เมื่อครบกำหนด ๓ เดือน ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อโปรดพุทธมารดาแล้วนั้น พระพุทธเจ้าก็เสด็จมาประทับยืนที่ฐานศีรษะบันไดท่ามกลางเหล่าเทพพรหมบริษัทซึ่งแวดล้อมเป็นบริวาร ได้ทรงทำ “โลกวิวรณปาฏิหาริย์” เปิดโลก โดยพระอาการทอดพระเนตรไปในทิศต่าง ๆ รวมทั้งเบื้องบนและเบื้องล่าง รวมเป็น ๑๐ ทิศ
ด้วยพุทธานุภาพ ทันใดนั้นทุกทิศทุกทางก็โล่งแลเห็นกันหมด เทวดาในสวรรค์จะมองเห็นมนุษย์ เห็นนรก มนุษย์ก็มองเห็นเทวดาเห็นสัตว์นรก และสัตว์นรกก็มองเห็นมนุษย์ตลอดเทวดาในสวรรค์ ไม่มีสิ่งใดปิดบัง เรียกว่า เป็นการสำแดงปาฏิหาริย์เปิดโลก พร้อมกับเปล่งฉัพพรรณรังษี เป็นมหาอัศจรรย์แล้วจึงเสด็จลีลาลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์สู่สังกัสสนคร ในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑
พระพุทธรูปปางเปิดโลกนี้ จึงสร้างเป็นพระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถประทับยืนอยู่เหนือดอกบัว พระหัตถ์ทั้งสองขนาบลงข้างพระวรกาย แบฝ่าพระหัตถ์ทั้งสองออก เป็นกิริยาทรงเปิดโลก ดังเช่น พระอัฏฐารส องค์หนึ่ง ซึ่งประดิษฐานภายในมณฑป วัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 93 ส.ค. 51 โดยกีรติกร)