xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“สำเร็จได้ เพราะ “ผู้ใหญ่หลายคน” ช่วยทำครับ!!!”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.ต.อ. ประชา พรหมนอก

“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”


หลังจากที่ พรรคชาติพัฒนา พลิกขั้วเปลี่ยนจากฝ่ายค้านมาเป็นฝ่ายร่วมรัฐบาล บิ๊กจิ๋ว-พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ บรรดาสมาชิกพรรคชาติพัฒนา ทั้งคนสำคัญกับสมาชิกที่มีและไม่มีแนวโน้มจะได้เป็นรัฐมนตรีในครั้งนี้ ก็พากันมาชุมนุมที่บ้านราชครูของน้าชาติอย่างคับคั่ง เรียกว่า “หัวบันไดไม่แห้ง” เพื่อมาคุยด้วยหวังเรื่องตำแหน่ง รัฐมนตรี-เลขาฯ รัฐมนตรี-ที่ปรึกษา รมต. กับตำแหน่งต่างๆ ทางการเมือง

นักการเมืองบางคน ไปโผล่ที่บ้านพี่โต้ง เพื่อให้ช่วยขอตำแหน่งโน้นตำแหน่งนี้ แต่พี่โต้งบอกผมว่า ได้ปฏิเสธไปแทบทุกราย เพราะเป็นเรื่องของ ผู้บริหารพรรค ไม่เกี่ยวกับพี่โต้ง เพราะพี่โต้งไม่ได้มีตำแหน่งใดๆ ในพรรค พี่โต้งไม่เป็นแม้กระทั่งสมาชิกพรรค

เย็นวันหนึ่ง พี่โต้งเรียกผมไปกินข้าวที่บ้านเรือนไทย เรานั่งคุยกันหลายเรื่อง หนึ่งในหลายเรื่องคือ น้าชาติ ขอให้พวกเราช่วยกัน “หาทาง” ผลักดันให้ “ใครคนหนึ่ง” ขึ้นดำรงตำแหน่งสำคัญใน “วงการตำรวจ” แต่แทนที่พี่โต้งจะพูดเรื่องนี้ก่อน ดันตั้งคำถามที่ทำเอาผมงงเต็กว่า..

“ชัช.. พ่อให้เอ็งแอบหนีพี่ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคของพ่อแล้ว.. ใช่ไหม?”

“ผมไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย.. ขนาดพี่โต้งยังไม่สมัครเป็นสมาชิกพรรคพ่อ แล้วผมจะแอบไปเป็นสมาชิกพรรคของพ่อพี่ได้ยังไงล่ะ?..”

ผมตอบพี่โต้งด้วยอาการหงุดหงิด ส่วนพี่โต้งกลับหัวเราะขำผม ยกแก้วไวน์แดงขึ้นดื่ม แล้วถามผมต่อว่า

“เอ้อ.. แล้วมีนักการเมืองพรรคของพ่อ ไปขอให้เอ็งคุยกับพ่อ ขอตำแหน่งรัฐมนตรีบ้างไหม?”

“มีครับพี่โต้ง.. สส.บางคนที่สนิทกับผม ขอให้ผมช่วยพูดกับพี่เพื่อขอบางตำแหน่งกับพ่อครับ”

“คนบริหารพรรคพ่อมันไม่ได้สนใจเอ็งกับพี่หรอก.. ชัชกับพี่จะไปขอตำแหน่งให้ใครได้ล่ะ.. จริงไหม?”

“อ้อ.. พี่มีเรื่องที่พ่อบอกเฉพาะพี่กับชัช.. พ่อสั่งพี่ให้บอกชัชว่า ไม่ต้องรู้ว่าใครสั่ง.. แต่เราต้องช่วยกันผลักดันให้รองอธิบดี ประชา พรหมนอก ขึ้นเป็น ผบ.ตร. ให้ได้.. ชัชไม่ต้องรู้ว่า เรื่องนี้โผล่มาจากใคร-จากไหน?เอาเป็นว่า พ่อบอกให้พี่กับชัชช่วยทำเรื่องนี้ให้สำเร็จก็แล้วกัน..”

“พี่โต้ง.. เรื่องนี้ทำยากมาก.. เราไม่มีตำแหน่งทางการเมือง.. สมาชิกพรรคนี้หรือพรรคไหนเราก็ไม่ได้เป็น”

ผมค้านพี่โต้งทันที เพราะรู้ตัวว่า “ไม่มีความสามารถพอ” จะทำเรื่องเกินตัว.. แต่พี่โต้งแย้งว่า..

“เฮ้ย!.. อย่าเพิ่งยอมแพ้สิชัช.. พ่อบอกชัชเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญ ที่ช่วยพรรคพลิกจากค้านมาเข้าร่วมรัฐบาลจิ๋ว นี่เป็นนโยบาย หรือเป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องของพรรคน้าชาติ.. ให้ชัชอ้างถึงพ่อได้เลย..”

หลังพี่โต้งพูดจบ คำพูดดังกล่าวได้จุดประกายในใจผมให้สว่างวาบด้วยความหวังขึ้นทันที..

“พ่อบอกพี่ว่า ชัชสนิทกับพี่เสนาะ ที่จะเป็น รมต.ว่าการมหาดไทย เรื่องนี้พ่อจะพูดทั้งกับบิ๊กจิ๋วและพี่เสนาะเองด้วย.. หลังชัชไปคุยเรื่องนี้กับพี่เสนาะกับบิ๊กจิ๋ว และคนในพรรคความหวังใหม่ที่ชัชสนิทด้วยนะ”

คำพูดของพี่โต้ง ทำให้ผมมองเห็นถึงทั้งวิธีการและ “ตัวบุคคลสำคัญ” กับหนทางสู่ความสำเร็จของ “งานยากชิ้นนี้” ขึ้นมาอย่างทันทีทันควัน..

อืม... ถ้าเป็นอย่างที่พี่โต้งพูด.. เรื่องยากนี้ก็มีโอกาสสำเร็จได้ค่อนข้างสูงเลยว่ะ!
“งั้น.. ผมจะนัดพี่โต้งพูดคุยกับพี่ประชาก่อน จากนั้นผมจะไปคุยกับพี่เสนาะและพี่จิ๋วเองนะพี่โต้ง”

ตลอดมื้อเย็นค่ำวันนั้น ผมกับพี่โต้งพูดคุยเรื่องอื่นๆ เอร็ดอร่อยกับอาหารง่ายๆ ที่ซื้อมาจากร้านแถวซอยอารีย์.. จนเราไม่ได้ให้ความสนใจใดๆ ว่า “ใครให้งานชิ้นนี้มาและงานนี้มาจากที่ไหน”!

ก่อนนอน.. ผมนึกถึงเพื่อนคนหนึ่งที่สนิท และเคยร่วมงานกันสมัยอยู่ในป่าแถบชายแดนลาวติดประเทศจีน ต่อเนื่องจนย้ายมาอยู่เขตจังหวัดน่าน เพื่อนคนนั้นเป็นน้องคนหนึ่งของ พล.ต.อ. ประชา พรหมนอก

ภายหลังเพื่อนคนนั้นแต่งงาน และใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมาจนทุกวันนี้ ผมต้องชมเชยว่า เขาและเธอเป็นคนดี มีน้ำใจงาม ทั้งคู่ใช้ชีวิตเป็นพลเมืองดีมีคุณภาพ หลังรัฐบาล พล.อ. เปรม ประกาศ “นโยบาย 66/2523” ให้โอกาส “ชาวคอมมิวนิสต์” กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ซึ่งผมเองก็ออกจากป่ากลับสู่เมืองตาม “นโยบาย 66/2523” เพื่อร่วมพัฒนาชาติไทยในวันนี้เช่นกัน

มิใช่เรื่องง่ายเลยที่ชาติจะสร้าง “พลเมืองที่ดีเพื่อพัฒนาชาติ” แต่ต้องยอมรับว่า “เจตนาของพรรคคอมมิวนิสต์ มีความจริงจังกับการสร้างคนดีเป็นหลัก”

“ผู้พัฒนาชาติไทยจากป่า” จึงมี ผู้พัฒนาชาติไทย ออกจากป่ากลับสู่เมือง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนดีมีคุณภาพ

ทุกวันนี้ พลเมืองไทยเหล่านี้ พบปะพูดคุยกันเสมอ เพื่อช่วยกันผลักดันสร้างสังคมไทยที่ดีมีคุณภาพ ยังคงมุ่งมั่นช่วยกันผลักดันสร้างชาติให้ดียิ่งขึ้น มีคุณภาพมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง..
การนัดพบปะระหว่างพี่โต้งกับ พล.ต.อ. ประชา ที่ร้านอาหารญี่ปุ่น ณ โรงแรมแห่งหนึ่ง เพื่อพูดคุยเรื่องผลักดันให้เป็น ผบ.ตร. ผ่านไปด้วยดี
แต่งานนี้.. คนสนิทของพี่จิ๋วในพรรคความหวังใหม่ ที่ผมสนิทด้วยหลายคน ขอไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย.. โดยบอกว่า..
“เรื่องนี้ชัชต้องคุยโดยตรงกับพี่เสนาะและนายกฯ บิ๊กจิ๋วเท่านั้น ซึ่งชัชก็สนิทกับพี่ทั้งสองอยู่แล้วนี่”

ผมจึงต้องเดินหน้าพูดคุยกับพี่เสนาะและพี่จิ๋ว ในเรื่องพี่ประชา ด้วยตัวเองทันที..

เรื่องนี้ดูเหมือนน้าชาติและ “ผู้ใหญ่” ที่ผมรู้จักอีกหลายคน ช่วยทำงานกันไปล่วงหน้าแล้ว.. เพราะทั้งพี่เสนาะกับนายกฯ บิ๊กจิ๋ว เห็นตรงกันอย่างน่าฉงน.. พี่เสนาะบอกกับผมตรงๆ ว่า

“ชัช.. พี่รับปากว่า วันไหนที่พี่เป็น รมต. มหาดไทยเรียบร้อย.. พี่จะตั้งประชาแทนพจน์ทันทีเลย”

และหลังจากพี่เสนาะได้ถวายสัตย์ปฏิญาณในฐานะ รมต.ว่าการกระทรวงมหาดไทย พี่เสนาะก็ดำเนินการตามที่ลั่นวาจาไว้ทันที

ส่วน นายกฯ บิ๊กจิ๋ว บอกผมส่งตรงถึงน้าชาติว่า..

“ชัช.. บอกน้าชาติได้เลย.. เมื่อรัฐบาลพี่เข้าเฝ้าถวายสัตย์เรียบร้อย.. เสนาะจะตั้งประชา ตามที่พี่ชาติและหลายคนต้องการทันทีเลย”

เรื่อง “ตั้งตำรวจใหญ่ครั้งนี้” ผมไม่เคยแพร่งพรายให้ใครรู้เลย โดยเฉพาะ พี่สล้าง บุนนาค ผมปิดปากสนิท และพี่โต้งกับน้าชาติก็ปิดปากเงียบเช่นกัน! อ้อ.. ที่สำคัญ กับ พล.ต.อ. พจน์ บุญยจินดา อธิบดีกรมตำรวจ ในเวลานั้น ผมก็ไม่เคยบอกเหมือนกัน

เพราะก่อนหน้านี้ พี่สล้างได้พูดกับผมหลายครั้งว่า

“ชัช.. อย่ายุ่งเรื่องตั้งตำรวจนะ.. ไม่งั้นชัชจะขัดแย้งกับพี่ เพราะพี่หนุนพี่พจน์.. บอกตรงๆ เรื่องนี้พี่ไม่ยอมใครนะจะบอกให้ชัชรู้ไว้..”

แต่เรื่องนี้ใครสั่งมาผมไม่รู้.. รู้แต่น้าชาติสั่ง ผมจึงต้องขัดกับพี่สล้าง.. และผมจำเป็นต้องทำให้สำเร็จ!

พล.ต.อ. ประชา พรหมนอก ได้เป็น ผบ.ตร. สำนักงานตำรวจแห่งชาติคนแรกของประเทศไทย องค์กรที่ปรับเปลี่ยนจาก “สำนักงานตำรวจ” ภายใต้กระทรวงมหาดไทย มาขึ้นตรงกับ “สำนักนายกรัฐมนตรี” ในปี พ.ศ. 2541

งานนี้ความสำเร็จมิใช่ผลงานของผม ที่ผมรู้ น้าชาติ-พี่โต้งกับผู้ใหญ่อีกหลายคน เป็นคนทำครับ!!!

ส่วน “ผู้ใหญ่หลายคน” เป็น “ใคร-ทำอะไร-อยู่ที่ไหน?” เป็นความลับ!.. ผมบอกไม่ได้ครับ..

โอ๊ย!.. โลกนี้.. ชาติเรานี้.. มีความลับมากมายมหาศาลครับ!


กำลังโหลดความคิดเห็น