คอลัมน์ศิลปะแห่งศรัทธา
โดย Artmulet
พระอิศวรเจ้าจอมเทพผู้ยิ่งใหญ่หนึ่งในสามมหาเทพสูงสุดในศาสนาฮินดู ผู้เป็นพระสวามีของพระแม่อุมาเทวีและเป็นพระบิดาของพระขันธกุมารและพระพิฆเนศนั้น แต่เดิมพระอิศวรไม่ได้ปรากฏในคัมภีร์พระเวทเก่า หากแต่เริ่มมีการกล่าวถึงในคัมภีร์อุปนิษัทที่เป็นคัมภีร์พระเวทใหม่ ต่อมาเรื่องราวของพระองค์ได้มีการขยายความเพิ่มเติมในคัมภีร์ต่าง ๆ เช่น รามายณะ มหาภารตะ โดยเฉพาะคัมภีร์ศิวปุราณะ ความเชื่อตามตำนานเทวะสยามมีเรื่องเล่าถึงการกำเนิดขึ้นของพระองค์ว่า เมื่อไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลกจนพินาศสิ้นแล้ว พระเวทและพระธรรมได้มาชุมนุมกันจากนั้นจึงได้กลายมาเป็นพระสยมภูวญาณคือองค์พระอิศวร ซึ่งหมายถึงการเกิดขึ้นเองพร้อมการได้รับมอบทั้งอิทธิฤทธิ์ และอำนาจบารมีในการสร้างโลก
เทวลักษณ์องค์พระอิศวรเป็นชายหนุ่มรูปงามกายเป็นสีขาวแดง มีหนึ่งเศียร สามตาตาข้างขวาเป็นดวงอาทิตย์ตาข้างซ้ายเป็นดวงจันทร์ ตาที่หน้าผากเป็นไฟที่เผาผลาญได้ทุกสิ่งเมื่อดวงตานี้เปิดขึ้นจะเกิดเป็นไฟบรรลัยกัลป์ มีพระจันทร์ครึ่งซีกเป็นปิ่น พระเมาลีสีเจือแดงหยาบกระด้างมุ่นเป็นชฎาคล้ายฤษีที่สามารถให้พระแม่คงคาไหลผ่านได้ พระศอสีนิลสวมสังวาลงูนาคะกุณฑละและประคำกะโหลกผี นุ่งห่มหนังเสืออาสนะที่ประทับเป็นหนังเสือ อาวุธของพระองค์มีอยู่หลากหลายชนิดเช่น ตรีศูลปินะกะที่มีบัณเฑาะว์คาดไว้ ธนูอัชคพ บ่วงบาศปาศะ สังข์ โล่ เปลวไฟเขตะกะ พระขรรค์ คันศรนาคเจ็ดเศียร กระบอกใส่ลูกศรนับพัน ขวานสงคราม ตามแต่ว่าอวตารอยู่ในปางใด เช่น ปางนาฎราชทรงบัณเฑาะว์กับเปลวไฟ ปางศรีกัณฐะมีสี่กรทรงพระขรรค์ ธนู ลูกศรพาณะและเขตากะ วรรณกรรมรามเกียรติ์กล่าวถึงอาวุธของพระอิศวรว่าพระองค์ทรงประทานอาวุธสามอย่างให้พระพายนำไปพัดใส่เข้าปากนางสวาหะ เพื่อที่จะให้กำเนิดเป็นหนุมานโดยตรีเพชรสุรกานต์เป็นลำตัวมือเท้า คฑาชัฎวางค์เป็นสันหลังถึงหาง และจักรแก้วเป็นเศียรหนุมาน พระอิศวรนั้นทรงโคอศุภราชเผือกตัวผู้ชื่อพระโคนนทิซึ่งเป็นเทพแห่งสัตว์จตุบาทที่ได้จากการกวนเกษียรสมุทรเป็นพาหนะ มีเทวสถานวิมานที่ประทับอยู่บนเขาไกรลาศในป่าหิมพานต์
พระนามจากปางต่าง ๆ ของพระอิศวรเจ้ามีอยู่หลายพระนามเช่น มหากาล ที่มีความหมายถึงผู้เป็นกาลเวลาอันยิ่งใหญ่ ตามความเชื่อของชาวฮินดูถือว่าการทำลายล้างนั้นย่อมหมายถึงการสร้างขึ้นใหม่ ฉนั้นพระอิศวรจึงถือได้ว่าเป็นผู้เปลี่ยนแปลงเพื่อให้เกิดสิ่งใหม่ในนามของผู้ทำลายล้าง พระรุทระ ที่มีความหมายว่าร้องไห้ บางคัมภีร์รุทระหมายถึงพระอัคนีผู้เป็นเจ้าแห่งบทเพลง ยุคไตรเพทพระรุทระเป็นเทพองค์สำคัญที่ดุร้ายทรงสายฟ้าและธนูศรที่ทำลายล้างสิ่งต่าง ๆ ภูเตศวร เจ้าแห่งภูตผีผู้มีปีศาจร้ายเป็นบริวาร สิงสู่อยู่ตามป่าช้าและที่ปลงศพ มหาเทวะ หรือ มเหศวร เป็นผู้สร้างผู้ก่อกำเนิดชีวิตใหม่และสิ่งดีงาม โดยมีศิวลึงค์ที่ตั้งอยู่บนฐานอุมาโยนีเป็นสัญลักษณ์แทนองค์พระอิศวรเจ้าและพระแม่อุมาเทวี ซึ่งเกิดจากการสาปของมหาฤาษีภริคุเมื่อครั้งไปขอเฝ้าพระอิศวร แต่บริวารของพระองค์ไม่ยินยอมโดยอ้างว่าพระอิศวรกับพระแม่อุมาบรรทมอยู่ แต่มหาฤษีภริคุที่หมดความอดทนกับการรอคอยจึงได้สาปไว้ก่อนจะจากไปว่า เมื่อมัวแต่เสพสุขกันอยู่เช่นนี้ต่อไปขอให้ผู้คนได้ยึดถือให้ศิวลึงค์และโยนีนั้นเป็นสิ่งที่ใช้บูชาแทนทั้งสองพระองค์
การรังสรรค์งานประติมากรรมแห่งศรัทธาองค์ พระอิศวรมหากาลไกรลาศบรรพต เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวขององค์มหาเทพที่อยู่เหนือกาลเวลา และสรรพสิ่งทั้งหลายในจักรวาล เทวลักษณ์แบบศิลปะไทยร่วมสมัยพระพักตร์องค์พระอิศวรอิ่มเอิบเปรียบดั่งความสุขที่เกิดจากภายในสู่ภายนอก พระเมาลีทรงปิ่นพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวพระศอคล้องสังวาลย์นาคซึ่งเป็นสัญญะของกาลเวลาที่หมุนเวียนไม่สิ้นสุด พระนลาฎมีพระเนตรที่สามดุจพลังอำนาจทำลายล้างความชั่วร้ายทั้งปวงเพื่อเปลี่ยนแปลงสู่โลกยุคใหม่ พระหัตถ์ขวาทรงประทานพรพระหัตถ์ซ้ายทรงดอกบัวบานสัญลักษณ์แห่งการตื่นรู้และหลุดพ้นจากห้วงทุกข์ พระหัตถ์ขวาบนทรงตรีศูลที่คาดบัณเฑาะว์สัญลักษณ์แห่งการอยู่เหนือจากทวิลักษณ์ทั้งชายและหญิง มืดและสว่าง พระหัตถ์ซ้ายบนทรงสังข์เป็นสัญญะแห่งการมีชื่อเสียงคุณธรรมความดีที่ปรากฎไปทั้งสามโลก องค์พระอิศวรประทับบนหนังเสือที่มีหัวเสือโคร่ง สถิตอยู่บนยอดเขาไกรลาศซึ่งเปรียบได้ถึงอำนาจที่อยู่เหนืออำนาจทั้งปวง หรือก็คือความสูงส่งอันสูงสุดในจักรวาลนี้นั่นเอง บนเขามีโคนนทิพร้อมด้วยพระยาราชสีห์บันลือสีหนาทและกินรีร่ายรำ เชิงเขารายล้อมด้วยสายธารแห่งป่าหิมพานต์ที่เป็นต้นธารแห่งความอุดมสมบูรณ์ต่อมวลมนุษย์และสรรพสิ่งทั้งหลาย ดังนั้นอิศวรมหากาลไกรลาศบรรพตนี้จึงเปรียบได้ถึงพลังอำนาจอันสูงสุดในจักรวาลนี้ที่อยู่เหนือกาลเวลาอย่างแท้จริง
สำหรับท่านที่สนใจปฎิมากรรมอิศวรมหากาลไกรลาศบรรพต สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Inbox: Artmulet
OfficialLine ID: @artmulet
เว็บไซต์:www.artmulet.com
และที่วัดขุนอินทประมูล จ.อ่างทอง T.0925577511


