“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
ผมสนิทกับ พี่โต้ง-อ.ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ลูกชายคนเดียวของ น้าชาติ-พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัณ ถึงแม้เราจะรู้จักกันไม่นาน แต่สถาณการณ์ทำให้เราสองคนสนิทกันมาก ด้วยผมเป็นทั้งเพื่อนและถือเสมือนพี่น้องกัน พี่โต้งนำพาผมมารู้จักและร่วมงานกับ น้าชาติ ที่ผมเรียก พ่อ ตาม พี่โต้ง
เรียกว่าผมถือ น้าชาติ เสมือน พ่อ ของผม เพราะ พ่อผมเสียชีวิต ระหว่างผมไปอยู่กลางป่าเขาหลายปี ไปร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ต่อสู้กับฝ่ายรัฐบาลที่ใช้อำนาจรัฐอธรรมปราบประชาชนไทยอย่างมหาโหดในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519
พี่โต้ง เป็น นักคิด-นักเขียน-นักดนตรี-นักสิ่งแวดล้อม ฯลฯ ถือเป็น นักกิจกรรมตัวพ่อ อีกบทบาทที่สำคัญคือ พี่โต้ง เป็น นักการเมืองตัวฉกาจ
ผมไม่สามารถสาธยายเรื่องของพี่โต้งได้หมด เพราะไม่มีความรู้มากพอจะบรรยายความหลากหลายของพี่โต้งได้ครบถ้วน
ผมเคยคุยเรื่องส่วนตัวกับพี่โต้งบ่อยๆ วันหนึ่งผมยิงคำถามตรงว่า..
“พี่โต้ง.. ผมขอถามความในใจหน่อย พี่เป็นคนเก่งในหลายๆ เรื่อง ใจจริงพี่อยากเป็นอะไร?”
พี่โต้งเผยความในใจออกมาอย่างไม่อิดออดว่า..
“ชัช.. พี่อยากเป็นคนวาดรูป พี่ชอบ พี่อยากเป็นศิลปินวาดภาพ พี่อยากเรียนศิลปะมากๆ ดนตรีพี่ก็ชอบ.. พี่เคยตั้งวงไซมีสแคทเล่นที่ต่างประเทศ แต่พ่อกับแม่อยากให้พี่เรียนด้านอื่น พี่เลยเลือกเรียนเศรษฐศาสตร์”
มิน่า.. ห้องโถง “บ้านเรือนไทย” ของพี่โต้ง จึงมีขาตั้งกับเฟรมพร้อมจะวาดภาพ... และมีภาพวาดของศิลปินดัง ติดตามผนังบ้านและวางตามมุมต่างๆ นอกจากภาพวาด พี่โต้งยังชอบถ่ายภาพนิ่งเก็บเรื่องราวต่างๆ จึงมีกล้องและเลนส์หลากหลายชนิดมากมาย
พี่โต้ง เป็นคนใจดีเหมือนพ่อ พร้อมต้อนรับขับสู้เพื่อนๆ อย่างเป็นกันเองเสมอ.. ไม่เกี่ยงว่าจะเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน
“บ้านเรือนไทย” ของพี่โต้ง เป็นแหล่งรวมนักกิจกรรมอันหลากหลาย ทั้งวัยรุ่นและวัยอาวุโส มักจะมาพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยน ถกแถลงนานาปัญหาของชาติบ้านเมืองเสมอ ส่วนใหญ่เป็นนักกิจกรรมทางการเมืองกับทางสังคม รวมถึงนักกิจกรรมด้านศิลปะ วัฒนธรรม กับด้านดนตรี
นับครั้งไม่ถ้วน ที่ “บ้านเรือนไทย” ได้ต้อนรับศิลปินชื่อดังทางด้านศิลปกรรมและการดนตรี บรรดานักเขียนบท-นักสร้างและผู้กำกับ ทั้งภาพยนตร์ การละคร และหนังสารคดี นักเขียน-นักแปล-รวมทั้งนักวิชาการชื่อดังตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ
บรรยากาศใน “บ้านเรือนไทย” จึงมักมีทั้งเสียงสนทนาแลกเปลี่ยนที่เคร่งเครียดของบรรดาเพื่อนนักวิชาการ ซึ่งมักมีพี่โต้งร่วมถกแถลงอยู่ด้วยเสมอ
นอกจากกลุ่มนักกิจกรรม นักวิชาการ ศิลปิน ผมพบว่า บ่อยครั้งที่พี่โต้งร่วมคิดแลกเปลี่ยนกับบรรดานักกิจกรรม นักเคลื่อนไหว และชาวบ้านต่างจังหวัดที่เดือดร้อนมาขอคำปรึกษาจากพี่โต้ง
หนึ่งในนักกิจกรรม-นักเขียน-นักแปลที่สนิทกับพี่โต้ง หนีไม่พ้นหนุ่มใต้ ตุ้ม-กำพล ศรีถนอม ที่แปลหนังสือดีๆ ออกมาขายหลายเล่ม เช่น เรื่องที่ว่าด้วยทัศนะชีวิต สังคม และการเมืองของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ในหัวข้อน่าสนใจช่วง “เขียนไว้เมื่อเป็นไม้ใกล้ฝั่ง”
พี่โต้งทึ่งกับผลงานแปลของตุ้ม จึงขอให้ตุ้มช่วยแปลหนังสือเกี่ยวกับเวียดนามเรื่อง “ไซ่ง่อน” โดยพี่โต้งเตรียมพิมพ์เผยแพร่ในไทย และเพราะพี่โต้งจะพิมพ์หนังสือ “ไซ่ง่อน” นี่แหละ พี่โต้งถึงชวนผมให้มาทำงานด้านออกแบบหนังสือนี้ที่ “บ้านเรือนไทย” ในรั้วใหญ่ของ “บ้านราชครู”
ใกล้กับ “บ้านเรือนไทย” ของพี่โต้ง มีบ้านอีกหลังหนึ่ง เป็นที่ทำงานของภรรยาตุ้ม หญิงเก่ง นักกิจกรรม ผู้บริหารองค์กรผลิตรายการทีวีที่โด่งดังในยุคนั้น นั่นคือรายการ “ผึ้งน้อย”
จึงเรียกได้ว่า ภายในรั้ว “บ้านราชครู” ของครอบครัวชุณหะวัณ เป็นที่รวมของนักวิชาการ ศิลปิน นักเคลื่อนไหว หลากหลายกิจกรรม และหลากหลายการประสานงานเพื่อสังคม
กิจกรรมที่พิเศษยิ่งประจำปีก็คือ งานวันเกิดพี่โต้ง ซึ่งมักมีวงดนตรีกับบรรดาศิลปิน มาเล่น มาร้อง มาร่วมบรรเลงบทเพลงกัน รวมทั้งมักมีผู้มีชื่อเสียงทางการเมืองมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง คนที่ไม่เคยขาดเลยคือ น้าชาติ กับ ท่านผู้หญิงบุญเรือน
กับสองนักดนตรีไซมีสแคท คือ พี่กร ทัพพะรังสี กับ น้องชายของ พี่ป๊อก-ปองพล อดิเรกสาร ผู้เป็นเครือญาติใกล้ชิด ก็มักจะมาร่วมเล่นดนตรีและร้องเพลงด้วยเสมอ นอกจากนี้ยังมีบรรดาเครือญาติและเพื่อนๆ พี่โต้ง อีกมากมายทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ก็มักมาร่วมสังสรรค์กันอย่างพร้อมเพรียง...
วันหนึ่ง.. ที่ “บ้านเรือนไทย” ผมกับพี่โต้งนั่งคุยงานกันอยู่ น้าชาติ ในชุดลำลองสบายๆ เดินยิ้มมาด้วยสีหน้าร่าเริงเบิกบานอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะพูดด้วยเสียงดังฟังชัดลีลาผู้ใหญ่ใจดี “สไตล์น้าชาติ” ว่า
“โต้ง!.. พ่อได้เป็นนายกฯ คนใหม่แล้วนะ โต้งต้องรีบฟอร์มทีมเพื่อนๆ มาเป็นที่ปรึกษาทำงานให้พ่อโดยตรง เรื่องอินโดจีน เวียดนาม-ลาว-กัมพูชา โต้งกับเพื่อนช่วยกันทำนะ.. ส่วนจีนพ่อจะทำต่อเอง..”
คำพูดของ “ว่าที่นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 17” ชัดเจนสำหรับหน้าที่ของ พี่โต้ง-อ.ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ!
หลังจากนั้นงานลับและเปิดเผยของพี่โต้งและเพื่อนๆ ก็เดินหน้าอย่างรวดเร็ว พีรพล ตริยะเกษม เพื่อนนักกิจกรรมที่มีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์ “14 ตุลาคม 2516” ได้ผลักดันอย่างแข็งขันเรื่องอินโดจีน โดยเฉพาะ “เวียดนาม” ผ่านทาง พี่โต้ง ตรงไปยัง นายกฯ น้าชาติ ด้วยนโยบายใหม่ “แปรสนามรบเป็นสนามการค้า” ซึ่งต่อมาเป็นข่าวโด่งดังอย่างกว้างขวาง
หลัง น้าชาติ ตอบรับนโยบายนี้อย่างเป็นทางการ “นายกฯ ไทยคนใหม่” ได้นัดพบปะและร่วมรับประทานอาหารมื้อเช้า กับ “เหงียน โกธัก” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศเวียดนาม ที่ “บ้านราชครู” เพื่อสนทนาแลกเปลี่ยนปัญหาเกี่ยวกับสันติภาพของอินโดจีน
กลางดึกคืนก่อนหน้าการนัดหมาย น้าชาติ ได้ให้ อ.โต้ง ไปบ้าน “รมต.ต่างประเทศไทย” คนใหม่ ตามหา “หนังสือนัดหมาย” ที่หายไปดื้อๆ พร้อมทั้งให้เซ็นด่วนก่อนเวลานัดหมาย
การพบปะกันระหว่าง “นายกฯ ไทย” กับ “รมช.กต. เวียดนาม” ในครั้งนั้น จึงผ่านไปอย่างเรียบร้อย อันเป็นการเปิดหวูด “สันติภาพไทย-เวียดนาม” อย่างเป็นทางการ ทุกวันนี้ “พีรพล ตริยะเกษม” ยังคงดำเนินกิจกรรมช่วย “กระชับมิตรภาพ” พร้อมกับประสานงาน “ธุรกิจไทย-เวียดนาม” ให้เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อีกบทบาทหนึ่งของพี่โต้งที่ผมประทับใจไม่รู้ลืมคือ ความตระหนักในการพัฒนาเรื่องสิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตของคนไทย
เพราะ พี่โต้ง ดำเนินชีวิตอยู่หลายประเทศเป็นเวลาหลายปี เห็นแบบอย่างของเมืองน่าอยู่ พี่โต้งกับคณะที่ปรึกษาน้าชาติ จึงเน้นและผลักดันให้เกิด “พื้นที่สีเขียว” เพิ่มขึ้นอีกหลายแห่งในกรุงเทพและต่างจังหวัด เช่น พี่โต้ง กับ นายกฯ น้าชาติ ผลักดันเปลี่ยนพื้นที่ใจกลางเมืองริมถนนสุขุมวิทราคาสูงลิบลิ่ว ที่เคยเป็น กรมอุตุนิยมวิทยา ให้กลายเป็นพื้นที่ชุมชน “สวนเบญจสิริ”
หลังจากนั้น พี่โต้ง ยังต่อสู้ผลักดัน “สนามกอล์ฟรถไฟ” แถวห้าแยกลาดพร้าว ที่ใช้กันเพียงแค่ “คนกลุ่มหนึ่ง” ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักการเมือง ให้กลายเป็น “สวนสาธารณะขนาดใหญ่” ใจกลางกรุงเทพ สำหรับ “คนไทยมากมาย” ใช้ออกกำลังกาย และทำกิจกรรมเอนกประสงค์
นอกจากนี้ ในยุค “ผู้ว่าฯ กทม. พิจิตต รัตตกุล” พี่โต้งยังเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงผลักดันให้เกิด “พิพิธภัณฑ์เด็ก” ละแวกจตุจักรอีกด้วย
จากยุค “ผู้ว่า กทม. พิจิตต รัตตกุล” จนถึงยุค “อภิรักษ์ โกษะโยธิน” พี่โต้งได้ทุ่มเทผลักดันจนเกิด “หอศิลป์กรุงเทพ” ที่บริเวณสี่แยกปทุมวัน เป็นสง่าราศีของกรุงเทพ เป็นแหล่งแสดงผลงานทางศิลปะและทำกิจกรรมสารพัดของชาวกรุงเทพฯ
ผลงานบางชิ้นของ พี่โต้ง มิได้มาง่ายๆ นะครับ ฉบับหน้าผมจะเขียนถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังครับ...


