xs
xsm
sm
md
lg

นักฆ่าจอมโหด-จากแม่น้ำถึงทะเล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร


ศ.เจฟฟรีย์ แซคส์ แห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย
วลีที่ผู้สนับสนุนการเกิดรัฐปาเลสไตน์ให้ได้ในไม่ช้า รวมทั้งผู้คนที่ชาวยิวและผู้เห็นอกเห็นใจชาวปาเลสไตน์ที่ฉนวนกาซาที่กำลังถูกสังหารหมู่แบบฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ได้ร้องตะโกนบอกสิทธิอันพึงมีพึงได้ของชาวปาเลสไตน์ในดินแดน…ตั้งแต่แม่น้ำจอร์แดนจนมาจรดถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน...วลีนั้นคือ “From the River to the Sea” เพราะเป็นดินแดนที่ชาวปาเลสไตน์ได้ปักหลักตั้งบ้านเรือนมาเป็นพันปี ภายใต้อาณาจักรออตโตมัน...และถูกองค์การสหประชาชาติลงมติในปี 1948 จัดดินแดนส่วนเล็กๆ เป็นพื้นที่ตั้งของประเทศอิสราเอล

ปรากฏว่า ในการชุมนุมเดินขบวนต่อต้านการกระทำอันโหดเหี้ยมป่าเถื่อนของ ครม.อิสราเอลภายใต้นายกฯ เนทันยาฮู (ตั้งแต่ 8 ตุลาคม 2023) ไม่ว่าจะเป็นที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย, ฮาร์วาร์ด, NYU, Yale, Brown และอีกหลายๆ แคมปัสทั้งที่สหรัฐฯ และยุโรป...ที่หลายแคมปัสชั้นนำเช่นที่ฮาร์วาร์ดและโคลัมเบีย...วลีนี้จะถูกห้ามใช้ในการชุมนุม โดยถูกจัดว่าเป็นวลีที่ต่อต้านการดำรงอยู่ของชาวยิว (anti-semitic) ซึ่งรวมถึงศาสนายิวและวัฒนธรรมยิวด้วย...ถึงกับมีการจับกุมผู้ปราศรัยโดยเน้นวลีนี้...โดยจะถูกจับในฐานะผิดกฎหมายในการต้องการล้มล้างรัฐอิสราเอลด้วยซ้ำ

แต่ล่าสุด ศาสตราจารย์คนดังแห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่มีชื่อเสียงด้วย รวมทั้งเป็นผู้นับถือศาสนายิวสืบต่อกันมาจากบรรพบุรุษเป็นเวลานาน ได้ออกมาแถลงและรณรงค์ต่อต้านปฏิบัติการโหดเลวทรามต่ำช้าของนายกฯ เนทันยาฮูแห่งอิสราเอล รวมทั้งครม.ของเขา ที่กำลังทำตัวเหมือนเผด็จการชั่วช้าฮิตเลอร์...ที่ทำกับชาวปาเลสไตน์เจ้าของผืนแผ่นดิน ทั้งที่กาซา, เยรูซาเลม และดินแดนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน...โดยจงใจไม่เปิดทางให้นำอาหาร, น้ำดื่ม, ยา, ไฟฟ้า ให้เข้าไปช่วยชาวปาเลสไตน์ที่กำลังอดอาหารตาย

ศ.เจฟฟรีย์ แซคส์ ชี้ว่า การกระทำของเนทันยาฮูนี้เป็นเยี่ยงเดียวกับที่ฮิตเลอร์ทำกับชาวยิวในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง โดยต้องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งก็ใช้ห้องอบแก๊สเพื่อฆ่าชาวยิวตายเป็นล้านๆ คน และก่อนจะถึงเตาแก๊สพวกชาวยิวจะถูกหลอกกวาดต้อนให้ขึ้นรถไฟสายมรณะจาก Ghetto ที่โปแลนด์ (Ghetto เป็นบริเวณที่คนนับถือยิวทั้งในเยอรมนีและประเทศใกล้เคียง ถูกลากตัวออกมาจากบ้านเรือนที่อยู่อาศัย เพียงเพราะเขานับถือศาสนายิว...แล้วบังคับให้มาอยู่อย่างเบียดเสียดยัดเยียดในที่อยู่แคบๆ ในที่สกปรก...ไม่มีอาหาร, น้ำ, ยาพอเพียง-เพื่อรอขึ้นรถไฟไปเข้าเตาแก๊ส) โดยโกหกว่า จะเดินทางไปยังที่ที่มีอาหารรับประทานดีกว่าที่ Ghetto

ขณะนี้ เนทันยาฮูยอมเปิดให้รถบรรทุกนำอาหารเข้าไปแจกจ่าย หลังจากปิดกั้นอยู่ 100 วัน (จาก 1 เมษายน-กรกฎาคม) โดยเปลี่ยนจากองค์การ UNRWA ของสหประชาชาติ ที่เคยตั้งจุดแจกอาหารอยู่ 400 จุด ให้เหลือเพียง 4 จุด และเปลี่ยนมาเป็นองค์กรที่ IDF เป็นผู้จัดการ…ที่โหดเหี้ยมสุดๆ คือ ชาวปาเลสไตน์ที่อดอยากหิวโหย (ตายจากอดอาหารและน้ำวันละเกือบ 100 คน...ไม่นับรวมเจ้าหน้าที่ของยูเอ็น และองค์กรช่วยเหลือที่ถูกตัดตอนจากอาหารด้วย และนักข่าวก็อดอยากไม่มีอาหารรับประทานด้วย!!) ต้องเดินทางมาเป็นหลายกิโล เพื่อมาเข้าแถวรอรับแจกอาหาร (ที่มีอยู่น้อยนิด-รถบรรทุกที่รออยู่ที่ด่านราฟาห์มีถึง 4-5 พันคัน จะถูกกักไว้ที่หน้าด่าน-ไม่ให้เดินทางเข้ามา เพราะมีการจำกัดรถให้เข้าได้วันละ 20-30 คันเท่านั้น ทั้งๆ ที่ก่อน 7 ตุลาคม IDF เคยเปิดอนุญาตให้เข้าได้วันละ 600-800 คัน) จะถูกทหาร IDF กราดยิงอย่างสนุกสนานเป็นแบบตั้งใจยิงผู้คนที่หิวโหยอ่อนแรงนี้ให้ตายไป บางวันเกิน 100 คน ที่กำลังยืนรอคิวรับแจกอาหาร…เสมือนหนึ่งเป็นแผนแยบยลที่ต้องการฆ่าชาวปาเลสไตน์ให้มากที่สุด โดยเป็นการสร้างกับดักใช้อาหารเป็นตัวล่อ เพื่อยิงพวกเขาให้ตายให้มากที่สุด ทั้งๆ ที่พวกเขาเป็นพลเรือน...โดยแก้ตัวว่า IDF รู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่อฝูงคนหิวโหยเดินใกล้เข้ามา

เมื่อวานนี้ IDF ได้ยิงอย่างล็อกเป้าไปสังหารนักข่าวของสำนักข่าวอัลจาซีรา นักข่าวคนนี้มีผลงานที่มีชื่อเสียงในการรายงานข่าว โดยกล่าวหาอย่างเลื่อนลอยว่า เขาเป็นสมาชิกของฮามาส ซึ่งด้านสมาคมผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน, รวมทั้งองค์กร Amnesty International และ Human Rights Watch (ที่ผู้ก่อตั้งก็เป็นคนยิวด้วย) ได้ออกมาประณามการกระทำของ IDF โดยเฉพาะนายกฯ เนทันยาฮู

ขณะนี้นอกจาก 28 ประเทศ นำโดยฝรั่งเศส, อังกฤษ หลายประเทศในยุโรปเช่น สเปน, โปรตุเกส, สวีเดน, เดนมาร์ก รวมทั้งเยอรมนี, ญี่ปุ่น ได้ออกประณามการฆ่าชาวปาเลสไตน์โดยใช้ความอดอยากเป็นอาวุธ

ยังมีปฏิกิริยาที่เริ่มเข้มข้นขึ้นต่อการคว่ำบาตรต่อรัฐบาลเนทันยาฮู เช่น โคลัมเบียห้ามขายถ่านหินให้รัฐบาลอิสราเอล รัฐบาลเยอรมนีที่เคยเป็นน้ำหนึ่งกับรัฐบาลเนทันยาฮู (เพื่อล้างบาปในกรณีที่ฮิตเลอร์ได้ทำกับชาวยิว) โดยส่งทั้งความช่วยเหลือเป็นเงินทองและอาวุธมาให้แก่อิสราเอล เพื่อไว้ปกป้องจากการถูกรังแกจากเพื่อนบ้านอาหรับ-ล่าสุดเมื่อทนไม่ไหวต่อภาพเด็กๆ และผู้หญิงชาวปาเลสไตน์ต้องตายเพราะอดอาหาร-สั่งระงับการขายอาวุธให้แก่อิสราเอลเพื่อกดดันให้เนทันยาฮูต้องจัดส่งอาหารให้แก่ชาวปาเลสไตน์ให้พอเพียง


รวมทั้งรัฐบาลอังกฤษและฝรั่งเศสก็ระงับการขายอาวุธให้รัฐบาลอิสราเอลด้วยเช่นกัน

ฝรั่งเศสยังได้ประกาศจะรับรองรัฐปาเลสไตน์ในการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติในเดือนกันยายนนี้ หลังจากได้ร่วมกับสหรัฐฯ และอังกฤษ (ในคณะมนตรีความมั่นคงประเภท “ถาวร”) ในการไม่ยกมือสนับสนุนให้มีรัฐปาเลสไตน์มาตลอด

รวมทั้งอังกฤษก็ได้ประกาศจะยกมือให้แก่รัฐปาเลสไตน์ใน UNGA ในกันยายนนี้ แม้จะมีเงื่อนไขอยู่บ้างว่า ถ้าเนทันยาฮูยอมให้อาหารและยาเข้ามาเลี้ยงชีวิตชาวปาเลสไตน์เพิ่มขึ้น ก็อาจยังไม่ยกมือให้เกิดรัฐปาเลสไตน์ขึ้นก็ได้

ประเทศยุโรปแทบทั้งหมดและแคนาดาก็สนับสนุนจะยกมือให้เช่นกัน รวมทั้งออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ด้วย

ใน UNSC ก็จะมีแต่สหรัฐฯ เป็นหัวเดียวกระเทียมลีบ ที่ยังยืนหยัดสุดลิ่มทิ่มประตูเคียงข้างเนทันยาฮูอย่างเดิม (แม้ทรัมป์จะต้องจำยอมต่อภาพการอดอาหารของเด็กๆ และคนชรา, ผู้หญิง รวมทั้งผู้ชายชาวปาเลสไตน์ที่กำลังทยอยล้มตายจากการอดอาหาร, น้ำ-และยารักษาโรค-โดยทรัมป์ออกมาเปรยด้วยว่า มีคนอดอยากหิวโหยอยู่ในกาซาจริง-แต่เนทันยาฮูปฏิเสธสิ้นเชิงว่าไม่มี

ล่าสุด เนทันยาฮูประกาศจะเข้ายึด (ภาคพื้นดิน) กาซาทั้งหมด โดยจะตามล่าฮามาสให้สิ้นซาก ทั้งๆ ที่ญาติๆ ตัวประกันออกมาเดินขบวนต่อต้าน เพราะกลัวตัวประกันจะตายด้วย-รวมทั้งผบ.สส.ก็ออกมาเตือนว่า จะเข้าไปติดกับดักฮามาสและตัวประกันจะไม่มีทางรอด

ทั้งเลขายูเอ็นและองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างๆ ทั่วโลกออกมาคัดค้านการกระทำของเนทันยาฮูผู้ที่จะบุกเข้ายึดครองกาซาอย่างโหดเหี้ยมในเร็วๆ นี้

ศ.แซคส์ ชี้ว่า ในธรรมนูญของพรรค Likud ที่เนทันยาฮูร่วมก่อตั้งเมื่อ 50 ปีมาแล้ว (เมื่อ 1977) มีระบุไว้เลยว่า ประเทศอิสราเอลจะต้องยึดครองดินแดน From the River to the Sea คือตั้งแต่แม่น้ำจอร์แดนจนถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งจะประกอบด้วยดินแดนรามาล่าห์, เยรูซาเลม และกาซา เป็นผืนใหญ่ผืนเดียวที่จะเป็นประเทศอิสราเอล...โดยจะไม่มีที่อยู่ให้แก่ชาวปาเลสไตน์ (เจ้าของแผ่นดินมาเป็นพันๆ ปี) แต่อย่างใด

นี่คือ เหตุผลว่า เนทันยาฮูจึงเป็นนักฆ่าโหดที่ต่ำช้ามาถึง 50 ปี ก็เพราะเขาไม่ต้องการให้มีรัฐปาเลสไตน์หลงเหลืออยู่แม้แต่น้อยนิด


กำลังโหลดความคิดเห็น