“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ชาติสุทธิชัย”
การเป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลมิใช่เรื่องง่าย จะ “ยกให้ใคร” แบบส่งเดชตามอำเภอใจไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น “เครือญาติ-น้องสาว-ลูกสาว” ดัง ทักษิณ ชินวัตร ยกตำแหน่ง “นายกฯ หญิง” ให้ ยิ่งลักษณ์ และ แพทองธาร ทั้งๆ ที่ “สองหญิงชินวัตร” ไร้ความสามารถ ไร้ประสบการณ์ ไร้คุณภาพ ไร้คุณธรรม ที่สำคัญไม่ประเมิน “ความสามารถตัวเอง” กับตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” ที่ “พี่-พ่อจอมโกงชาติ” มอบให้โดยไร้ความรับผิดชอบ
“พี่-พ่อ” ทำให้ “ยิ่งลักษณ์-แพทองธาร” กลายเป็น “สัตว์” เพราะเป็น “ไก่ได้พลอย-ลิงได้แก้ว” ไปเสียฉิบ!
การเป็น “นายกฯ” มิได้ง่ายเหมือน “กินกล้วย” หรือจิบกาแฟสนทนาเฮฮามีแต่โวหารไร้สาระเยี่ยงปุถุชนทั่วไป การเป็นผู้นำรัฐบาล ต้องทำเพื่อชาติและประชาชน ต้องสร้าง “ผลงานจริงเป็นหลัก”
การ“ยก”ตำแหน่งนายกฯ ให้ “น้องสาว-ลูกสาว” ผู้ไร้เดียงสาทางการเมือง เป็นการจงใจทำร้ายทำลายชาติบ้านเมืองอย่างใหญ่หลวงโดยแท้
ในทำนองเดียวกัน.. “แก๊งสามปอ” ก็ไม่ประเมินความสามารถตนเอง ดันทุรังบริหารชาติเกือบสิบปี! ประกาศแต่แรกว่าจะปฏิรูป แต่ไม่ “ปฏิรูปชาติ” เลย จงใจไม่แก้ปัญหาชาติ แถมพาชาติไม่เจริญมั่นคง ประชาชนไม่มั่งคั่งอีกด้วย ฯลฯ
เมื่อ “นักการเมืองแก๊งสามปอ”ไร้ผลงาน จึงพ่ายแพ้ยับเยินในสนามเลือกตั้ง จนต้องใช้แผนไร้สมองนำทักษิณให้กลับมามีอำนาจในไทยอีกครั้ง จนได้เผยธาตุแท้ของกลุ่มนักการเมืองสามานย์ ทำลายความมั่นคงทางการเมือง และทำลายนิติรัฐ ในที่สุดคนชั่วกลุ่มนี้ก็ถูกประชาชนกับสื่อฯ เปิดโปงความชั่วช้าสามานย์อย่างล่อนจ้อน
“นักการเมืองแก๊งสามปอ” และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ช่วยกันโกหกสารพัด ไม่เว้นกระทั่งการ “โหนเจ้า” มาอ้างการนำตัวทักษิณกลับไทย
ทว่า.. ทักษิณได้ทรยศต่อ “พระบรมราชโองการ” ที่ทรงมีพระเมตตาลดโทษให้เหลือ 1 ปี จากต้องติดคุก 8 ปี ทักษิณเหิมเกริมไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว โดยใช้เครือข่ายสมุนสร้างเรื่องให้ไปนอนที่ห้องหรูชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ แต่สุดท้าย “กรรมก็ตามสนอง” ถูกศาลฎีกาลงมติให้นำตัวทักษิณไปติดคุกจริง 1 ปี!!!
“นโยบายสวยหรู” ของ “แก๊งสามปอ” กับของทักษิณ ที่ทำให้เป็นจริงไม่ได้ จึงเป็นการ“โกหกประชาชนคำโต” เป็นการ “โกหกแห่งชาติ” ในการหาเสียงเลือกตั้งเท่านั้น
ครานี้มาดู “น้าชาติ” ผู้ริเริ่มโครงการ “สะพานข้ามโขงเชื่อมไทย-ลาวแห่งแรก” ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลออสเตรเลีย จนสร้าง “สะพานเชื่อมไทย-ลาว” สำเร็จ ปรากฎเป็นจริงในเวลาต่อมา..
“พิธีเปิดสะพานไทย-ลาวแห่งแรก” ประธานพิธีประกอบด้วย “ผู้นำไทย” และ“ผู้นำลาว” ในเบื้องแรก “ผู้นำไทยใจแคบคนนั้น” ไม่ได้เชิญ “น้าชาติ” ผู้ริเริ่มสร้างสะพานไทย-ลาวแห่งนี้เข้าร่วมพิธี
ก่อนวันงาน พี่โต้งได้ปรึกษาผมกับคณะทำงานกองเลขาฯ น้าชาติว่า..
“ชัช.. พ่อควรไปงานเปิดสะพานข้ามโขงหรือไม่? ถ้าควร.. ทำไงล่ะ? ต้องไปโดยไม่เสียศักดิ์ศรีด้วยนะ”
อืม.. “ผู้นำไทยยุคนั้น” ใจแคบจริงๆ เขาควรให้เกียรติแก่นายกฯ ผู้ริเริ่มโครงการและได้ขวนขวายหาเงินทุนมาสนับสนุน จนสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งแรกสำเร็จ ที่สำคัญ.. นายกฯ ท่านนี้ยังมีชีวิตอยู่..
งานเปิดสะพานไทย-ลาวกำลังเตรียมการกัน แต่ “ผู้นำไทยคนนั้น” ยังคงเฉยเมย จน “คอการเมือง” หลายคนถึงกับตำหนิว่า..
“นิสัยทางการเมืองผู้นำคนนั้น.. ใจแคบมาตลอด.. เอาแต่เรื่องที่ตัวเองและพรรคได้หน้าเท่านั้น!”
“พี่โต้ง.. ถ้าพ่อจะไปจริงๆ.. เราใช้ความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้นำลาวได้นะ.. ผมจะประสานให้ลาวเชิญพ่อไปร่วมงานนี้.. อยากเห็นหน้าผู้นำไทยคนนั้น ตอนเห็นพ่อเดินมากับผู้นำลาว ข้ามสะพานมาเข้าพิธีเปิดจากฝั่งลาว!”
น้าชาติ เห็นด้วยกับแผน “ดัดสันดานผู้นำไทยใจแคบ” (คนที่ผมและพวกคุณรู้จัก) ด้วยวิธีพลิกแพลงทางการเมืองครั้งนี้
คนในกองเลขาฯ ที่สนิทกับทางลาวเป็นพิเศษ ดำเนินการตามแผนนี้ทันที ส่วนผมกับเพื่อนก็ปล่อยข่าวนี้ ไปถึงนักข่าวทั้งการเมืองและนักข่าวทั่วไป รวมถึงนักการเมืองในสังกัด “พรรคผู้นำคนนั้น” เครือข่าย พี่โต้ง-น้าชาติ ประสานงานกับ “เครือข่ายผู้นำทางลาว” ทันที
เมื่อข่าวนี้แพร่ไปเข้าหู “ผู้นำไทยคนนั้น” เขาจึงจำใจต้องส่งเอกสารเชิญมายัง “น้าชาติ” ให้ไปร่วมงานเปิดสะพานข้ามแม่น้ำโขงเชื่อมสัมพันธ์ไทย-ลาว
นอกจากโครงการ “สะพานข้ามโขงเชื่อมไทย-ลาว” ยังมีโครงการอื่นที่ “น้าชาติ”เป็นผู้ริเริ่ม..
วันหนึ่งระหว่างกินอาหารมื้อเที่ยงกับ “น้าชาติ” ตามปกติ ท่านได้พูดกับผมว่า..
“ชัช.. ให้คนประสานกับผู้นำลาวว่า ถ้าพ่อจะมอบ“พระแก้วมรกต”ทำจากมรกตแคนาดาแท้ๆ ทางลาวจะรับไว้ในลาวไหม? ถ้า OK.. สร้างเสร็จผมจะนำ“พระแก้วมรกต”จากไทยไปมอบให้ลาวด้วยตัวเอง”
ไม่นาน.. งานประสานการ “มอบพระแก้วมรกตให้กับชาติลาว” โดย “ผู้นำลาว” ได้ตอบรับด้วยความยินดีปรีดา ฝากข้อความมาถึง“น้าชาติ”ว่า
“ขอบใจท่านชาติชายที่จะมอบพระแก้วมรกตให้กับชาติลาว.. เราขอขอบใจหลายๆ เด้อ ที่ท่านมีความปรารถนาดีต่อชาติลาวมาตลอด”
จากนั้นการประสาน ทำตารางกำหนดนัดหมาย “การมอบพระแก้วมรกต” กับการอัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดแห่งหนึ่งใกล้กับ “สะพานไทย-ลาว” นั่นเอง
เมื่อการจัดสร้าง “พระแก้วมรกต” เสร็จเรียบร้อย “ขบวน” นำมอบ “พระแก้วมรกต ”ให้กับประเทศลาวโดย “น้าชาติ” ก็เริ่มต้น “ขบวนน้าชาติ” ค้างคืนที่จังหวัดหนองคาย ครั้งนั้นผมกับภรรยาร่วมเดินทางไปกับและคณะน้าชาติด้วยรถบัสคันโต รุ่งเช้ารถบัสมาจอดรอเวลาตรงเชิงสะพานไทย-ลาวแห่งแรก ที่เกิดขึ้นในยุคนายกฯ พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัณ
บรรยากาศเช้าวันนั้นเป็นปกติ น้าชาตินั่งอยู่แถวหน้าของรถบัสคันแรก ประคอง “พระแก้วมรกต” บนถาดทองวางบนเบาะข้างตัวน้าชาติ เตรียมพร้อมเคลื่อนข้ามสะพาน ส่วนผมรับหน้าที่โฆษกยืนข้างเบาะน้าชาติ
เมื่อถึงกำหนดเวลา น้าชาติสั่งเคลื่อนขบวน รถบัสคันแรกเคลื่อนขึ้นสู่สะพานไทย-ลาว อากาศในห้วงนั้นพลันมืดครึ้ม ลมพัดหมุนอย่างรุนแรงบนสะพานเชื่อมไทย-ลาว และเมื่อขบวนรถมาถึงกลางสะพาน สิ่งของบริเวณสะพานปลิวว่อนอย่างแปลกประหลาด
“ชัช.. คุณดูบรรยากาศตอนนี้สิ.. ผมว่าพระแก้วมรกตองค์นี้ไม่ธรรมดานะ.. จริงไหม?” น้าชาติพูดกับผมเมื่อเห็นเหตุการณ์ประหลาดของบรรยากาศที่เกิดขึ้นตรงหน้าของทุกคน..
สภาพอากาศที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติตรงหน้า ทำให้ทุกคนในรถส่งสายตามายัง “พระแก้วมรกต” ที่น้าชาติประคองอยู่ หลายคนถึงกับยกมือไหว้ด้วยท่าทีเคารพนบนอบอย่างศรัทธา
พอขบวนนำ “พระแก้วมรกต” เคลื่อนลงสะพานไทย-ลาว บรรยากาศที่มืดด้วยพายุที่มาอย่างกระทันหัน ลมที่กระพือพัดพลันสงบลงอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ขณะเดียวกันพลันมีลำแสงจากดวงอาทิตย์ ส่องทะลุม่านเมฆกลุ่มหนึ่ง ผมและน้าชาติเห็นชาวลาวยืนเรียงรายริมถนนสองฟาก พนมมือไหว้ “พระแก้วมรกต” ที่อยู่ในรถบัสของเรา
ขบวนรถของเรามาสมทบกับขบวนรถของ “ผู้ใหญ่ในลาว” ที่มาต้อนรับ “พระแก้วมรกต” ตั้งแต่ช่วงกลางสะพานไทย-ลาว ขบวนรถทั้งสองฝ่ายเคลื่อนมาถึงวัดแห่งหนึ่ง รถบัสของน้าชาติหยุดที่ด้านหน้าวัดแห่งนั้น
น้าชาติทำพิธีมอบ “พระแก้วมรกต” ให้แก่ “ท่านเพ้า” รัฐมนตรีคนสำคัญว่าการ “กระทรวงคมนาคมประเทศลาว” โดยทางฝ่ายลาวมีทั้งพระสงฆ์และประชาชนมาร่วมกันอย่างพร้อมพรั่ง จากนั้นจึงอัญเชิญองค์ “พระแก้วมรกต”ขึ้นประดิษฐานยังพื้นที่ซึ่งจัดเตรียมไว้ โดยทางลาวได้ทำกรงเหล็กล้อม“พระแก้วมรกต”ป้องกันการจารกรรมไว้เรียบร้อยแล้ว
“พระแก้วมรกตเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญสำหรับลาวนะ ชัช.. ผมดีใจนะที่เห็นทางการลาวทำกรงเหล็กแน่นหนาป้องกันพระแก้วมรกตไว้”
น้าชาติ เอ่ยขึ้นในวันหนึ่งที่กรุงเทพฯ ตอนนั่งรถไปรัฐสภาฯ ด้วยกัน..
ภารกิจ “คืนพระแก้วมรกต” และโครงการ “สะพานเชื่อมไทย-ลาว” แห่งแรก เป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย“แปรสนามรบเป็นสนามการค้า” ซึ่งน้าชาติมุ่งมั่นทำแทบทุกมิติ มิใช่เฉพาะด้านวัตถุ แต่น้าชาติยังคำนึงอย่างลึกซึ้งทางมิติด้านจิตใจ หรือ “ทางธรรม” อีกด้วย!!!


