xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

คำคิดจีน: สุนัขรับใช้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คอลัมน์....ในความเป็นไป
วรศักดิ์ มหัทธโนบล

คำว่า   สุนัขรับใช้  เป็นคำที่รู้จักและใช้กันพอสมควรในสังคมไทย แต่กล่าวเฉพาะการใช้แล้วอาจไม่ได้ใช้กันกว้างขวาง แต่จะใช้เมื่อปรากฏมีบุคคลประพฤติตัวที่ทำให้ชาวบ้านชาวช่องเห็นว่าเป็น  สุนัขรับใช้  เท่านั้น ซึ่งก็มิใช่เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ก็มีให้เห็นเป็นระยะๆ ในแต่ละแวดวง

แต่เนื่องจากคำดังกล่าวมีความหมายในเชิงประณามบุคคล ซึ่งถือเป็นคำประณามที่ฟังดูแล้วค่อนข้าง   “แรง”  การใช้ในบางครั้งจึงไม่ได้เป็นไปโดยเปิดเผย คือใช้กันแบบกระซิบกระซาบหรือใช้โดยรู้กันในวงจำกัด ยกเว้นเสียแต่ว่าเป็นกรณีที่สังคมเห็นว่าชัดเจนจนแทบจะเป็นฉันทามติ การใช้อย่างเปิดเผยกว้างขวางจึงเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม คำว่า สุนัขรับใช้ นี้มิได้ใช้กันในสังคมไทยมาแต่แรกเริ่ม หากแต่ใช้กันในสังคมจีนและใช้กันมานานแล้ว คำคำนี้จึงมีที่มาจากคำจีน

คำว่า สุนัขรับใช้  มาจากคำจีนในคำว่า  โก่วถุยจื่อ (狗腿子, gou-tui-zi)  กับคำว่า  โจ๋วโก่ว (走狗, zou-gou)  สุดแต่ใครจะเลือกใช้คำไหน โดยพยางค์ที่สองของคำแรกคือ ถุย และพยางค์แรกของคำที่สองคือ โจ๋ว นั้น มีเสียงจริงว่า ถุ่ย และ โจ่ว ตามลำดับ เสียง ถุย และ โจ๋ว นี้เป็นเสียงที่ได้ผันวรรณยุกต์ตามหลักการอ่านภาษาจีนแล้ว
คำว่า โก่ว แปลว่า สุนัขหรือหมา คำว่า ถุ่ย (ถุย) แปลว่า ขา ส่วนคำว่า จื่อ เป็นคำที่มีความหมายกว้าง โดยหากกล่าวเฉพาะคำแล้วจะแปลว่า ลูกชายหรือเด็ก แต่ถ้าไปกำกับอยู่ท้ายคำอื่นมักจะเป็นคำนาม เช่น คำว่า ชีจื่อ (妻子, qizi) แปลว่า ภรรยา เป็นต้น และในหลายกรณียังใช้ในเชิงยกย่องว่าบุคคลที่เป็นปราชญ์ ดังที่ใช้กับบุคคลเช่น ขงจื่อ (孔子) เป็นต้น
ดังนั้น คำว่า โก่วถุยจื่อ ที่แปลตรงตัวว่า ขาสุนัข จึงหมายถึง บุคคลที่ทำตนราวกับเป็นขาสุนัขหรือขาหมาที่คอย “รองรับ” ตัวสุนัขหรือหมา ซึ่งก็คือ บุคคลที่ทำตัวเป็นข้ารับใช้ของผู้ซึ่งเจ้านายของตน

ส่วนคำที่สองคือคำว่า โจ๋วโก่ว นั้น พยางค์แรกคือคำว่า โจ่ว (โจ๋ว) แปลว่า เดิน ไป จากไป (เสียชีวิต) เดินทาง หลบ เมื่อเป็นคำว่า โจ๋วโก่ว จะแปลตรงๆ ว่า สุนัขเดิน ก็คงเข้าใจอะไรไม่ได้ ความหมายที่ถูกจะคล้ายกับคำในความหมายแรก คือหมายถึง การว่าตาม (เดิน) ผู้เป็นนาย นายว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้นด้วยความจงรักภักดีหรือซื่อสัตย์

คำว่า สุนัขรับใช้ จึงหมายถึง คนที่รับใช้นายของตนด้วยความซื่อสัตย์ ไม่ว่าสิ่งที่นายทำจะผิดหรือถูกก็จะรับใช้ด้วยความจงรักภักดี บางคนรับใช้ได้แม้ตัวจะตายก็ยอม และโดยไม่สนใจคำทัดทาน คำครหา คำประณาม หรือคำด่าใดๆ ทั้งสิ้น
การที่มีบุคคลยอมทำตนเช่นนั้นในด้านหนึ่งย่อมสะท้อนว่า ผู้เป็นเจ้านายต้องมีบุญคุณกับบุคคลนั้นจนถึงขนาด หาไม่แล้วคงยากที่จะรับใช้ได้เช่นนั้น แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตด้วยว่า การรับใช้เจ้านายที่เป็นคนซื่อสัตย์สุจริต หรือเจ้านายที่ใช้ความรู้ความสามารถของตนไปในทางที่ดีแล้ว เราจะไม่เรียกคนที่รับใช้เจ้านายประเภทนี้ว่า  สุนัขรับใช้ 

เพราะฉะนั้นแล้วคำว่า  สุนัขรับใช้ จึงมักใช้กับคนที่คอยรับใช้เจ้านายที่เลวๆ โง่ๆ เท่านั้น

หากว่าตามความหมายและการใช้จากที่กล่าวมาแล้ว ภาพที่ปรากฏชัดของคำว่า  สุนัขรับใช้ จึงมักพบเห็นได้ง่ายในทางการเมือง เช่น เราจะเห็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ หรือมีประสบการณ์สูง แต่กลับมารับใช้นักการเมืองที่ชั่วร้ายและฉ้อราษฎร์บังหลวง หรือที่ไม่มีความรู้ความสามารถใดๆ เป็นต้น

ในประการหลังนี้เห็นแล้วก็ให้อนาถใจ ที่ว่าบุคคลเหล่านี้ยอมที่จะเอามือกุมเป้าแล้วพยักเพยิดตามเจ้านายของตนทุกเมื่อ ถึงแม้จะรู้ทั้งรู้ว่าเจ้านายของตนไร้สติปัญญา เวลาจะพูดจะจาอะไรก็พูดจาแบบผิดๆ หรือไม่รู้เหนือรู้ใต้ จนบางครั้งถึงกับต้องอ่านสิ่งที่ตนจะพูดผ่านเครื่องมือสื่อสารบางอย่าง แต่ก็ยังพูดจาแบบผิดๆ หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่ตนกำลังพูด (อ่าน) แม้แต่น้อย

หนักข้อเข้าถึงกับพูดไม่ออกในบางครั้ง บุคคลเหล่านี้ต้องคอยกระซิบกระซาบอยู่ข้างหูเจ้านายประเภทนี้ โดยหมายจะให้เจ้านายพูดให้ถูกก็มีให้เห็นต่อหน้าธารกำนัลหรือสื่อมวลชนมาแล้ว จนบางครั้งที่ทำถึงขนาดนั้น เจ้านายของตนก็ยังพูดผิดๆ ถูกๆ หรือพูดแบบไม่เข้าใจในสิ่งที่พูดอยู่ดี

ที่เลวร้ายมากก็คือ คนที่เป็นเจ้านายก็ยังหลงตนว่าเป็นผู้นำที่มีความรู้ความสามารถ หารู้ไม่ว่าตัวเองได้แสดงความโง่เง่าเต่าตุ่นให้ผู้คนได้เห็น และที่เป็นเช่นนั้นก็ด้วยมี  สุนัขรับใช้  คอยป้อยออยู่ข้างกายนั้นเอง

บางคนถึงกับปกป้องการกระทำที่ผิดๆ การทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย หรือการใช้อภิสิทธิ์ของเจ้านายอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู จนบางคนถึงขนาดที่ว่ามีข้อพิสูจน์แล้วว่า สิ่งที่เจ้านายของตนกระทำนั้นผิด แต่คนๆ นั้นก็ยังคงทำทุกวิถีทางที่จะปกป้องเจ้านายของตนให้ได้ ทำแม้ตัวเองจะถูกชาวบ้านก่นด่าอย่างหยาบๆ คายๆ ในที่สาธารณชนก็ยอม เพียงเพื่อจะพิสูจน์ให้เจ้านายของตนได้เห็นว่า ตนได้รับใช้อย่างถึงที่สุดแล้ว

บุคคลที่รับใช้เจ้านายได้ถึงขนาดนี้จึงนับว่าเป็น  สุนัขรับใช้  จริงๆ และการที่รับใช้ได้ถึงขนาดนี้ก็แสดงว่า เจ้านายของตนต้องบำเหน็จหรือให้ความชอบคนผู้นี้อย่างถึงขนาดเช่นกัน หาไม่แล้วคงไม่รับใช้จนยอมสูญเสียความเป็นคนเช่นนี้

เรียกได้ว่า ยอม  “เสียหมา”  แต่ว่าคุ้ม

กล่าวสำหรับสังคมจีนแล้ว แม้คำว่า สุนัขรับใช้ จะเป็นคำที่ใช้กันมากก็จริง แต่ก็ยังมีคำที่เกี่ยวเนื่องด้วยสุนัขในคำอื่นอยู่อีกจำนวนหนึ่ง เช่น คำว่า สุนัขจนตรอก (โก่วจี๋เที่ยวเฉียง, 狗急跳墙, gou-ji-tioa-qiang) เสนาธิการหัวสุนัข (โก่วโถ่วจวินซือ, 狗头军师, gou-tou-jun-shi, คำว่า จวินซือ ก็คือคำว่า กุนซือ ในเสียงจีนแต้จิ๋ว) สุนัขกัดสุนัข (โก่วเหยาโก่ว, 狗咬狗, gou-yao-gou) หมายถึง คนชั่วต่อสู้กันเอง สุนัขใช้อิทธิพลข่มเหงชาวบ้าน (โก่วจ้างเหญินซื่อ, 狗仗人势, gou-zhang-ren-shi) หมายถึง คนที่ใช้อำนาจบารมีของเจ้านายมาข่มเหงชาวบ้าน เป็นต้น

อันที่จริงแล้วยังมีคำจีนอีกจำนวนหนึ่งที่ชี้ให้รู้ว่า สุนัขถูกนำมาเปรียบเปรยกับพฤติกรรมของมนุษย์ และโดยส่วนใหญ่แล้วมักมีความหมายในทางลบ กรณีนี้ชี้ว่า สังคมจีนมีทัศนคติต่อสุนัขคล้ายกับสังคมไทย คือนำมาสุนัขมาใช้เปรียบกับพฤติกรรมที่ไม่ดีของมนุษย์ จนดูเหมือนว่ารังเกียจสุนัข แต่จริงๆ แล้วจีนก็เป็นสังคมที่มีผู้คนนิยมเลี้ยงสุนัขเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม คำจีนที่ใช้เรียกสุนัขยังมีอีกคำหนึ่งคือคำว่า  เฉี่ว์ยน (犬, quan)  ผู้รู้กล่าวว่าเป็นคำที่ใช้เรียกสุนัขอย่างสุภาพ แต่ถ้าใช้ในทางที่ฟังดูหยาบคายแล้วจะใช้คำว่า   หมา  จากเหตุนี้ คำว่า  สุนัขรับใช้  จึงเป็นคำที่ประณามบุคคลที่ฟังดูสุภาพ แต่ถ้าเป็นคำว่า  หมารับใช้   แล้วก็จะให้ความรู้สึกที่รุนแรงกว่า

ใครที่ถูกด่าว่า  หมารับใช้  แสดงว่าคนที่ด่าคงหมดความอดทนกับคนๆ นั้นแล้ว

 แต่สำหรับนักการเมืองที่ถูกด่าแล้ว ทั้งคำว่า สุนัขรับใช้ หรือ หมารับใช้ ย่อมมีน้ำหนักที่ไม่ต่างกันมากนัก แต่จะถึงขั้นทำให้นักการเมืองที่ถูกด่าสำนึกหรือไม่นั้นไม่มีหลักประกัน เพราะที่เห็นและเป็นอยู่ก็ยังคงพบว่า นักการเมืองเหล่านี้ยังคงทำตัวเป็น สุนัขรับใช้ จนทุกวันนี้ 


กำลังโหลดความคิดเห็น