“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
“ประชาธิปไตยทุนสามานย์” ใช้ในไทยและทั่วโลก มิใช่ระบอบประชาธิปไตยแท้จริง ไม่ได้ทำเพื่อประชาชน เพราะ นักการเมือง-ข้าราชการ-นายทุนสามานย์ ทำเพื่อตัวเองกับพรรคพวก สหรัฐอเมริกา-ยุโรปกับชาติต่างๆ กำลังเจอวิกฤตหลากมิติจนสังคมต่ำทรามลง ปรากฎว่าประชาชนทั่วโลกยากจนอย่างไม่หยุดยั้ง เพราะโลกพัฒนาแต่ด้านวัตถุกับเทคโนโลยี ทว่า ผู้มีอำนาจ ไม่ได้พัฒนาด้านจิตใจแม้แต่น้อย
ผู้นำชาติ ส่วนใหญ่ จิตใจจึงต่ำทราม มุ่งโกงชาติกับหลอกลวงประชาชนอย่างไร้ศีลธรรม ดัง รายได้หลักกว่า 60% ของชาติเขมร ได้จากการเป็นชาติอาชญากรรม-บ่อนพนัน-ค้ามนุษย์
เขมรจึงเป็นชาติน่ารังเกียจ-น่าขยะแขยง-ถูกประณามสาปแช่ง ไม่ควรคบค้า ฯลฯ
นอกจาก “เขมรฮุนเซน” จะมีพฤติกรรมไว้วางใจไม่ได้ “เขมรฮุนเซน” ยังเจ้าเล่ห์แสนกล-เห็นแก่ตัวและเป็นจอมทรยศหักหลัง โกงกินไม่รู้จักพอทั้งอำนาจทรัพย์สินเงินทอง.. อืม..สันดานเหมือน ทักษิณ ไม่มีผิด! เรียกว่า “ตระกูลฮุน-ชิน” ขยันทำชั่วแข่งกันลงนรก!!!
ผมเขียนถึงสองตระกูลโคตรชั่ว "พ่อลูกเขมรฮุน-พ่อลูกไทยชิน” ผู้คนรู้กันว่าสันดานชั่ว “เขมรฮุนเซน” ไว้ใจไม่ได้อย่างเด็ดขาด ส่วนสันดานชั่ว “พ่อลูกไทยชิน” นั้น วางใจไม่ได้ยิ่งกว่า
ความโลภ“ฮุน-ชิน”จึงสมรู้ร่วมคิดทำการชั่วร้าย โดยใช้ทั้งชายแดนไทย และรุกล้ำเขตไทยหลายแห่ง ทำเป็นฐาน “อาชญากรรมสารพัด” บ่อนพนันออนไลน์ ฟอกเงินสกปรก ค้ามนุษย์ หลอกคนไทยและชาวโลก “เขมรฮุน-ไทยชิน” ทำให้เขมรเป็นสแกมเมอร์ระดับโลกอย่างเปิดเผย โดยมีนักการเมืองส่วนกลางกับท้องถิ่น ทหารใหญ่และข้าราชการไทย รวมทั้งนักธุรกิจสามานย์ร่วมหุ้น เอื้อเฟื้อทั้งระบบไฟฟ้ากับเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ฯลฯ เจ้าหน้าที่ไทยปล่อยปละละเลย เพราะได้ส่วยสารพัดจากฝ่ายเขมรกับจีนเทา
ด้วยเหตุนี้ทำให้ในอดีตไทยต้องเสียดินแดนไปมิใช่น้อย ชาติกับประชาชนไทยต้องเสียหายอย่างหนัก เกิดการปะทะกันตามชายแดนครั้งแล้วครั้งเล่า การปะทะครั้งล่าสุดเมื่อเดือนกรกฎาคม 2568 ความจริงจึงปรากฎให้คนไทยรู้ว่า กองทัพภาค 2 บุกยึดแดนไทยคืนมาได้ถึง 11จุด!
แต่ชายแดนในความดูแลของกองทัพภาค 1 เขมรมาอยู่ล้ำแดนไทย ด้านจังหวัดตราดที่กองทัพเรือดูแล ก็ถูกทหารเขมรที่ฮุนเซนหนุน ร่วมกับกลุ่มจีนเทา ซื้อตัวข้าราชการไทยขายชาติปล่อยให้เข้ามาตั้งบ่อน และล้ำแดนไทยมากถึง 17 จุด ไทยเอื้อเขมรโจ่งแจ้งในยุครัฐบาลนายกฯ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ซึ่งปัจจุบันเป็น องคมนตรี ได้ใช้เงินงบประมาณไทยสร้างถนนสี่เลน อำนวยความสะดวกวิ่งตรงไปยังบ่อน ทมอดาซิตี้ ของ กลุ่มจีนเทา-เขมร-ไทยขายชาติ
ยุค “อิ๊งค์สมองนุ่ม” ลูกสาวทักษิณ ผู้ได้สร้างเรื่องน่าอับอาย “โทรคุยกับอังเคิลฮุน” รับปากว่า อังเคิลจะเอาอะไรบอกหลานอิ๊งค์ได้เลย อย่าพูดกับคนอื่น แม่ทัพภาค 2 ไม่ใช่พวกเรา เมื่อ “อังเคิลฮุน” เอาคลิปพูดคุย “เรื่องขายชาติ” ออกมาเปิดเผย “อิ๊งค์” จึงต้องหลุดจากตำแหน่งนายกฯ บทพิสูจน์สมองและสติของอิ๊งอีกครั้ง เมื่อเธอยกย่องพ่อว่า “พ่อเป็นวีรบุรุษของครอบครัว” เป็นนายกฯ ไทยคนแรกที่ติดคุก!
แต่ในบรรดาคนในคอกทักษิณที่ไร้สติ ไม่มีใครเกิน ภูมิธรรม เวชยชัย ที่พูดหน้าตายว่า “ทักษิณเป็นวีรบุรุษประชาธิปไตย” คิดได้จัญไรบูชาทักษิณไม่ลืมหูลืมตาแบบนี้ ต้องบอกว่า “อ้วนสติไม่เต็มเต็งแล้วว่ะ”?
ประชาชนทั่วไปเขารู้แล้วว่า ทักษิณเป็นโมฆะบุรุษ โกงชาติมหาศาล นักโทษชายทักษิณได้ถวายฏีกาขอพระราชทานอภัยโทษต่อ ในหลวงรัชกาลที่ 10 โดยทักษิณยอมรับผิดเรื่องโกงชาติ ยอมรับโทษตามกฎหมาย ซึ่ง ในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงมีพระมหากรุณาลดโทษให้ ที่ต้องติดคุก 8 ปี ลดเหลือแค่ 1 ปี แต่ทักษิณกลับไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว ใช้เล่ห์อ้างว่า ป่วยหนักอาจถึงตาย หนีคุกไปอยู่ห้องหรูชั้น 14 ที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยอ้างใช้ “กลุ่มหมอ” กับ “ฝ่ายราชทัณฑ์” โกหกสื่อฯ และประชาชน ทั้งๆ ที่“ป่วยทิพย์”
จนสุดท้าย ผู้พิพากษาศาลฎีกา ได้สอบสวนจนพบความจริงเรื่อง ขบวนการช่วยทักษิณป่วยทิพย์ ศาลฎีกาจึงตัดสินให้นำตัวทักษิณกลับเข้าคุกจริง 1 ปี
วันนี้ ทักษิณ ถูกนำตัวไปติดคุกจริงเรียบร้อยแล้ว ส่วนจะออกจากคุกเมื่อไรยังไม่มีใครรู้ บ้างว่า “ไม่ถึงปี ทักษิณก็เดินปร๋อออกจากคุกแล้ว” แต่บ้างก็เชื่อว่า “ทักษิณต้องติดคุกเกิน 1 ปี เพราะมีอีกหลายคดีกำลังตามมา”!
ในยุคที่ “ทักษิณเป็นจอมบงการตัวจริง” ขณะที่ นายกฯ อิ๊งค์ เป็นแค่นายกฯ หุ่นเชิดเพราะไร้ประสบการณ์และความสามารถ ทั้ง “อิ๊งค์” กับรักษาการนายกฯ “อ้วน” รวมถึงนักการเมืองและข้าราชการหลายคนในสังกัด ได้ทำหลายเรื่องที่เอื้อ “เขมรฮุนเซน” ได้พยายามเสนอให้เปิดด่านไทย ซึ่งตรงตามความต้องการของ “เขมรฮุนเซน” แถมรัฐบาลอิ๊งไม่เคยตัดไฟ-ตัดเครือข่ายอินเตอร์เน็ต-ตัดน้ำมัน ฯลฯ ที่เป็นเครื่องมือ “ค้ามนุษย์-สแกมเมอร์-พนันออนไลน์” หลอกชาวไทย-ชาวโลก
เรียกว่า “อิ๊งค์” กับพรรคพวกจงใจเอื้อ “ชาติเขมร” ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติไทย-กองทัพไทย-ชาวไทย-ชาวโลกอย่างอภัยให้ไม่ได้
แต่วันนี้ โชคดีที่กองทัพไทยทั้งสามเหล่าทัพ กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยหน่วยสนับสนุน ยังยืนหยัดปักหลักเป็น “ผู้พิทักษ์ปกป้องดินแดนไทยกับประชาชนไทย”
จากการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 5 เมื่อวันศุกร์ที่ 19 กันยายน 2568 ที่กองบัญชาการกองทัพไทย โดยมีพล.อ. ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นประธานฯ การประชุม โดยมีมติ 3 ประเด็น คือ
1. การปิดจุดผ่านแดนถาวรและจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา โดยที่ประชุม คบท. เห็นชอบให้คงสภาพปัจจุบันในการปิดด่าน จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย หรือกัมพูชาไม่เป็นภัยคุกคามต่อไทยอีกต่อไป!
2. เห็นว่าปัจจุบันกัมพูชายังถือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ จึงจัดทำรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีข้อสรุปสำหรับการสร้างรั้วชายแดน เห็นควรสร้างในพื้นที่เส้นเขตแดนที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้แล้ว สำหรับในพื้นที่ที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ จะใช้มาตรการลาดตระเวนและเฝ้าตรวจอย่างต่อเนื่องรวมทั้งให้มีการสร้างเส้นทางยุทธวิธีตลอดแนว
3. แนวทางดำเนินการต่อการละเมิดอธิปไตยของไทย โดยมีข้อสรุปดังนี้ คือ การดำเนินการตามกฎการใช้กำลังสากล (ROE -Rules of Engagement) เมื่อการกระทำเข้าข่ายการกระทำที่เป็นปรปักษ์ (Hostile Act) หรือเจตนาที่เป็นปรปักษ์ (Hostile Intent) โดยเฉพาะหากเป็นการสอดแนมหรือเตรียมโจมตี ซึ่งตามกฎการใช้กำลัง สามารถใช้เป็นเหตุเริ่มการป้องกันตนเองได้ โดยได้วางมาตรการทั้งเชิงรุกและเชิงรับ ทั้งนี้ ได้นำเสนอแนวทางการปฏิบัติไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแล้ว
มติของกองทัพไทยครั้งนี้ ต่อการแก้ปัญหาไทย-กัมพูชา ที่ “อดีตนายกฯ พ่อลูกทุนสามานย์” แอบไปสมคบกับ “พ่อลูกตระกูลฮุน”และกลุ่มทุนพลังงานต่างชาติ จะยึดดินแดนไทยและทรัพยากรใต้ทะเลไทย ที่สำคัญบรรดา “นักการเมืองเลือกตั้ง” ใช้สันดานเห็นแก่ตัวหายหัวหุบปากเรื่องขัดแย้ง “เขมรฮุน-ไทยชิน” หวังจะได้ “เงินใต้โต๊ะ” หลัง “อดีตนายกฯ ไทยขายชาติไทย” ออกจากคุก..
“พ่อลูกเขมรฮุน-พ่อลูกไทยชิน” จึงต้องกอดสนธิสัญญาเถื่อน MOU 43-44 ไว้แน่น เพื่อโกงชาติ-ขายชาติ..!
นายกฯ ไทยคนใดไม่ยกเลิก MOU 43-44 ! ส่อว่า “จะยกดินแดนใต้ทะเลไทย” ให้ “เขมรฮุน-ไทยชิน” แสดงความโลภหวังได้ “เงินขายชาติ” ทำให้ไทยไร้สุขสงบ จงใจให้ เขมร-ไทยรบกัน ทำเขตแดนสับสนเพราะใช้ แผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ทั้งที่ทหารไทยใช้หลักสากล 1 ต่อ 5 หมื่น!!!
ส่วน “อนุทิน” ที่ประกาศต้องยกเลิก MOU 43-44 เถื่อน อ้างอิงแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 2 แสน ที่ “นักการเมือง-คนทำ” ต้นเหตุก่อศึกเขมรรบไทย แต่จู่ๆ “นายกฯ หนู” ดันใช้เล่ห์หน้าด้านๆ โยนบาปให้กับประชาชนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้อง“ลงประชามติ” ว่ะ.. ฮ่วย!!!