GEELY EX2 ถือเป็นรถยนต์รุ่นที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดรุ่นหนึ่งเลยก็ว่าได้ หลังเปิดตัวในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยสามารถทำยอดจองทะลุ 1,000 คันภายใน 72 ชั่วโมง กระทั่งสามารถกล่าวได้อย่างเต็มปากเต็มคำได้ว่า สั่นสะเทือน “ตลาดซิตี้คาร์ไฟฟ้า” ในประเทศไทยกันเลยทีเดียว
แน่นอน ความโดดเด่นที่สุดก็คือ “ราคา” ที่ทาง “บริษัท ธนบุรีนอยสเติร์น จำกัด” ผู้นำเข้าและผู้จัดจำหน่าย GEELY อย่างเป็นทางการในประเทศไทย วางเอาไว้อย่าง ๐เร้าใจ” สำหรับการเปิดตัว นั่นคือ รุ่น PRO ที่เปิดขายอยู่ที่ 399,990 บาท จากปกติ 429,990 บาทและรุ่น MAX ราคา 429,990 บาท จากปกติ 459,990 บาท เพราะต่ำกว่าคู่แข่งในสเปกเดียวกันจนสร้างแรงจูงใจให้กับผู้ซื้อเป็นอย่างมาก
ทว่า ไม่เพียงแค่นั้น เพราะเมื่อสำรวจตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ ของรถ ก็ต้องบอกว่า “จัดเต็ม” เมื่อเทียบกับคู่แข่งโดยทั้ง 2 รุ่น ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ซิงโครนัสชนิดแม่เหล็กถาวร (PMSM) แบบ 11-in-1 Intelligent Electric Drive ขับเคลื่อนล้อหลัง ให้กำลังสูงสุด 85 กิโลวัตต์ หรือ 114 แรงม้า มีแรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ทำงานควบคู่กับแบตเตอรี่ LFP ขนาด 39.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง หนึ่งชาร์จขับได้ระยะทางสูงสุด 395 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC หรือ 325 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP รองรับการชาร์จ AC Type 2 สูงสุด 6.6 กิโลวัตต์ และรองรับการชาร์จ DC CCS2 สูงสุด 70 กิโลวัตต์ โดยใช้เวลาในการชาร์จ DC จาก 30-80 % ได้ในเวลา 25 นาที
นอกจากนี้ ยังสามารถทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 11.5 วินาที และ Top Speed ถูกล็อกไว้ที่ 130 กิโลเมตร/ ชั่วโมง ช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็คฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบมัลติลิงค์ ระบบเบรกด้านหน้าเป็นดิสก์เบรกแบบที่มีช่องระบายความร้อน ส่วนด้านหลังเป็นดิสก์เบรกธรรมดา มีระบบการเบรกเพื่อจ่ายพลังงานกลับคืนปรับได้ 3 ระดับ ที่สำคัญยังมีระบบถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังอุปกรณ์ต่างๆ (V2L) ที่ให้กำลังสูงสุด 3.3 กิโลวัตต์ มาให้อีกด้วย
ที่ต้องขีดเส้นใต้ก็คือ โดยปกติแล้ว รถในกลุ่มราคานี้ช่วงล่างด้านหลังจะเป็นแบบทอร์ชั่นบีม แต่สำหรับ Geely EX2 Pro แม้จะเป็นรุ่นเริ่มต้นแต่ได้เป็นแบบมัลติลิงก์ ถือว่าให้สเปกช่วงล่างมาเหนือความคาดหมาย ซึ่งแน่นอนว่าได้ความนุ่มนวลเวลาที่ขับผ่านทางขรุขระ หรือรอยต่อถนน
ส่วนห้องโดยสารก็ออกแบบได้พรีเมียมเกินค่าตัว กล่าวคือ ใช้วัสดุ Soft Touch ในจุดสัมผัส คอนโซลหน้าติดตั้ง หน้าจอคู่ (Dual Screen) เชื่อมต่อกันระหว่างมาตรวัดและจอกลาง ให้ความรู้สึกไฮเทค เกียร์แบบก้านหลังพวงมาลัย (Column Shifter) ทำให้คอนโซลกลางโล่งกว้าง มีที่วางแก้วและช่องเก็บของจุใจ ไม่นับรวมถึงรัศมีวงเลี้ยวแคบเพียง 4.95 เมตร คล่องตัวที่สุดในคลาส และช่องเก็บของหน้า (Frunk) ขนาดใหญ่ 70 ลิตร เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ไม่ใช่แค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ GEELY EX2 ยังถือรถรุ่นที่ขายดีที่สุดในจีน ด้วยยอดขายกว่า 400,000 คันทั่วโลกในเวลาเพียง 12 เดือนอีกด้วย
“การที่ GEELY EX2 ทะลุยอดจองกว่าพันคันในเวลาอันรวดเร็ว คือสัญญาณชัดเจนว่าลูกค้าชาวไทยให้ความไว้วางใจในคุณภาพผลิตภัณฑ์ บริการ และความคุ้มค่าที่เรามอบให้ เราจะเดินหน้าพัฒนามาตรฐานใหม่ของตลาดรถพลังงานไฟฟ้า และส่งมอบประสบการณ์การเป็นเจ้าของที่ดีที่สุดในทุกมิติ” ณรงค์ สีตลายน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนบุรีนอยสเติร์น จำกัด กล่าวด้วยความยินดีกับความสำเร็จของ GEELY EX2 พร้อมเปิดเผยด้วยว่า เพื่อรองรับดีมานด์ที่พุ่งขึ้น ธนบุรีนอยสเติร์นกำลังเร่งความพร้อมในการส่งมอบรถลอตแรกปลายเดือนธันวาคมตามกำหนด พร้อมเดินหน้าแผนขยายโชว์รูมและศูนย์บริการให้ครบ 40 แห่งในปี 2568 และเพิ่มเป็น 65 แห่งภายในปี 2569 ควบคู่บริการฉุกเฉิน 24 ชม. และการรับประกันยาวสุดในเซกเมนต์ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ผู้ใช้รถ EV รุ่นใหม่
สำหรับรุ่น PRO มีสีภายในเฉพาะสีเทา Horizon Gray และมีสีภายนอกให้เลือก 4 เฉดสี ได้แก่ สีเบจ (Nebula Beige) สีเทา (Comet Gray) สีเงิน (Star Silver) และสีขาว (Moon White) ส่วนรุ่น MAX ภายในจะเป็นสีขาว (Skyline White) โดยมีสีภายนอกให้เลือก 2 เฉดสี ได้แก่ สีเขียว/หลังคาดำ (Aurora Green with Black Roof) และ สีเบจ/หลังคาดำ (Nebula Beige with Black Roof) และสำหรับสีภายในสีเทา Horizon Gray จะมีสีภายนอกให้เลือก 4 เฉดสี ได้แก่ สีเบจ/หลังคาดำ (Nebula Beige with Black Roof) สีเทา/หลังคาดำ (Comet Gray with Black Roof) สีเงิน/หลังคาดำ (Star Silver with Black Roof) สีขาว/หลังคาดำ (Moon White with Black Roof)
ด้วยราคาเริ่มต้น “4 แสนทอน 10 บาท” ทำให้ Geely EX2 กลายเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับใครที่มองหารถไฟฟ้าคันแรก หรือรถคันที่สองของบ้านไว้จ่ายตลาดหรือรับส่งลูก เพราะได้ทั้งความประหยัดและความคล่องตัวเหมาะกับการใช้งานในเมืองได้เป็นอย่างดี


