xs
xsm
sm
md
lg

ธรรมะกับชีวิตประจำวัน ; นึกถึงอดีต ตรวจสอบปัจจุบัน วางแผนอนาคต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คนเราทุกคนมีอดีต มีปัจจุบัน มี อนาคต
อดีตนั้นเอามาเป็นเครื่องเตือนใจอย่างไร สมมติว่าเมื่อก่อนเราเป็นคนธรรมดาๆไม่มีเงินไม่มีทองใช้ ต้องต่อสู้ตัวเป็นเกลียว เพื่อจะได้ตั้งเนื้อตั้งตัวเป็นหลัก เป็นฐาน เราก็ต้องเอามาพิจารณาว่าอดีตของเรานั้นอยู่ในสภาพลำบากอย่างไร ความลำบากทั้งหลายควรจะเป็นบทเรียนเป็นครูเตือนจิตสะกิดใจของเราว่า เราต้อง อาศัยความเพียรความอดทน ความก้าวหน้า การทำจริง ชีวิตจึงได้ผ่านพ้นอุปสรรค คือความลำบากนั้นมาได้ มาอยู่ในฐานะที่สบาย ดังเป็นอยู่ในปัจจุบัน
เมื่อสบายแล้วบางทีเราจะลืมตัวไป ลืมนึกไปถึงอดีตว่าเราเคยเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ที่คนโบราณเขาพูดว่า วัวลืมตีน คือมันลืมว่าตีนมันมีกี่ตีน แล้วมันควรจะเหยียบอะไรบ้าง เลยไปเหยียบพลาดถูกนั้นถูกนี้ คนเราบางทีก็ลืมไปในเรื่องอย่างนั้น ไม่ได้นึกถึงของเก่าที่เคยเป็นเคยอยู่อย่างไร พอมีอะไรผิดขึ้นจากเดิมก็เมาในสิ่งนั้น เมาในเงินเมาในทองในอำนาจในความเป็นใหญ่
ความเมาแบบนี้พระพุทธเจ้าถือว่าเป็นความประมาท ชีวิตจะต้องตกต่ำไม่ก้าวหน้า
แต่ถ้าเราไม่เมา แล้วเอาอดีตมาเตือนตัวเองไว้เสมอว่า สมัยหนึ่งเราเคยเป็นอย่างนั้น เคยลำบากตรากตรำ เดี๋ยวนี้สบายก็อย่านึกว่าจะสบายเสมอไป เพราะพระท่านบอกว่า สิ่งทั้งหลายมันไม่เที่ยง อาจจะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อใดก็ได้ เหตุการณ์ทั้งหลายมันไม่แน่นอน ตัวเรามันเปลี่ยน โลกมันเปลี่ยน มีอะไรเปลี่ยนแปลงโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวเกิดขึ้น เรากลับตัวไม่ทันจะลำบากเดือดร้อน เพราะฉะนั้นจะต้องเตรียมไว้ให้มั่นคง เช่นว่าเงินทองที่หาได้ เราจะจ่ายให้มันหมดเสียก็ไม่ได้ สนุกเกินไปก็ไม่ได้ ต้องคิดว่าอนาคตมันจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ไม่รู้ เราจะต้องเผื่อไว้บ้าง เรียกว่าเผื่อขาดเผื่อเหลือ อย่างนี้ก็ไม่ประมาทเพราะนึกถึงอนาคตไว้ แล้วเป็นคนที่ไม่ลืมเนื้อลืมตัว ชีวิตจะไม่ตกต่ำ นี่เขาให้คิดถึงอดีตเพื่อเป็นเครื่อง เตือนใจเรา
คนโบราณเขาสอนไว้ว่า ตักน้ำใส่กะโหลก ชะโงกดูตัวเสียบ้าง เพื่อจะให้รู้ว่าเราบกพร่องในแง่ใด เสียหายในเรื่องอะไร ประมาทอย่างไร จะได้รู้เนื้อรู้ตัว ให้ดูกระจกบ่อยๆ กระจกที่เป็นแก้วนั้น ดูได้แต่เพียงร่างกาย แต่กระจกแว่นธรรมของพระพุทธเจ้านั้น ดูให้ถึงจิตใจ เราต้องเอาธรรมะมาส่องดูจิตใจของเรา ความคิดความนึก การเป็นการอยู่ในชีวิตประจำวันของเรา ว่ามีอะไรไม่เหมาะไม่ควร มีอะไรควรจะปรับปรุงแก้ไข มีอะไรควรจะทำให้ดีขึ้นไปกว่านี้ จะต้องคิดบ่อยๆ ถ้าคิดไว้บ่อยๆแล้วรับรองว่าไม่ตกต่ำ ชีวิตจะก้าว หน้าไปเรื่อยๆ ฐานะการเงินการทองการเป็นอยู่ก็จะเรียบร้อย ไม่บกพร่อง เพราะเราเป็นผู้ไม่ประมาท อันนี้เป็นเรื่องสำคัญ เรียกว่านึกถึงอดีตไว้
สำหรับตัวปัจจุบันนั้นก็ให้นึกแต่เพียงว่า เราอยู่ ณ บัดนี้ เรามีอะไรที่จะต้องทำและเราควรจะทำสิ่งนั้นอย่างไร ควรจะคิดอย่างไร ควรจะพูดอย่างไร ควรจะทำในเรื่องใด เรื่องที่เราจะทำนั้นมันถูกหรือผิด มันชั่ว หรือดี มันจะเป็นให้เกิดความเสื่อมความเจริญแก่ชีวิตจิตใจ สภาพครอบครัวอย่างไร เป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบอยู่เสมอ
ในขณะที่ทำอยู่ในเรื่องนั้นอย่าเผลออย่าประมาทในตัวปัจจุบัน แล้วตัวปัจจุบันนี่แหละสำคัญที่สุด เพราะปัจจุบันมันสร้างอดีต ปัจจุบันมันสร้างอนาคต อดีตของเรา จะสดใสรุ่งเรืองเป็นที่น่าชื่นใจ ก็เพราะตัวปัจจุบัน ถ้าเราทำปัจจุบันดี มันล่วงไปมันก็ เป็นอดีต อดีตมันก็ดี ชั่วโมงนี้เราทำดี มันก็เป็นอดีตของชั่วโมงหน้า ชั่วโมงหน้ามันก็สัมพันธ์กับปัจจุบัน เพราะฉะนั้นตัวปัจจุบันนี้จะต้องอยู่ด้วยตัวสติตัวปัญญา ให้ถือเอาพระพุทธเจ้าเป็นผู้นำไว้ เอาพระ ธรรมเป็นแผนที่ทางเดินของชีวิต อย่าเดินผิดทาง ให้เดินตามแผนที่ที่พระท่านบอกไว้ ให้เราเดิน เดินด้วยความระมัดระวัง เดินด้วยความกลัว กลัวว่ามันจะผิด กลัวว่ามัน จะเสียหาย กลัวมันจะเกิดทุกข์เกิดโทษแก่ เราแก่คนอื่น ให้นึกไว้อย่างนั้น ถ้านึกไว้ อย่างนี้ ตัวปัจจุบันของเราก็จะเรียบร้อย อนาคตที่จะมาถึงก็เรียบร้อยเหมือนกัน
ส่วนเรื่องอนาคตข้างหน้านั้น เราก็ต้องวางแผนไว้ เพราะชีวิตของเราไม่แน่ว่าจะไปดับลงเมื่อใด วันนี้เราอยู่ พรุ่งนี้ไม่แน่ว่าจะอยู่หรือไม่อยู่ ถ้าอยู่เราจะอยู่อย่างไร เราจะมีอะไรกินอะไรใช้ เราจะอยู่อย่างคนมีเกียรติมีชื่อเสียงไหม เราควรจะนึกอะไร ควรจะทำอะไรในทางที่จะเป็นคุณเป็นประโยชน์แก่อนาคต
ในชีวิตของเราท่านสอนให้นึกถึงเรื่องอนาคตไว้เสมอ เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจของเราเอง ว่าข้างหน้ามันยังมีอยู่ ไม่ใช่ว่าจะกินกันให้หมดในวันนี้ ส่วนพรุ่งนี้ช่างมัน เหมือนกับคนที่เข้าไปในป่าเจอต้นไม้เข้าต้นหนึ่ง แล้วมันก็มีลูกกินได้ แทนที่เขาจะเอาอะไรมาสอยไปกินสักผลสองผล เขาไม่ทำอย่างนั้น โค่นมันลงมาทั้งต้นเลย แล้ว ก็เก็บเอาผลไปกินคราวเดียว ต้นไม้นั้นก็ ตาย ก็เลยไม่ได้กินกันต่อไป นี่เขาเรียกว่าไม่นึกถึงอนาคต หรือคนที่มีนิสัยทำลาย เช่นทำลายป่า ทำลายต้นน้ำลำธาร หรือว่าทำอะไรต่างๆ เอาแต่ประโยชน์ส่วนตัวคนเดียวเฉพาะหน้า แต่ไม่ได้คิดว่าอนาคตข้างหน้ามันจะเป็นอย่างไร พวกเหล่านี้เป็นพวกไม่มีอนาคต อันนี้ทำให้เกิดความเสียหายแก่ตนแก่ท่าน ตลอดถึงส่วนรวมประเทศชาติด้วยเหมือนกัน
คนบางคนอาจะคิดแต่เพียงว่าทำอะไรเราก็ไม่ได้กินไม่ได้ใช้ สมมติว่าจะปลูกต้น ไม้ไว้สักต้นหนึ่ง บางคนไม่ปลูก เพราะว่าปลูกทำไม ไม่กี่วันก็ตายแล้ว เขาเรียกว่าไม่ ได้คิดถึงอนาคต ไม่ได้คิดถึงคนอื่นที่จะเกิดตามมา ทำอะไรไม่ใช่เพื่อเราคนเดียว เราจะต้องนึกถึงคนอื่น เช่นเราปลูกต้นไม้ไว้ต้นหนึ่งแม้เราจะไม่ได้ร่มเงาของต้นไม้นั้น แต่ว่าเมื่อมันโตขึ้นคนอื่นได้อาศัย ได้รับความสะดวกสบาย คนเราจะไปอยู่ในที่ ใดก็ตามก็ควรคิดไว้เสมอว่า ควรจะทำอะไรทิ้งไว้บ้าง ไม่ใช่อยู่เอาแต่ประโยชน์แล้วก็ไม่ทำอะไร 
คนเราต้องคิดในเรื่องอย่างนี้ไว้ แล้วก็ทำอะไรในสิ่งที่เป็นประโยชน์เท่าที่สามารถจะกระทำได้ คนที่ไม่คิดจะทำอะไรที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นนั้นเรียกว่าเป็นคนเห็นแก่ตัว ยังไม่ดี ยังไม่ประพฤติปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้า เราต้องหัดเสียสละทำอะไรๆ ที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นทุกโอกาสที่เราสามารถกระทำได้
นี่คือประโยชน์ของการที่เราคิดถึงเรื่องของอดีต ปัจจุบัน อนาคต เพื่อเอามาเป็นบทเรียนเครื่องเตือนจิตสะกิดใจให้เกิดความคิดนึกในทางที่ถูกที่ชอบตามสมควรแก่ฐานะ
(เรียบเรียงจากส่วนหนึ่งของปาฐกถาธรรมวันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๐)

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 96 พ.ย. 51 โดย พระพรหมมังคลาจารย์ (ปัญญานันทภิกขุ) วัดชลประทานรังสฤษฏ์ จ.นนทบุรี)
กำลังโหลดความคิดเห็น