xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

สหรัฐฯคว่ำบาตรเครือข่ายสแกมเมอร์ “เขมร-พม่า” “ชิต ตู แห่งเมียวดี” – คนใกล้ชิด “ฮุน เซน” จบเห่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แผนที่แสดงการกระจายของศูนย์ต่างๆ ในกัมพูชา วงกลมที่ใหญ่กว่าบ่งชี้พื้นที่ที่มีศูนย์สแกมเมอร์อยู่กันหนาแน่นกว่า เช่น สีหนุวิลล์ที่มี 22 ศูนย์ ในขณะที่วงกลมเล็กๆ แสดงเมืองที่สามารถยืนยันศูนย์สแกมเมอร์ได้เพียง 1 หรือ 2 แห่งเท่านั้น (ภาพ : แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล)
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -  การขึ้นแบล็กลิสต์ตัวเป้งแก๊งสแกมเมอร์นอกจากสหรัฐฯจะเล่นงานเครือข่ายของ “ชิต ตู” แห่งเมืองเมียวดี ฝั่งเมียนมา ทางฝั่งกัมพูชาสหรัฐฯยังกวาดเอาคนใกล้ชิดของสมเด็จฮุน เซน ติดร่างแหไปด้วย


สำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศ (Office of Foreign Assets Control - OFAC) ภายใต้กระทรวงการคลัง สหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรเครือข่ายศูนย์หลอกลวง (scam centers) ขนาดใหญ่ทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับชาวอเมริกันหลายพันดอลลาร์สหรัฐฯ

 มาตรการนี้ครอบคลุมเป้าหมายคว่ำบาตร 9 จุดใน เมืองชเวโก๊กโก่ จังหวัดเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นศูนย์สแกมภายใต้การควบคุมของกองทัพแห่งชาติกระเหรี่ยง (Karen National Army - KNA) หรือเดิมคือกองกำลังพิทักษ์ชายแดนกะเหรี่ยง (Karen Border Guard Force-Karen - BGF) นำโดย พ.อ.ชิต ตู และฐานปฏิบัติการอีก 10 แห่ง ที่ตั้งอยู่ในเมืองสีหนุวิลล์ จังหวัดพระสีหนุ ประเทศกัมพูชา 

“อุตสาหกรรมการหลอกลวงทางไซเบอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่เพียงแต่คุกคามความเป็นอยู่ที่ดีและความมั่นคงทางการเงินของชาวอเมริกันเท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้คนหลายพันคนต้องตกเป็นทาสยุคใหม่” จอห์น เฮอร์ลีย์ ปลัดกระทรวงการคลัง ฝ่ายการก่อการร้ายและข่าวกรองทางการเงิน กล่าว

OFAC ยังชี้ว่าองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่ตั้งฐานอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กำลังพุ่งเป้าไปที่ชาวอเมริกันมากขึ้นผ่านปฏิบัติการหลอกลวงทางไซเบอร์ขนาดใหญ่ โดยในปี 2024 มีฐานปฏิบัติการหลอกลวงเพิ่มจำนวนมากขึ้นถึง 66% จากปีก่อนหน้า และในปี 2567 ชาวอเมริกันสูญเสียเงินไปกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ องค์กรอาชญากรรมจะล่อลวงผู้คนเข้ามาทำงาน และใช้ความรุนแรง การคุกคาม การบังคับค้าประเวณี เพื่อบีบบังคับให้คนเหล่านี้หลอกลวงเหยื่อทางออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชั่นและหมายเลขโทรศัพท์ของผู้เสียหาย

สำหรับผลจากมาตรการคว่ำบาตร จะทำให้ทรัพย์สินและผลประโยชน์ทั้งหมดของบุคคลที่อยู่ในแบล็กลิสต์ ที่มีอยู่ในสหรัฐฯ หรืออยู่ในการครอบครอง ควบคุม โดยบุคคลสัญชาติสหรัฐฯ จะต้องถูกอายัดและรายงานต่อสำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศของสหรัฐฯ

ขณะเดียวกัน นิติบุคคลใด ๆ ที่มีหุ้นซึ่งบุคคลที่ถูกแบล็กลิสต์ถือครองทั้งทางตรงและทางอ้อมตั้งแต่ 50% ขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นรายบุคคลหรือรวมกันจะถูกอายัดด้วยเช่นกัน รวมทั้งสถาบันการเงินและบุคคลอื่น ๆ ที่อาจมีความเสี่ยงที่จะถูกคว่ำบาตร หากมีส่วนร่วมในธุรกรรมหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่อยู่ในแบล็กลิสต์

มาดูกันว่า สำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศ กระทรวงการคลัง สหรัฐฯ ขึ้นแบล็กลิสต์ใครบ้างในครั้งนี้

 ฝั่งเมียวดีนั้น สหรัฐฯ พุ่งเป้าไปยังกองกำลัง KNA รวมถึง พ.อ.ชิต ตู ในฐานะผู้นำกองกำลังฯ และลูกชายของเขาอีกสองคน คือ ซอ ทู เอ มู และ ซอ ชิต ชิต ถือเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ เนื่องจากเอื้ออำนวยความสะดวกให้สแกมเมอร์หลอกลวงทางไซเบอร์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อพลเมืองสหรัฐฯ รวมทั้งการค้ามนุษย์ข้ามพรมแดน

เมืองชเวโก๊กโก่ มีนายเฉอ จื้อเจียง นักธุรกิจชาวจีนสัญชาติกัมพูชา จากกลุ่มทุนยาไท่ อินเตอร์เนชันแนล โฮลดิ้ง กรุ๊ป หรือ Yatai IHG เป็นผู้ลงทุนสร้างเมืองบนพื้นที่ที่ควบคุมโดยกองกำลัง KNA จนกลายเป็นศูนย์กลางการหลอกลวงไซเบอร์ผู้คนทั่วโลก รวมทั้งยังเป็นแหล่งค้ายาเสพติด การพนัน การค้าประเวณี  

OFAC ยังระบุว่า พ.อ.ชิต ตู มอบหมายให้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไว้วางใจได้ คือ พ.อ.เต่ง วิน และ ซอ มิน มิน อู ควบคุมและดูแลอสังหาริมทรัพย์ ให้บริการรักษาความปลอดภัย และการไหลเวียนของเงินที่ผิดกฎหมาย

สำหรับ พ.อ.เต่ง วิน เป็นเจ้าของ บริษัท SMTY จำกัด ผู้เคยรับสัมปทานลงนามซื้อขายไฟฟ้าจากไทยผ่านการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) โดยขณะนี้ทางไทยระงับการจ่ายไฟให้กับบริษัทนี้แล้ว

ซอ มิน มิน อู อดีตพันเอกใน KNA เป็นผู้บริหารและจัดการบริษัทในเครือ KNA หลายแห่ง ดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท ชิต ลินน์ เมียง จำกัด (Chit Linn Myaing Co. - CLM Co.), ชิต ลินน์ เมียง โตโยต้า จำกัด (Chit Linn Myaing Toyota Company Limited),ชิต ลินน์ เมียง ไมนิ่ง แอนด์ อินดัสทรี จำกัด (Chit Linn Myaing Mining & Industry Company Limited) และ เมียนมา ยาไท่ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง กรุ๊ป จำกัด (Myanmar Yatai International Holding Group Co., Ltd)

ด้านนายเฉอ จื้อเจียง ผู้ลงทุนหลักและหนึ่งในผู้ก่อตั้งเมืองชเวโก๊กโกร่วมกับเครือข่ายนายทหาร KNA และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของเมืองใหม่ยาไท่ เขาถือสัญชาติเมียนมาและกัมพูชา ดำเนินธุรกิจมาหลายปี ก่อนถูกจับกุมในไทยเมื่อเดือนสิงหาคม 2565 ปัจจุบันถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ฐานฉ้อโกงและหลอกลวงออนไลน์ชาวจีน มูลค่าหลายพันล้านบาท ตามหมายจับของตำรวจสากล รัฐบาลจีนยื่นคำร้องขอส่งตัวนายเฉอไปดำเนินคดีที่จีนในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน ในข้อหาเปิดบ่อนการพนันที่ผิดกฎหมาย ศาลอาญามีคำสั่งให้ส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน แต่นายเฉอ ยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว ปัจจุบันคดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์

พ.อ.ชิต ตู ผู้นำกองทัพแห่งชาติกระเหรี่ยง (KNA)

 นายเฉอ จื้อเจียง นักธุรกิจชาวจีนสัญชาติกัมพูชา จากกลุ่มทุนยาไท่ อินเตอร์เนชันแนล โฮลดิ้ง กรุ๊ป หรือ Yatai IHG
สำหรับบริษัท เมียนมา ยาไท่ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง กรุ๊ป จำกัด ((Myanmar Yatai International Holding Group Co., Ltd) หรือ Myanmar Yatai เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง CLM Co. ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งของ KNA ถือหุ้นในสัดส่วน 30% และ บริษัท ยาไท่ อินเตอร์เนชันแนล โฮลดิ้ง กรุ๊ป หรือ บริษัท YATAI IHG ของนายเสอ จื้อเจียง ถือหุ้น 70% ซึ่งเป็นเจ้าของและแสวงหาผลกำไรจากย่านเมืองใหม่ยาไท่ โดยมีกรรมการผู้จัดการคือ ซอร์ มิน มิน อู

ก่อนหน้านี้ สำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรที่ส่งผลต่อ พ.อ.ชิต ตู และลูกชายทั้งสองไปแล้ว ส่วนการประกาศครั้งนี้เพื่อให้ครอบคลุมเครือข่ายอาชญกรรมไซเบอร์ข้ามชาติที่เกี่ยวพันกับกองกำลัง KNA มากขึ้น จึงเพิ่มรายชื่อในแบล็กลิสต์ ดังนี้

1.พ.อ. เต่ง วิน
2.ซอ มิน มิน อู
3.นายเฉอ จื้อเจียง
4.บริษัท ชิต ลินน์ เมียง จำกัด
5.บริษัท ชิต ลินน์ เมียง โตโยต้า คอมพานี จำกัด
6.บริษัท ชิต ลินน์ เมียง ไมนิ่ง แอนด์ อินดัสทรี คอมพานี จำกัด
7.บริษัท ชเว มยิ้น ตอง ยินน์ อินดัสทรี แอนด์ แมนูแฟคเจอริง จำกัด หรือ บริษัท SMTY
8.บริษัท ยาไท่ อินเตอร์เนชันแนล โฮลดิ้ง กรุ๊ป หรือ บริษัท YATAI IHG
และ 9.บริษัท เมียนมา ยาไท่ อินเตอร์เนชันแนล โฮลดิ้ง กรุ๊ป จำกัด

 เครือข่ายจีนเทา-คนใกล้ชิด ฮุน เซน ติดร่างแห 

ส่วนอีกฟากฝั่งคือประเทศกัมพูชานั้น กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า กลุ่มศูนย์หลอกลวงกัมพูชา ซึ่งหลายแห่งถูกสร้างขึ้นในรูปแบบกาสิโนโดยกลุ่มอาชญากรชาวจีน แต่ต่อมาได้กลายเป็นศูนย์กลางการหลอกลวงการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล เนื่องจากให้ผลกำไรมากกว่า

  กลุ่มอาคารรวมถึงกาสิโนและโรงแรมโกลเดน ซัน สกาย ที่ก่อเหตุหลอกลวงผ่านสกุลเงินดิจิทัลและกิจกรรมผิดกฎหมายอื่น ๆ โดยบางครั้งดำเนินการโดยเหยื่อที่มาจากการค้ามนุษย์ กาสิโนในกลุ่มอาคารเหล่านี้ยังฟอกเงินที่ได้จากกิจกรรมอาชญากรรมซึ่งเกิดขึ้นในกลุ่มอาคารใกล้เคียงกันด้วย 

บริษัทที ซี แคปปิตอล ก่อตั้งโดย  นายตง เล่อเฉิง  นักลงทุนในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งในเมืองสีหนุวิลล์ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับการเป็นทาสยุคใหม่และการหลอกลวงสกุลเงินดิจิทัล เขาเคยถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฟอกเงินในประเทศจีนเมื่อปี 2008 และเคยถูกสอบสวนในข้อหาติดสินบน รวมถึงการดำเนินธุรกิจการพนันออนไลน์ผิดกฎหมายที่มีการโฆษณาไปยังพลเมืองจีน ก่อนย้ายฐานมายังกัมพูชา

อีกบริษัทคือ เคบี โฮเทล จำกัด (KB Hotel Co. Ltd.) เป็นเจ้าของกลุ่มอาคารในเมืองสีหนุวิลล์ ซึ่งประกอบด้วย อาคารสำนักงาน โรงแรม และกาสิโน ซึ่งบังคับใช้แรงงานทาสเพื่อหลอกลวงให้ผู้คนมาลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล บริษัทนี้ มีนายซู ไอเมิน เขาเป็นชาวจีนที่ได้รับสัญชาติกัมพูชา โดยใช้ความสัมพันธ์กับบุคคลในแวดวงการเมืองของกัมพูชาเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบ เขายังเป็นเจ้าของบริษัท เคบีเอ็กซ์ อินเวสท์เมนต์ จำกัด (KBX Investment Co. Ltd.) ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในกัมพูชาด้วย

ก่อนที่นายซู ไอเมิน จะย้ายมากัมพูชา เขาเคยถูกตัดสินจำคุก 10 ปีในประเทศจีนเมื่อปี 2013 จากการดำเนินธุรกิจการพนันออนไลน์ผิดกฎหมายมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเคยถูกหมายแดงจากองค์การตำรวจสากล รวมถึงเป็นผู้ต้องหาคดีฟอกเงินจำนวน 46 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,518 ล้านบาท) ผ่านธนาคารในฮ่องกง

บริษัทเคบี โฮเทล มีคณะกรรมการบริษัทอีกคนหนึ่งที่ชื่อว่านายเฉิน อัล เหลิน ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นประธานบริษัท เฮง เฮ บาเวต พร็อพเพอร์ตี จำกัด (Heng He Bavet Property Co. Ltd)

บริษัทเฮง เฮ บาเวตฯ เป็นเจ้าของกาสิโนชื่อว่า เฮง เฮ และกลุ่มอาคารที่เกี่ยวข้องกันในเมืองบาเวต จังหวัดสวายเรียง บริษัทเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงให้ลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลและการบังคับใช้แรงงาน โดยล่อลวงคนจากสีหนุวิลล์ มาทำงานให้กับกลุ่มอาชญากรไซเบอร์ บริษัทนี้มีประธานบริษัทร่วมกันอีกคนหนึ่ง คือ นายสือ เหลียงเซิง ซึ่งดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท เอ็มดีเอส เฮง เฮ อินเวสท์เมนท์ จำกัด (MDS Heng He Investment Co. Ltd.) ด้วย

บริษัท เอ็มดีเอสฯ เป็นผู้พัฒนาโครงการศูนย์หลอกลวงสกุลเงินดิจิทัลขนาดใหญ่ใน จังหวัดโพธิสัตย์ ประเทศกัมพูชา และมีหุ้นส่วนชื่อว่านายตรี พรีบ (Try Pheap) มหาเศรษฐีชาวกัมพูชา ซึ่งเคยถูกสำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศของสหรัฐฯ คว่ำบาตรมาแล้ว จากข้อมูลองค์กรโกลบอล วิทเนส (Global Witness) ระบุว่าเขาเป็นสมาชิกพรรคประชาชนกัมพูชา และมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชา ในฐานะที่ปรึกษา

นอกจากนี้ นายเฉิน และ สือ ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ร่วมกันของธนาคารเอชเอช แบงก์ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินในกัมพูชาด้วย

สำหรับรายชื่อที่ถูกระบุมาตรการคว่ำบาตร จากประกาศของกระทรวงการคลัง สหรัฐฯ ในฝั่งของประเทศกัมพูชา มีทั้งหมด 10 รายชื่อ ประกอบด้วย

1.T C Capital Co. Ltd. – บริษัทเจ้าของ Golden Sun Sky Casino and Hotel ที่ใช้เป็นศูนย์สแกม
2.K B Hotel Co. Ltd. – เจ้าของโรงแรม-คาสิโน ที่ใช้แรงงานหลอกลวง
3.K B X Investment Co. Ltd. – บริษัทอสังหาริมทรัพย์ในเครือ K B Hotel ที่ใช้สำหรับกิจกรรมสแกม
4.Heng He Bavet Property Co. Ltd. – บริษัทเจ้าของ Heng He Casino และศูนย์สแกมใน Bavet
5.M D S Heng He Investment Co. Ltd. – ผู้พัฒนาศูนย์สแกมขนาดใหญ่ใน Pursat Province
6.HH Bank Cambodia plc – สถาบันการเงินที่ผู้ถูกคว่ำบาตรถือหุ้นใหญ่
7.Dong Lecheng (Dong) – นักลงทุนที่ก่อตั้ง T C Capital และมีประวัติการฟอกเงินในจีน
8.Xu Aimin (Xu) – ผู้ร่วมก่อตั้ง K B Hotel และมีประวัติถูกตัดสินโทษคดีพนันออนไลน์ให้เงินล้านในจีน
9.Chen Al Len (Chen) – กรรมการผู้บริหารของ Heng He Bavet และเจ้าของร่วม HH Bank
และ 10.Su Liangsheng (Su) – ผู้ร่วมกรรมการในบริษัท Heng He Bavet และเจ้าของร่วม HH Bank

ก่อนหน้านี้ สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ ออกรายงานเผยแพร่เมื่อเดือนเมษายน 2568 ระบุชัดเจนว่ากัมพูชาเป็นหนึ่งในศูนย์กลางขนาดใหญ่ของอาชญากรรมไซเบอร์และศูนย์หลอกลวงออนไลน์ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยกลุ่มฮุ่ยวัน (Huione Guarantee) หรือในชื่อใหม่ฮ่าวหวัง (Haowang) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในกรุงพนมเปญ และมีรายงานว่ามีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายทางอำนาจในกัมพูชา

บริษัทดังกล่าวได้ถูกสำนักงานเครือข่ายอาชญากรรมทางการเงินของกระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกา (Financial Crime Enforcement Network – FinCEN) ระบุว่า เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินระดับนานาชาติ และอาชญากรรมไซเบอร์ และเป็นศูนย์กลางการฟอกเงินของ Lazarus Group ซึ่งเป็นกลุ่มแฮ็กเกอร์ของเกาหลีเหนือ

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา FinCEN ได้ใช้มาตรา 311 ของ USA Partriot Act ประกาศให้กลุ่มฮุ่ยวัน เป็นสถาบันการเงินที่เสี่ยงต่อการฟอกเงินในระดับสูง และเสนอให้มีการตัดขาดการเข้าถึงระบบการเงินของสหรัฐอเมริกา โดยสำนักงานควบคุมสินทรัพย์ต่างประเทศ (Office of Foreign Assets Control : OFAC) ได้ขึ้นบัญชีดำ บุคคล และองค์กรที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มฮุ่ยวัน นั่นย่อมแสดงให้เห็นถึงภัยอันตรายจากการดำเนินการธุรกิจของกลุ่มนี้ว่าได้คุกคามต่อความมั่นคงในระดับภูมิภาค

กำแพงด้านตะวันออกของศูนย์สแกมเมอร์ในกรุงพนมเปญมีการต่อเติมให้สูงขึ้นและออกแบบให้ลาดเอียงเข้าด้านใน พร้อมติดลวดหนามที่ด้านในเพื่อป้องกันการปีนหลบหนี (ภาพ : แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล)

New York Times ระบุว่าบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง “กลุ่มฮุ่ยวัน” คือ นายฮุนโต หลานชายฮุน เซน

ลี ยง พัด คนสนิทสมเด็จฮุน เซน
 New York Times ระบุว่าบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง “กลุ่มฮุ่ยวัน” คือ นายฮุนโต หลานชายของฮุน เซน 

นอกจากกลุ่มฮุ่ยวัน แล้ว ยังปรากฏว่าสำนักควบคุมสินทรัพย์ต่างประเทศ กระทรวงการคลัง สหรัฐอเมริกา ได้ออกมาตรการเมื่อเดือนกันยายน 2567 คว่ำบาตรนักธุรกิจรายสำคัญที่มีสายสัมพันธ์ทางการเมืองแข็งแกร่งของกัมพูชาคือ ลี ยง พัด คนสนิทสมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประธานวุฒิสภากัมพูชา และกลุ่มธุรกิจ LYP Group ของเขา เพราะเหตุแห่งการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการบังคับและซื้อขายบุคคลเพื่อทำงานให้กับธุรกิจคอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรรมทางไซเบอร์อื่น ๆ

ทางด้าน สม รังสี อดีตผู้นำพรรคฝ่ายค้านกัมพูชา โพสต์แสดงความยินดีกับข่าวสหรัฐฯออกมาตรการคว่ำบาตรเครือข่ายหลอกลวงทางออนไลน์ในกัมพูชา และหวังว่าอเมริกาจะกำจัดอาชญากร “ตระกูลฮุน” ที่เขากล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังอาชญากรรมดังกล่าว

“นี่เป็นข่าวร้ายอีกหนึ่งข่าวสําหรับฮุน เซน แต่เป็นข่าวดีสําหรับชาวเขมรทุกคน เพราะเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าอเมริกาจะกําจัดพวกมาเฟียและอาชญากรฮุนที่อยู่เบื้องหลังอาชญากรรมข้ามพรมแดน” สม รังสี ระบุ

การฟาดซ้ำของทางการสหรัฐฯ เกิดขึ้นหลังจากทางการจีนปฏิบัติไล่ล่าแก๊งสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ ในเมืองเมียวดี เมียนมา เมื่อต้นปี 2568 ที่ผ่านมา ขณะที่ก่อนหน้านี้ จีนเข้ากวาดล้างเครือข่ายสแกมเมอร์ของกลุ่มทุนจีนเทาที่สีหนุวิลล์ มาแล้ว กระทั่งทำให้ทุนจีนเทาย้ายฐานไปยังเมียวดีก่อนที่เจอลุยล้างบางซ้ำ

เครือข่ายสแกมเมอร์ที่มีฐานใหญ่ในประเทศกัมพูชา สร้างความเสียหายให้กับเหยื่อเป็นวงกว้าง เป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยกมากล่าวอ้างว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้กัมพูชาไม่พอใจไทยที่ขอให้ปราบแก๊งสแกมเมอร์ กระทั่งมีปัญหาความขัดแย้งลุกลามบานปลายตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

ไม่ว่าการขอให้กัมพูชาปราบแก๊งสแกมเมอร์ หรือการผลักดันร่างกฎหมายกาสิโนของพรรคเพื่อไทย หรือการพยายามเข้าซื้อหุ้นบางจากของ “นอมินีทักษิณ” แล้วจะโอนให้ “ฮุน เซน” ในภายหลังกลายเป็นดีลล่ม จะเป็นชนวนเหตุแห่งความแตกหักของเพื่อนรัก “ทักษิณ-ฮุน เซน” หรือไม่ อย่างไร แต่ถึงที่สุดแล้วเมื่อสหรัฐฯ ลงดาบปราบแก๊งสแกมเมอร์ในเมียนมา - กัมพูชา ก็ปรากฏว่า การเจรจาในที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา หรือ GBC สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ทางกัมพูชาก็ยอมรับข้อเรียกร้องของไทยที่ให้กัมพูชา เร่งปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ หลังจากที่อิดเอื้อนมาตลอด

 นับเป็นไฟว์บังคับที่กัมพูชาไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะโลกรุมล้อมทุกทิศ และย่อมสะเทือนฐานอำนาจและเครือข่ายธุรกิจ “ตระกูลฮุน” และพวกพ้องบริวาร อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง 


กำลังโหลดความคิดเห็น