ผ่านไปกี่ชั่วอายุคน ธรรมชาติก็ยังเป็นสิ่งที่ศิลปินหลงใหล และถ่ายทอดมันสู่ผืนผ้าใบมิรู้หน่าย
เป็นเวลา 10 ปี ที่ อิศเรศ วงศ์สิงห์ ยังคงมุ่งมั่นกับการเขียนภาพ ธรรมชาติ ในแนวเหมือนจริงบวกจินตนาการ
มองเข้าไปในภาพเขียนของเขา แม้ไม่ได้มีชีวิตท่ามกลางบรรยากาศเช่นในภาพเขียน ความรู้สึกสดชื่น สุขสงบ พลันเข้ามาโอบล้อมจิตใจเรา จนนึกอยากจะพาตัวพาใจไปสัมผัสธรรมชาติและทอดสายตามองมันให้นานมากกว่าที่เคยมอง
เพราะมีชีวิตอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติมาตั้งแต่เด็ก เมื่อคิดจะลงมือเขียนภาพธรรมชาติ ศิลปินชาวเหนือที่เวลา นี้ใช้ชีวิตอยู่กลางเมืองใหญ่ แทบไม่ต้องดั้นด้นไปให้ถึงธรรมชาติ
ที่ อ.พาน จ.เชียงราย บ้านเกิดของ เขา ภาพของทิวเขาสลับซ้อน เป็นสิ่งที่มีให้เห็นจนชินตา เพียงแค่จินตนา-การฝันถึง มือก็สามารถคว้าพู่กัน เขียนภาพธรรมชาติที่ชีวิตเคยผูกพันได้อย่างลื่นไหล
เขาจะลงพื้นที่สังเกตธรรมชาติเพิ่มเติมก็ต่อเมื่ออยากจะเขียนพันธุ์ไม้ หรือดอกไม้บางชนิดใส่ลงไปในภาพ ทว่าดอกไม้อย่างกล้วยไม้ ส่งกลิ่นหอมรัญจวนใจ เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เขามาเนิ่นนานแล้ว และเวลานี้เขายังปลูกเลี้ยงไว้เป็นดอกไม้ประดับสวนในรั้วบ้าน
“ผมชอบกล้วยไม้มาตั้งแต่เด็กแล้วครับ เพราะว่าพ่อของผมเป็นนาย พราน เวลาไปเที่ยวป่ากับพ่อ ก็จะมีโอกาสเห็นพันธุ์ไม้และดอกไม้ในป่าหลายชนิด นอกจากกล้วยไม้แล้วยังมีพวกเอื้องป่าต่างๆ” อิศเรศฉายภาพ เมื่อวัยเด็ก
ไม่ใช่แค่ความสวยงามของธรรมชาติที่อิศเรศพยายามถ่ายทอดผ่านภาพเขียนของเขา อารมณ์ของภาพที่บ่งบอกถึงความสงบ ความโล่ง โปร่ง สบาย ของบรรยากาศ ตลอดจนความ ยิ่งใหญ่ของภูเขาที่ตั้งตระหง่าน อารมณ์เหล่านี้ก็คือสิ่งที่เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคนชมจะสามารถสัมผัสและรับรู้ได้ลึกซึ้งที่สุด
“การเขียนภาพของผม สิ่งที่ผมพยายามมาตลอดก็คือ ผมอยากจะเขียนภาพให้ได้ความรู้สึกมากที่สุด เพื่อคนชมเขาจะได้อินไปกับเรา มันเหมือนกับเป็นภาษาหนึ่งที่ผมพยายาม
สื่อ นั่นก็คือภาษาภาพ เมื่อผมวาดดอกไม้ ผมก็อยากให้คนจินตนาการไปถึงความงามของดอกไม้จริงๆ บางคนเคยเห็นดอกไม้มาแล้วก็จริง แต่ก็แค่มองผ่าน พอมันถูกจำลองมาอยู่ ในภาพเขียน มันสามารถดึงดูดให้คน เข้ามาดูใกล้ๆ และเคลิ้มไปกับภาพๆนั้นได้เป็นเวลานานๆ”
ในอนาคตอิศเรศยังอยากจะสะท้อนความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ ผ่านมุมมอง หรือวิวทิวทัศน์ที่ใครอาจ ไม่เคยเห็นมาก่อน หรือไม่มีอยู่จริง
“เป็นภาพที่ผมจินตนาการขึ้น อยากให้คนชมตั้งคำถามว่า มันคือที่ไหนกัน และทำให้เขาเกิดความรู้สึก ว่าอยากจะไป”
อากาศหนาวต้นปีใหม่ หลายคนมุ่งสู่ดงดอย เที่ยวชมธรรมชาติ และจังหวัดเชียงราย คือหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว ในฐานะเจ้าถิ่น อิศเรศยอมรับว่าบ้านเกิดของ เขาโดยเฉพาะจุดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ธรรมชาติที่สวยงามต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงไม่ต่างจากแหล่งท่อง-เที่ยวในที่อื่น โดยเฉพาะป่าไม้นั้นถูกทำลายลงไป จนทำให้เกิดน้ำท่วมขึ้นบ่อยครั้ง
“คนทำลายธรรมชาติ และท้ายที่ สุดคนก็ได้รับผลกระทบจากสิ่งที่ตัวเองทำ ที่ผ่านมาเราไม่ปรับตัวเรา ให้อยู่ร่วมกับธรรมชาติ เราทำลายธรรมชาติ และบางครั้งก็ทำไปโดยไม่ ตั้งใจ ผมจึงอยากให้ทุกคนหันมาตระหนักตรงจุดนี้ เพื่อว่าเราจะได้อยู่ ร่วมกับธรรมชาติไปได้นานๆ มีสถาน ที่สวยๆให้เราได้ไปท่องเที่ยวและสูดรับเอาอากาศบริสุทธิ์”
แม้การเขียนภาพธรรมชาติของอิศเรศจะไม่ได้เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวของธรรมะโดยตรง แต่อย่างไรก็ตามเขาเห็นว่าเป็นการถ่ายทอดในทางอ้อมทางหนึ่ง เพราะจริงๆแล้วธรรมะก็คือ ความธรรมดา ความเป็น ปกติ ซึ่งก็คือธรรมชาตินั่นเอง
เช่นกันว่าเขาอยากจะให้การทำงาน ศิลปะของเขาในทุกวันดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ดังเช่นธรรมชาติประกาศนามต่อทุกชีวิต
“ผมอยากทำงานให้เหมือนพระอาทิตย์ขึ้นทุกวันไม่มีบ่น เหมือนแสงแดดให้แสง ที่ไม่มีวันหมดไป”
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 86 ม.ค. 51 โดยฮักก้า)