xs
xsm
sm
md
lg

รายงานพิเศษ : ปภัสรา เตชะไพบูลย์ กับบท “ผู้ให้” ในชีวิตจริง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ไม่ถูกต้องเท่าใดนักหากจะบอกว่า ชีวิตที่พบกับความสำเร็จในวันนี้ของ “กบ” ปภัสรา เตชะไพบูลย์ อดีตมิสไทยแลนด์เวิลด์ พ.ศ. 2531 ได้มาเพราะโชคช่วย
แม้ชีวิตของเธอจะพลิกผันชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ จากเด็กสาวจนๆ จ.สุพรรณบุรี สู่การเป็นนางงาม นักแสดง คุณนายรัฐมนตรี เจ้าของรายการทีวี และไร่องุ่นปภัสรา จนได้รับการขนานนามจากคนรอบข้างว่าเป็นซินเดอเรลล่า คนหนึ่งของเมืองไทย
เพราะแท้จริงแล้วกรรมดีที่เธอสั่งสมเรื่อยมา ไม่ว่าจะในฐานะการเป็นลูกกตัญญู และการเป็นนักออมตัวยง ที่เคยมีงานเขียนชื่อ “นักฆ่าความจน” ตีพิมพ์ออกมาแล้วเล่มหนึ่งให้คนทั่วไปได้ศึกษาเป็นแนวทาง
เธอยังถือเป็นผู้หนึ่งที่ให้ความสำคัญกับการทำบุญเป็นอย่างมาก และก็ไม่ได้เพิ่งมาเริ่มทำบุญเอาเมื่อตอนที่ชีวิตพบกับความสุขสบาย แต่เป็นสิ่งที่เธอบอกว่าประพฤติปฏิบัติมาจนเป็นนิสัยตั้งแต่วัยเด็ก ซึ่งเธอเชื่อว่า กรรมดีและบุญที่สั่งสมมานั้น มีส่วนสร้างให้ตัวเองมีวันนี้
“แต่บางคนมักจะคิดและตั้งคำถามว่า ทำไมชีวิตของกบถึงโชคดีจังเลย ทั้งๆ ที่หลายคนก็รู้ว่ากบเป็นคนที่ชอบ ทำบุญทำทาน”
ดังนั้นในชีวิตประจำวัน ประมาณ 90% ที่ต้องตื่นแต่เช้าขึ้นมาทำบุญตักบาตร และสวดมนต์ไหว้พระก่อนเข้านอน เพื่อเป็นตัวอย่างให้ “น้องเหนือ” ลูกสาววัยกำลังน่ารักได้เห็นและปฏิบัติตาม และแทบจะทุกวันเสาร์ที่ต้องไปส่งลูกสาวเรียนพิเศษ เธอมักจะแวะไปถวายสังฆทานที่วัดปทุมวนาราม และบริจาคเงินเพื่อซื้อโลงศพให้ศพไร้ญาติที่มูลนิธิปอเต็กตึ๊งด้วย
“กบค่อนข้างทำบุญเยอะมาก ปีที่แล้วก็ไปไถ่ชีวิตโค กระบือ โดยไม่ได้คิดแค่ว่าต้องเป็นวันเกิด วันไหนที่อยาก ทำบุญก็จะทำ”
อดีตนางงามลูกหนึ่งบอกเล่า หลังจากที่ผ่านมาเมื่อไม่นานเพิ่งซื้อระฆัง 9 ใบไปถวายวัดแห่งหนึ่งที่ เขาคิชกูฎ จ.จันทบุรี และร่วมทริปไปทำบุญ ที่ จ.ลพบุรี กับเพื่อนๆดาราด้วยกัน ก่อนกลับมาตระเตรียมของสำหรับไปทำบุญ วันเกิดให้กับสามี (พรเทพ เตชะไพบูลย์) ที่วัดชนะสงคราม และกำลังคิดโปรแกรมที่จะพาเด็กๆ ที่เธออุปการะไว้ตามมูลนิธิต่างๆ ไปเที่ยวเพื่อเปิดหูเปิดตา
ขณะที่ต้องแบ่งเวลาให้กับครอบครัว คิวถ่ายละครหลายเรื่อง ธุรกิจที่กำลังทำอยู่ การเป็นดีเจให้กับคลื่น FM. 95 ลูกทุ่งมหานคร ในทุกบ่ายวันเสาร์ ซึ่งปีที่แล้วเธอนำรายได้ทั้งหมดสมทบเป็นทุนสำหรับสร้างห้องน้ำ ให้กับวัดย่านบางนา ที่มีพระมหาวุฒิชัย (ว.วิชรเมธี) เป็นเจ้าของโครงการ รวมไปถึงการทำหน้าที่เป็นผู้ไกล่เกลี่ยและประนีประนอมให้กับศาลแรงงานและศาลแขวงปทุมวัน อันเป็นงานช่วยเหลือสังคมที่เธอมีโอกาสได้ใช้ความสามารถ หลังจากที่เข้าไปศึกษาที่สถาบันพระปกเกล้า ส่วนที่บ้านเกิดสุพรรณบุรี เธอจะมอบคอมพิวเตอร์ และเงินเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กๆในทุกๆวันเด็ก และมอบให้กับผู้สูงอายุในวันสงกรานต์
เธอบอกอีกด้วยว่า เวลานี้มีบ้านหลังใหม่เพิ่มขึ้นอีกสามหลัง ซึ่งเป็นบ้านทางธรรมให้ใจของเธอ และผู้คนทั่วไปได้เข้าไปพักอาศัย เพราะเธอได้บริจาคเงินเพื่อไปสร้างกุฏิปฏิบัติธรรมไว้ที่วัดมัชฌิมาวาส จ.กาฬสินธุ์ วัดดอนธาตุ อุบลราชธานี และที่อาศรมอิสรชน อ.เชียงของ จ.เชียงราย
เธอจะแบ่งเวลาไปปฏิบัติธรรมที่วัดมัชฌิมาวาสทุกปี ครั้งละ 3 วัน และที่วัดแห่งนี้เองเธอได้บริจาคร่างกายเพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่ เตือนสติให้พระที่บวชใหม่ได้ปลงสังขาร ระหว่างนี้หากใครแวะผ่านไปที่วัดจะพบว่ามีภาพนางงามขณะสวมมงกุฎ ในวัย 19 ปี ติดรอคู่ไว้กับโลงศพเปล่าๆ ก่อนที่ลมหายใจสุดท้ายของชีวิตคนในภาพจะมาถึง
ส่วนวัดดอนธาตุ เป็นวัดของพระเกจิ หลวงปู่เสาร์ ที่ลูกชายคนโตของสามีกับภรรยาคนเก่า เคยไปบวชที่นั่น ด้วยความที่เลื่อมใสศรัทธา เพราะเป็นวัดที่สงบและเป็นวัดป่า ซึ่งมีพระสงฆ์ แม่ชี และชาวบ้าน อยู่ร่วมกันอย่างพึ่งพา พระต้องพายเรือเพื่อข้ามน้ำมาบิณฑบาตในหมู่บ้าน เธอจึงคิดสร้างกุฏิเพื่อให้ผู้เฒ่าผู้แก่ได้ไปปฏิบัติธรรม
ขณะที่อาศรมอิสรชน เป็นอาศรมในรูปแบบที่เรียบง่ายท่ามกลางธรรมชาติบนเนื้อที่ 50 ไร่ ณ บ้านเกิดของท่าน ว.วชิรเมธี หลังจากที่เธอและลูกสาวได้สนทนาธรรมด้วยเป็นครั้งแรกและมีโอกาสร่วมทริปไปทำบุญด้วย จนเกิดความเลื่อมใสศรัทธา และได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ ต่อมาจึงได้รวบรวมสมัครพรรคพวกและผู้ใจบุญที่สนิทสนม หารายได้ไปร่วมทำบุญตามวาระโอกาส ซึ่งกุฎิปฏิบัติธรรมที่อาศรมแห่งนี้ เธอมีเป้าหมายจะสร้างให้เสร็จภายในปีนี้ให้ได้
“กบมีความรู้สึกว่า ทุกครั้งที่เราได้ให้ จะให้มากให้ น้อย แต่เมื่อจิตเราบอกว่าเราเป็นผู้ให้ปุ๊บ เราจะมีความสุขเลยนะ เราจะสุขที่ใจ แล้วเราก็จะอมยิ้มที่แก้มนิดๆ และปรากฏออกมาที่แววตา โดยที่บางครั้งเราไม่รู้สึกตัวหรอก”
เธอผู้มีความงามครบถ้วนทั้งใบหน้า และจิตใจ แบ่งปันถึงความสุขของการเป็นผู้ให้ และในวันนี้การให้ของเธอก็ถูกแปรเปลี่ยนเป็นการได้รับในที่สุด
“กบไม่เคยทำบุญโดยการใช้เงินเป็นแสนเป็นล้าน แค่กบตื่นมาตักบาตรเนี่ย ถามหน่อยว่าข้าวเราก็ต้องหุงและกับข้าวเราก็ต้องทำไว้กิน เราแค่แบ่งเท่านั้นเอง นำมาใส่บาตรพระวันละองค์ ถามว่ามันสิ้นเปลืองไหม ก็ไม่ใช่ ถ้าหากคุณมีเงินสลึงหนึ่ง แต่คุณตั้งจิตที่จะใส่บาตร คุณอาจจะได้มากกว่าคนที่ทำเป็นล้านก็ได้ เพราะคนที่ทำเป็นล้านบางคน ขาไม่ได้ตั้งใจที่จะทำ แต่ทำเพื่ออยากได้หน้า เขาก็ได้หน้าไง หน้าใหญ่เต็มจอ ขึ้นหน้าหนึ่งทุกฉบับ แต่บุญเขาไม่ได้ แต่เราทำหนึ่งสลึง หน้าเราก็ได้ แต่เป็นหน้าที่อิ่มบุญ ดังนั้นกบอยากให้ทุกคนสนใจทำบุญและทำทานโดยไม่ต้องมีข้อแม้หรือมีช่องว่าง”
เธอยกประโยคหนึ่งที่เคยได้อ่านจากหนังสือมาย้ำเตือนทุกคนอีกครั้งว่า “มือของผู้ให้จะอยู่เหนือกว่ามือผู้รับ” เช่นกันกับความดี ใครที่ลงมือทำ ความดีก็ย่อมส่งเสริมให้ผู้นั้นเป็นสุขและพบแต่สิ่งที่ดี
“เวลาเราตาย เราอยากตายแบบไหน เรามีสิทธิ์เลือก
คนทำดี ถ้าคุณตายไป แม้กระทั่งกลิ่นของคุณ ความเน่าเหม็นในตัวคุณ มันก็ยังหอม คนที่อยู่เขาก็ต่างอาลัย เค้าไม่น่าจะจากเราไปเร็วเลยนะ น่าเสียดายคนดีๆ แบบนี้ เค้าน่าจะอยู่ เพราะด้วยความที่คุณเป็นคนที่ทำแต่ความดี และช่วยเหลือสังคม
ส่วนคนที่ไม่ดี คนจะบอก สมน้ำหน้า ดีๆให้มันตายไปก็ดี หนักโลก ดูซิความต่าง เราควรจะเลือกว่าเราจะไปแบบไหน ไม่จำเป็นต้องให้ใครเค้าเยินยอเราหรอก ไม่จำเป็นต้องให้เค้ามาบอกว่าเราดีขนาดนั้นดีขนาดนี้ อย่างน้อยพอเราหมดลมหายใจ ขอให้เราเดินทางไปในภพที่ดีก็พอแล้ว ไม่ใช่ว่ามีชีวิตอยู่ก็ลำบากลำบน ตายไปก็ยังต้อง ไปรับกรรมอีก ในเมื่อเรายังมีลมหายใจอยู่ เราก็ต้องชดใช้กรรม แล้วก็ทำดีเพิ่มสิ ทำดีไว้ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เวลาจะไปจากโลกนี้ มันดีทั้งสิ่งที่เราทิ้งไว้ นั่นคือความ ดีในสิ่งที่เราทำ และเราก็ได้เดินทางไปเจอแต่สิ่งที่ดีๆ”
อดีตมิสไทยแลนด์เวิลด์ ผู้เชื่อในการทำดีและได้รับสิ่งที่ดีตอบแทนชีวิตแล้ว ยกตัวอย่างสองทางเลือกให้เราลองเป็นฝ่ายตัดสินใจเลือก

จาก ธรรมลีลา ฉบับ มิถุนายน 2552
โดย พรพิมล
กำลังโหลดความคิดเห็น