็ให้คุณค่าทางอาหารที่ครบถ้วนขึ้น นั่นก็น่าจะมีเสน่ห์มากพอจะทำให้คนรุ่นใหม่หลงใหลอาหารเจแล้ว ที่สำคัญอาหารเจยังสามารถเลือกรับประทานได้ทั้งปีอีกด้วย”
• อาหารเจ “กินเป็น ก็ลืมป่วย”
ขณะที่ความนิยมในอาหารที่อิงแอบธรรมชาติมีเพิ่มขึ้น หลายคนอาจกริ่งเกรงอยู่ว่า การบริโภคแป้งจะเป็นตัวการผลักดันให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นหรือไม่ อาจารย์เจตนิพัทธ์ บุณยสวัสดิ์ รองหัวหน้าสาขาอุตสาหกรรมการบริการอาหาร คณะเทคโนโลยี คหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ว่า สำหรับผู้ที่กลัวอ้วนจากแป้ง ก็ไม่ต้องกังวลกับเรื่องดังกล่าว
เพราะเมื่อร่างกายเรางดการบริโภคเนื้อสัตว์ แต่ความต้องการพลังงานยังมีอยู่ ร่างกายจึงไปดึงพลังงานจากแป้งและไขมันมาทดแทนพลังงานจากเนื้อสัตว์ที่ร่างกายต้องการได้
แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่าเรื่องอ้วนสำหรับผู้ที่รับประทานอาหารเจ คือ การขาดสารอาหารประเภทโปรตีน ซึ่งจะได้รับจากธัญพืช ถั่วชนิดต่างๆ แนวทางที่ดีที่สุดเพื่อให้ร่างกายไม่ขาดโปรตีน คือ ผู้ที่รับประทานอาหารเจควรทานถั่ว ธัญพืชต่างๆ ให้หลากหลายประเภทขึ้น อย่ารับประทานเพียงแต่ถั่วเหลือง หรือถั่วลิสง เพราะถั่ว และธัญพืชแต่ละชนิด ให้โปรตีนที่ร่างกายต้องการแตกต่างกันออกไป (อ่านล้อมกรอบโปรตีนจากถั่ว)
อาจารย์เจตนิพัทธ์ บอกอีกว่า สำหรับผู้ที่บริโภคอาหารเจช่วงแรกๆ อาจทำให้มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ทว่าเมื่อรับประทานไปสักระยะหนึ่ง ร่างกายก็จะอยู่ตัว และมีการปรับสภาพ น้ำหนักตัวก็จะกลับเข้าสู่ภาวะเดิม
ส่วนมือใหม่ที่เริ่มทานอาหารเจอาจต้องเผชิญกับ ปัญหาอาการถ่ายท้องรบกวนบ้าง ก็ไม่ต้องวิตกกังวลเพราะอาการดังกล่าวเป็นเรื่องปกติ เมื่อใดที่ร่างกายได้รับสิ่งแปลกปลอมต่างไปจากอาหารแบบเดิมๆ ที่ร่างกายคุ้นชิน ก็ย่อมจะมีปฏิกิริยาบางอย่างแสดงออกมา หากทานไป 2-3 วันระบบภายในร่างกายก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
อาจารย์เจตนิพัทธ์ แนะนำเพิ่มเติมว่า การรับประทานอาหารเจเพื่อสุขภาพที่แท้จริงนั้น ในแต่ละมื้อของเจ ควรประกอบด้วยอาหาร 4 กลุ่ม ดังต่อไปนี้ 1.กลุ่มแป้ง ซึ่งได้จากอาหารประเภทข้าว ก๋วยเตี๋ยว 2.กลุ่มโปรตีน ซึ่งได้จากถั่วชนิดต่างๆ และสาหร่ายทะเล 3. กลุ่มผักผลไม้ ซึ่งเป็นอาหารให้กากใย ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยดูดซับสารพิษ และกากใยเหล่านี้ยังช่วยขับอาหารจำพวกโคเลสเตอรอลให้ออกมาพร้อมระบบขับถ่าย 4.กลุ่มไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งเป็นไขมันที่ได้จากพืช หรือน้ำมันที่มีกรดไลโนเลอิกมีอยู่ในน้ำมันรำข้าว น้ำมันข้าวโพด ไขมันเหล่านี้จะช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลในร่างกาย
เราไม่สามารถตัดอาหารกลุ่มนี้ทิ้งได้ เพราะเป็นกลุ่มที่สร้างเรี่ยวแรง ให้พลังงานต่อร่างกายสูงที่สุด หากเราไม่บริโภคไขมัน ร่างกายจะไปดึงโปรตีนจากการรับประทานถั่วของเรามาใช้เป็นพลังงานแทน แทนที่โปรตีนจะสร้างกล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายแข็งแรง ก็กลับใช้ได้เพียงแค่สารอาหารให้พลังงานเท่านั้น ดังนั้นเราจึงต้องรับประทานให้ครบทั้ง 4 กลุ่ม
• อาหารเจเหมาะกับใครบ้าง
หลายคนอาจสงสัยว่า แท้จริงแล้วอาหารเจ เหมาะหรือไม่เหมาะกับใครบ้าง รองหัวหน้าสาขาอุตสาหกรรมการบริการอาหาร คณะเทคโนโลยี คหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร เผยว่ามีคน 4 กลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากอาหารเจ ได้แก่
ผู้หญิงในวัยใกล้หมดประจำเดือน ผู้หญิงในกลุ่มนี้จะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากอาหารจำพวกถั่ว ธัญพืชต่างๆ ซึ่งมีฮอร์โมนเพศหญิง ไฟโตเอสโตรเจนอยู่ ฮอร์โมนตัวนี้จะช่วยปรับสมดุลร่างกายให้เข้าสู่วัยทองอย่างไม่รุนแรงมากนัก
ผู้ป่วยโรคมะเร็ง และโรคหัวใจที่มีสาเหตุมาจากโคเลสเตอรอล สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งนั้น ควรเริ่มจากการค่อยๆ งดเนื้อสัตว์ให้ได้ก่อน เพราะโปรตีนที่ได้จากเนื้อสัตว์เป็นอาหารของเชื้อมะเร็งที่จะเจริญเติบโต เพราะฉะนั้นวิธีที่จะสกัดมะเร็งไม่ให้เกิดในร่างกายก็คือ การงดทานเนื้อสัตว์ซึ่งเป็นตัวเลี้ยงเชื้อมะเร็ง จึงต้องหันมาทานโปรตีนที่ได้จากพืชผักแทน ซึ่งจะช่วยชะลอ และยับยั้งเชื้อมะเร็งได้
ในพืชผักผลไม้เองก็มีสารพฤกษเคมีที่มีประโยชน์และต่อต้านสารก่อมะเร็งอย่างสารแอนตี้ออกซิเดนซ์หรือสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีอยู่มากในผักผลไม้ แต่ผักผลไม้เหล่านั้นต้องปลูกด้วยวิธีปลอดสารพิษ ล้างสะอาดและปรุงถูกวิธีจึงจะให้ประโยชน์ที่แท้จริงต่อร่างกาย อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะการฆ่าสัตว์ในปัจจุบัน สัตว์จะรู้ชะตากรรมตัวเองล่วงหน้า แล้วจะหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกมา เมื่อเรารับประทานเนื้อสัตว์นั้นเข้าไปก็จะได้รับสารดังกล่าว โดยปกติร่างกายคนเราหลั่งสารผลิตมะเร็งออกมาอยู่ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับว่าตัวเรารับประทานอาหารต้านมะเร็งให้หายไปหรือช่วยเสริมให้มะเร็งก่อตัวเร็วขึ้น
ผู้สูงอายุ ในวัยนี้ระบบการย่อยจะเริ่มเสื่อม ดังนั้น การรับประทานอาหารที่ช่วยย่อยง่ายจะดีต่อสุขภาพมาก กว่า และกลุ่มสุดท้ายคือผู้รักสุขภาพ การรับประทาน อาหารเจช่วยให้เกิดความสบายใจ เพราะเป็นอาหารที่มาจากธรรมชาติ ทั้งยังช่วยให้ระบบไหลเวียนของเลือดผ่อนคลาย โรคภัยต่างๆ ทุเลาอาการลง การรับประทานเจ ก็ไม่จำเป็นจะต้องลดเนื้อสัตว์ในทันทีทันใด แต่เริ่มจากรับประทาน 1 มื้อ ต่อวันก่อน แล้วค่อยๆ ปรับให้ครบ 3 มื้อ
สำหรับในวัยเด็กนั้น อาจารย์เจตนิพัทธ์แนะนำว่ายังไม่ควรตัดเนื้อสัตว์ในทันที เพราะร่างกายยังต้องการโปรตีนจากเนื้อสัตว์เพื่อพัฒนาการทางร่างกายและสมอง เพราะโปรตีนจากเนื้อสัตว์เป็นโปรตีนที่มีคุณภาพมากที่สุด แต่ควรเริ่มจากการให้เด็กๆทานเนื้อสัตว์ที่มีไขมันน้อย และเน้นให้เด็กทานผักผลไม้ เต้าหู้ โดยค่อยๆ สอดแทรก ในอาหารทำเป็นชิ้นเล็กๆ ให้ทานตั้งแต่เด็ก จะช่วยทำให้ค่อยๆ ซึมซับอาหารเพื่อสุขภาพไปเรื่อยๆ
โปรตีนสำคัญ ที่มีครบถ้วนในถั่ว
- ไลซีน มีหน้าที่สร้างความเจริญเติบโตและสร้างความต้านทานให้แก่ร่างกาย
- กลูตามิก เป็นกรดอะมิโนที่บำรุงรักษาความเป็นปกติของเซลล์สมอง
- วาลีน เป็นกรดอะมิโนที่สร้างความเป็นปกติแก่สมองอีกชนิดหนึ่ง รวมถึงกล้ามเนื้อ ระบบประสาท การรับรู้ ความรู้สึกนึกคิด
- อาร์จีนีน เป็นส่วนประกอบของอสุจิในเพศชาย หากขาดจะทำให้มีโอกาสเป็นหมันเพราะเชื้ออสุจิไม่แข็งแรง นอกจากนี้ยังทำให้ร่างกายไม่สดใส ไม่มีความกระชุ่มกระชวย จิตใจไม่ผ่องใส ทำให้แก่เร็ว
- ซิสตีน เป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายนำมาใช้สร้างเซลล์เส้นผม และอินซูลิน ทำให้ร่างกายต่อต้านสิ่งที่เป็นพิษได้ดีขึ้น สร้างภูมิต้านทานและสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาทางลมหายใจ
- ทรีโอนีน มีความสำคัญต่อระบบทางเดินอาหารและระบบย่อยอาหาร
- อิสติดีน ช่วยดูแลรักษาทำให้ประสาทหูทำงานเป็นปกติ
- ทริปโตเฟน ทำหน้าที่ในการย่อยอาหารร่วมกับทรีโอนีน นอกจากนี้ยังช่วยสร้างเส้นผม ทำให้เส้นผมไม่หลุดร่วงง่าย รากผมแข็งแรง และทำให้ผิวพรรณผ่องใส ช่วยสร้างเม็ดโลหิตอีกด้วย
- เมทีโอนีน ช่วยดูแลรักษาตับ ขับของเสียออกจากตับ ขจัดสารพิษออกจากร่างกาย
คนรุ่นใหม่หัวใจเจ
หนึ่งในคนรุ่นใหม่ที่หันมากินเจ แต่ไม่ใคร่มีใครพูดถึงให้เป็นข่าวก็คือ 4 สาวเกิร์ลลี่เบอร์รี่ ถึงแต่ละคนจะเคร่งน้อย และเคร่งมากต่างกัน แต่เมื่อเทศกาลกินเจเวียนมา 4 สาว ที่โลกมายาตีราคาอยู่ที่ความเซ็กซี่ก็ไม่ได้ละเลยแต่อย่างใด
กิ๊บซี่ ‘วนิดา เติมธนาภรณ์’ เผยว่า “กิ๊บเอง ไม่ได้กินเจแบบเคร่งครัด คือจะกินเป็นบางมื้อ หรือจะกินเฉพาะบางโอกาสที่เราสะดวกใจ แต่สิ่งหนึ่งที่กิ๊บเชื่อว่าตัวกิ๊บเองได้จากการกินเจ ก็คือ เรื่องของจิตใจ ทำให้เรารู้สบายใจที่เราได้ทำบุญด้วยการละเว้นเนื้อสัตว์ค่ะ
ขณะที่ 3 สาว กิ๊ฟซ่า ‘ปิยา พงศ์กุลภา’ แนนนี่ ‘ภัทรนันท์ ดีรัศมี’ และ เบลล์ ‘มนัญญา ลิ่มเสถียร’ ที่ตั้งใจกินเจเป็นประจำทุกปี และเข้าใจความหมายของเทศกาลกินเจเพิ่มขึ้นบอกว่า
“สมัยก่อนกิ๊ฟกินเจเพราะทำตามประเพณี คือกินตามครอบครัว เพราะครอบครัวกิ๊ฟเป็นคนไทยเชื้อสายจีน พอเราโตขึ้นเราก็รู้ว่าการกินเจไม่ได้เป็นเพียงแค่ประเพณี เพราะเราได้รักษาศีล ละเว้นชีวิตอื่นด้วย” กิ๊ฟซ่ากล่าว ก่อนจะเปิดโอกาสให้แนนนี่พูดถึงการกินเจของตัวเองว่า “ตั้งแต่จำความได้ แนนนี่ก็กินแล้วค่ะ เพราะที่บ้านกินเป็นประจำทุกปี ทำให้แนนนี่ซึมซับการกินเจตั้งแต่เด็กๆ ภายหลังรู้ความหมายของกินเจก็เลยตั้งใจกินมาตลอด สิ่งที่ได้จากการกินเจคือ เรื่องของสุขภาพที่ดี และจิตใจที่ปลอดโปร่งขึ้นค่ะ”
“เบลล์ได้แรงบันดาลใจจากการกินเจจากคุณแม่ค่ะ” สาวสวยคนสุดท้ายแห่งเกิร์ลแบนด์แถวหน้าเมืองไทยเผย “โดยเริ่มกินเคร่งครัดจริงๆ ก็ตอนที่เบลล์เรียนมหาวิทยาลัย เบลล์ว่าการกินเจทำให้สุขภาพดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบการย่อย ระบบการขับถ่าย และผิวพรรณที่สดใสขึ้นด้วย”
นอกจากเรื่องสุขภาพแล้ว การกินเจยังเป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยขัดเกลาจิตใจด้วย เพราะ การกินเจเป็นการตั้งมั่นว่าจะไม่เบียดเบียนสัตว์ ซึ่งนั่นเป็นการทำความดีอย่างหนึ่ง ส่วนอาหารเจจะสามารถลดความรุนแรงในสังคมได้หรือไม่นั้น ยังไม่มีใครให้คำตอบได้แน่ชัด แต่หลายคนเชื่อว่าการกินเจเป็นแค่วิธีการหนึ่งช่วยให้เราใจเย็นลง เหมือนทฤษฎีที่บอกว่าการไม่บริโภคเนื้อแดงทำให้เราใจเย็นลง
เกี่ยวกับเรื่องนี้ผู้ชายต้นแบบที่ผันตัวเองออกจากวงการมายา มาทำในสิ่งที่ใครๆหลายคนไม่กล้าทำ ชายหนุ่มอย่าง ‘แทนคุณ จิตต์อิสระ’ บอกว่า “ถึงการกินเจจะทำให้บางคนหิวง่าย หรือหมดแรงเร็ว แต่ถ้าเทียบกับสิ่งที่ได้รับนั้น ต้องถือว่าคุ้มแสน คุ้ม เพราะนอกจากจะเป็นการพักร้อนระบบภายในร่างกายแล้ว ความใจร้อน ความหุนหันพลันแล่น ก็ลดลงด้วยเหมือนกัน
ผลวิจัยบอกว่าคนที่ทานอาหารเจเป็นประจำ จะมีความแข็งแรง ความทนทานต่อพิษต่อโรค โดยเฉพาะโรคหัวใจ มะเร็งลำไส้ โรคเบาหวาน หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับการดูดซึมอาหารที่ผิดปกติได้ดีกว่าคนที่ทานเนื้อสัตว์
ที่สำคัญอย่าได้เข้าใจผิดว่าการกินเจเป็นเรื่องเดียวกันกับพิธีกรรมทรงเจ้าเข้าผี เพราะหัวใจของการกินเจจริงๆ คือการชำระล้างจิตใจ ร่างกายให้บริสุทธิ์ ด้วยการไม่เบียดเบียนชีวิตสัตว์ ทำให้เรามีชีวิตที่เรียบง่าย และพอเพียง ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มสังคมโลกที่กำลังเผชิญหน้ากับภาวการณ์ขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติอย่างรุนแรง”
เขาแนะนำสำหรับคนกินเจมือใหม่ว่า “ก่อนอื่นเราต้องรู้ว่า จุดประสงค์ที่เราต้องการกินเจคืออะไร ถามตัวเองก่อนว่ากินเจเพราะอะไร ศาสนาความเชื่อ และหากจะเปลี่ยนพฤติกรรมไปกินเจถาวร ถามร่างกายตัวเองสักนิดว่าพร้อมแค่ไหน หรือต้องหาอาหารเสริมจากไหน ไม่ใช่ว่าตื่นเช้ามาแล้วกินเจเลยก็คงไม่ถูกต้องนัก ควรให้เวลาร่างกายปรับสมดุลอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะแทนที่จะสุขภาพดีก็อาจทำให้ป่วยหนักได้”
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 107 ตุลาคม 2552 โดยโชคชัย)