xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เปิดหลักฐาน "ลุง" โยง "บ่อนสายตะกู-ทมอดา"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -แม้ประดา “ติ่งลุง” จะพยายามหาหลักฐานมากล่าวอ้างว่า “ลุงที่รัก” ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ “บ่อนสายตะกู” ที่ชายแดนจังหวัดบุรีรัมย์ และ “ทมอดากาสิโน” หรือ “บ่อนท่าเส้น” ที่ชายแดนจังหวัดตราด แต่ความจริงก็คือความจริง และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว เมื่อมีข้อมูลยืนยันและมัดแน่นว่า ไม่ใช่แค่เกี่ยวข้องธรรมดาๆ หากแต่เกี่ยวข้องอย่างมีนัยสำคัญอีกต่างหาก



หลักฐานแรกบันทึกเอาไว้เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2557 โดยเป็นคำให้สัมภาษณ์ของ “พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น หลังจากเดินทางไปเยือนกัมพูชา

พลเอก ประยุทธ์เปิดเผยว่า ได้มีการพูดคุยกันถึงการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ต้องร่วมมือกันเพื่ออนาคตของทั้งสองประเทศและอาเซียน ในการหารือไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องความมั่นคงหรือเขตแดน เนื่องจากจะไม่ให้เส้นเขตแดนเป็นปัญหา โดยจะเดินหน้าอาเซียนอย่างไรทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นถนน โครงสร้างพื้นฐาน มีการเซ็นเอ็มโอยู เครือข่ายทางรถไฟ อรัญประเทศ-ปอยเปต เพื่อเป็นเส้นทางขนส่งสินค้า

นอกจากนี้ ยังได้เสนอให้มีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ ลักษณะ Cluster เพื่อค้าขาย มีโรงงานผลิตขนาดเล็ก มีศูนย์รับซื้อสินค้าทางการเกษตรเพื่อให้เกิดเป็นเมืองชายแดน มีการปรับปรุงถนน เส้นทางระหว่างกัน มีการจัดศูนย์แรงงาน โดยนายกรัฐมนตรีกัมพูชาเห็นชอบทุกประการ ซึ่งเป็นการป้องกันการลักลอบข้ามแดนผิดกฎหมาย เพื่อให้ประชาชนไทย-กัมพูชา ข้ามกันไป-มาได้อย่างมีความสุข ส่วนเรื่องแรงงาน ปัจจุบันมีแรงงานแบบเช้า-เย็นกลับ แรงงานตามฤดูกาล แรงงานรายปี ซึ่งทางกัมพูชาจะช่วยส่งทีมพิสูจน์สัญชาติ เพิ่มให้เป็น 15 ชุดจากเดิม 6 ชุด พร้อมทั้งมีการหารือเกี่ยวกับการจัดประชุมระหว่างผู้นำอย่างไม่เป็นทางการ(Annual Retreat) เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนความสัมพันธ์ โดยให้มีอย่างน้อยปีละครั้ง ฯลฯ

แต่ที่ต้องขีดเส้นใต้คือ “เรื่องจุดผ่านแดน” เพราะทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องจะมีการยกระดับ 4 จุดได้แก่ 1.ช่องอาเซะ จ.พระวิหาร-ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี 2.พนมได จ.พระตะบอง-บ.เขาดิน จ.สระแก้ว 3. บ้านทมอดา จ.โพธิสัต-บ.ท่าเส้น จ.ตราด และ 4.ช่องจุ๊บโกกี จ.อุดรมีชัย-ช่องสายตะกู จ.บุรีรัมย์

ดังนั้น การพยายามให้ข้อมูลว่า พลเอก ประยุทธ์เป็นคนปิดด่านขวางรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงไม่ใช่เรื่องจริงด้วยประการทั้งปวง

หลักฐานที่สอง บันทึกเอาไว้เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2558 จากบทบาทของ “บิ๊กป๊อก-พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น โดยเกิดขึ้นเนื่องในวาระการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 5ที่โรงแรมอนันตรา สยาม ถนนราชดำริ กรุงเทพฯ ที่มี “สมเด็จกลาโหมซอร์ เค็ง” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา พร้อมคณะเข้าร่วม

หนึ่งในความร่วมมือที่ทั้งสองประเทศลงนามบันทึกก็คือ “ความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนบริเวณชายแดน” โดยทั้งสองฝ่ายได้มีการหารือร่วมกันถึงการพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในบริเวณพื้นที่ชายแดนจังหวัดสระแก้ว-จังหวัดบันเตียเมียนเจย และจังหวัดตราด-จังหวัดเกาะกง และความร่วมมือการพัฒนาความเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมในภูมิภาค โดยเฉพาะการก่อสร้างเส้นทางรถไฟระหว่าง อำเภออรัญประเทศ-ปอยเปต ตลอดจนการเร่งรัดการดำเนินการเปิดจุดผ่านแดนถาวรแห่งใหม่ที่บ้านหนองเอี่ยน จังหวัดสระแก้ว และจุดผ่านแดนถาวรสตึงบท ควบคู่ไปกับการเปิดจุดผ่านแดนถาวรแห่งใหม่ที่บ้านป่าไร่ จังหวัดสระแก้ว และจุดผ่านแดนถาวรโอเนียง จังหวัดบันเตียเมียนเจย รวมถึงการเปิด และยกระดับจุดผ่านแดนให้เป็นจุดผ่านแดนถาวรอีกจำนวน 5 จุด ได้แก่ 1. ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี ตรงข้ามกับ ช่องอานเซะ จังหวัดพระวิหาร 2. บ้านเขาดิน จังหวัดสระแก้ว ตรงข้ามกับ พนมได จังหวัดพระตะบอง 3. บ้านท่าเส้น จังหวัดตราด ตรงข้ามกับ บ้านทมอดา จังหวัดโพธิสัตว์ 4. ช่องสายตะกู จังหวัดบุรีรัมย์ ตรงข้ามกับ ช่องจุ๊บโกกี จังหวัดอุดรมีชัย เป็นการช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกันในภาคประชาชน รวมทั้งส่งเสริมการค้า การลงทุน ตลอดจนการท่องเที่ยวตามแนวชายแดนมากขึ้น

สรุป สมัย พลเอก อนุพงษ์ เป็นรัฐมนตรีมหาดไทยลงนามกับเขมร 5 ข้อ พัฒนาจุดผ่านแดนและเส้นทางคมนาคมและเปิดจุดผ่านแดนถาวรในหลายพื้นที่ รวมถึงสายตะกูและบ้านท่าเส้น-ทมอดาด้วย

ข้อเท็จจริงนี้แสดงให้เห็นว่า การผลักดันเปิดด่านทั้งสองจุดไม่ใช่คำกล่าวหาลอย ๆ แต่เกิดขึ้นจริงในสมัยรัฐบาล คสช. ที่ พลเอก ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี และ พลเอก อนุพงษ์ เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย หลังจากนั้น ฝั่งไทยยังใช้งบประมาณตัดถนนระยะทาง 6.6 กิโลเมตรเชื่อมบ้านท่าเส้นเข้าชายแดน เสร็จในเดือนมกราคม 2564 ถนนเส้นนี้ตรงเข้าสู่ ทมอดาซิตี้ ซึ่งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษของ ออกญา ตรี เพียบ มหาเศรษฐีกัมพูชาที่ถูกสหรัฐคว่ำบาตรในปี 2019 ฐานพัวพันเครือข่ายค้าไม้ผิดกฎหมาย และถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคอมเพล็กซ์ไซเบอร์–สแกม

เมื่อเชื่อมโยงกันทั้งหมด จะเห็นเส้นทางเดียวกันที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้น รัฐบาล คสช. เปิดประตูด้วยนโยบายเปิดด่าน ต่อมามีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานฝั่งไทยเพื่อเชื่อมตรงเข้าสู่พื้นที่ที่ทุนสีเทาคุมอยู่ และวันนี้พื้นที่นั้นถูกเปิดโปงว่าเป็นแหล่งอาชญากรรมออนไลน์ การเรียงร้อยเรื่องนี้เข้าด้วยกันทำให้เห็นว่า นี่ไม่ใช่เรื่องเล่าหรือการกล่าวหา แต่คือข้อเท็จจริงเดียวที่ปฏิเสธไม่ได้

แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ การตัดสินใจของรัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูลว่าจะดำเนินการอย่างไร โดยเฉพาะที่ “ทมอดาซิตี้” ที่ไม่ได้มีแค่กาสิโน หากแต่เป็นคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์เชื่อมโยงซับซ้อนเป็นใยแมงมุม

แถมยังมีท่าทีอันแปร่งปร่าจาก “พลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์” ผู้บัญชาการทหารเรือคนใหม่ ที่แม้ตอนแรกจะให้สัมภาษณ์เอาไว้ชัดเจนว่า จะสานต่องาน พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผบ.ทร.คนเก่า โดยจะเร่งกดดันกัมพูชาให้รื้ออาคารกาสิโนในส่วนที่รุกล้ำ ก่อนที่ถัดจากนั้นจะบอกว่า “ถ้าไม่รื้อ อาจเล็งหารือใช้ประโยชน์ร่วมกันกับกัมพูชา” ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เรื่องนี้อาจยืดเยื้อต่อไป

“สำหรับพื้นที่อาคารกาสิโนที่ท่าเส้น ต้องพิจารณาข้อตกลงที่จะพูดคุยกับฝ่ายกัมพูชาจะออกมาอย่างไร ระบบตรวจการณ์ของเราไม่ได้ขึ้นไปทุกวัน เพราะพื้นที่ฝั่งเราอยู่บนเหวมากกว่า แต่ฝ่ายกัมพูชาเป็นพื้นราบ จึงต้องรอบคอบพอสมควร ซึ่งถ้าสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ จะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน แต่ถ้าใช้ประโยชน์ร่วมกันไม่ได้ และพูดคุยร่วมกันไม่ได้ เราก็คงต้องหาวิธีกดดันผ่านวิธีใดวิธีหนึ่ง เราไม่ได้มองว่าจะเอาไปทำกาสิโน ผมมองที่อาคารอย่างเดียว ซึ่งสามารถนำไปใช้ร่วมกันได้ อาจเป็นอาคารตรวจการณ์ร่วมกันได้ ผมมองอย่างนั้น ผมไม่ได้มองว่าตรงกันเป็นกาสิโน ผมมองว่าเป็นอาคาร เราผลักดันไม่ให้ใครมาใช้อาคาร” พลเรือเอก ไพโรจน์กล่าว

ถ้าตีความจากคำให้สัมภาษณ์ว่า อาจจะใช้เป็นอาคารตรวจการณ์ร่วมกัน ก็ทำให้สังคมเกิดข้อสงสัยในความชัดเจน เพราะก่อนหน้านี้มีการยืนยันว่า บางส่วนของอาคารกาสิโนหลังดังกล่าวสร้างขึ้นในดินแดนของไทย หรืออย่างน้อยก็เป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ไม่ควรมีอาคารใดๆ อยู่ ณ บริเวณนั้น ถ้าฝ่ายไทย “อ่อนข้อ” ใช้เป็นอาคารตรวจการณ์ร่วม นั่นหมายความว่า การรุกล้ำก็จะยังคงอยู่ต่อไป และจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ที่สำคัญคือ ถ้าสถานการณ์ยังคงดำเนินไปในลักษณะนี้ ก็หมายความว่า สุดท้าย “ด่านช่องทางการค้าบ้านท่าเส้น” ก็จะกลายเป็นด่านชายแดนถาวรเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการเปิดกาสิโนและคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ในดินแดนนี้อย่างแน่นอน

ทันทีที่ข่าวออกมา ชาวบ้านร้านตลาดต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักหน่วงเลยทีเดียว โดยประชาชนรายหนึ่งในจังหวัดตราดให้ความเห็นดุเดือดว่า “คนไทยต้องการให้รื้อ คนไทยไม่ได้กระจอก จะให้เขมรมาชี้หน้าด่าทีหลังได้ไงว่า ก็คนไทยยอมเอาไว้ใช้ร่วมกัน นี่ไงเรายอมรับพื้นที่ตรงนี้ว่าเขมรก็มีสิทธิ์ใช้”

ส่วนที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว นายอนุทินให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ 12/2568 เมื่อวันที่ 2 ตุลาคมท่านมาว่า การผลักดันคนกัมพูชาออกจากบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว นโยบายคือต้องใช้กฎหมายที่ถูกต้อง และเราต้องคำนึงถึงหลักมนุษยธรรมด้วย และคำนึงถึงผลกระทบต่างๆที่จะตามมา จะใช้กฎหมายไหนตามกฎอัยการศึก หรือกฎหมายป่าไม้หรือกฎหมายตรวจคนเข้าเมืองตรงนี้ ทางกองบัญชาการกองทัพไทยจะขอไปหารือกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและกระทรวงมหาดไทย พร้อมระบว่า การจัดการขั้นเด็ดจาดน่าจะยังไม่ใช่ในวันที่ 10 ตุลาคมดังที่มีการกำหนดไว้เบื้องต้น

จบข่าวและโปรดรอคอยผลที่เป็นรูปธรรมกันต่อไป.



กำลังโหลดความคิดเห็น