xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

สดุดีทหารแนวหน้าปกป้องอธิปไตย “ยอมแลก” เพื่อ “ชาติ ศาสน์ กษัตริย์”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ทหารไทยตลอดจนนักรบหน้าแนวหน้าถูกส่งไปอยู่ตามจุดต่างๆ ตลอดแนวชายแดนเพื่อปกป้องอธิปไตย ทั้งจากกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศรวมถึงตำรวจตะเวนชายแดน(ตชด.) ซึ่งทุกคนก็ได้สร้างวีรกรรมเพื่อรักษาอธิปไตยแห่งราชอาณาจักรไทยอย่างสุดความสามารถ

จากเหตุการณ์ดังกล่าว กองทัพบกรายงานกำลังพลเสียชีวิตจากการสู้รบไทย-กัมพูชาจำนวน 15 นาย (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2568) นอกจากนี้ กำลังพลบาดเจ็บอีก 175 นาย รวมทั้งสิ้น 190 นาย

กำลังพลที่สูญเสียไป 15 นาย ประกอบด้วย 1.พลทหารวรัญชิต ยวงสุวรรณ 2.จ.ส.อ. ธวัชชัย บุสภา 3.ส.อ.จิรายุ สิงห์อ้น 4.ส.อ.นพดล บุญเลิศ 5.ส.อ.กฤษฎา น้อยโคตร 6.ส.ท.ศราวุฒิ นามสวัสดิ์ 7.ส.อ.จิรายุส อินทุมาน 8.พลทหารณาณพัฒน์ โคตรสาขา 9.ส.อ.อัมรินทร์ ผาสุข 10.พลทหารสิรวิชญ์ ภิญโญสุข 11.จ.ส.อ.อโณทัย ป้องแก้ว 12.จ.ส.อ.ธีระยุทธ สีจุ้ยจ้าย 13.จ.ส.อ.อภิรมย์ ทรงพุฒิ 14.พลทหาร ธีรยุทธ กระจ่างทอง และ 15.ส.ท.ต่อพงษ์ พันดวง

ทั้งนี้ การเยียวยาทหารผ่านศึกและครอบครัวทหารผู้สละชีวิตในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทบ. ได้ดำเนินการดูแลสิทธิและสวัสดิการแก่ครอบครัวและทายาทของทหารกล้า เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติแห่งความเสียสละ

น.ส.สุพรรณษา กองราชา แม่ของพลทหารสิรวิชญ์ ภิญโญสุข หรือ “พลทหารเต๊ะ” พลกระสุนหมู่ปืนกล ร้อย ร.8022 พัน ร.802 ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุปะทะระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจที่ลูกชายได้ทำหน้าที่เพื่อปกป้องประเทศชาติ และจากไปอย่างสมเกียรติ

นายนิรันดร์ สีจุ้ยจ้าย พี่ชายของ จ.ส.อ.ธีระยุทธ สีจุ้ยจ้าย กล่าวว่า น้องชายเพื่อนๆ ทหารจะเรียกว่า จ่าจุ้ย อายุ 39 ปี แต่งงานกับภรรยา มีลูก 2 คน คนโ เป็นผู้หญิงอายุ 13 ปี คนเล็กเป็นผู้ชาย อายุ 8 ขวบ น้องเป็นทหารเกณฑ์พอครบปลดประจำการก็ได้สอบนายสิบ เป็นทหารต่อ ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของครอบครัวเป็นอย่างมาก

กล่าวสำหรับทหารแนวหน้าในพื้นที่รบชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ได้สร้างตำนานกล่าวขานมากที่สุดก็คือ  “กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 รอ.) ” ที่นำกำลังพลปะทะกับทหารกัมพูชาที่ปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์

ท่ามกลางสถานการณ์การปะทะดุเดือด “ทหาร ร.31 รอ.” แสดงความกล้าหาญลุกออกจากบังเกอร์ ฝ่าดงกระสุน ประจันหน้ากับผู้รุกราน เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยแบบถวายชีวิต โดย “เพจข่าวทหาร” เปิดเผยวีรกรรม “ทหาร ร.31” ยอมแลกก่อนถึงเส้นตายหยุดยิง ประจันหน้ากับผู้รุกราน เพื่อปกป้องผืนพื้นแผ่นดินไทย ตะโกนก้อง “กู ร.31 ขอแลก!” เป็นสัญญะแสดงจิตวิญญาณนักรบ แสดงความมุ่งมั่นในการปกป้องอธิปไตย

กระนั้นก็ดี ผลของการปะทะโดยมีเส้นตายจากข้อตกลงหยุดยิงในเวลา 24.00 น.ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ทำให้ “หมวดบุ๊ค-ร.ต.เกียรติวงศ์ สถาวร”  ต้องสูญเสียขาจากการนำหน้าผู้ใต้บังคับบัญชาบุกเข้าไปเพื่อยึดครองพื้นที่สำคัญทางยุทธศาสตร์ และถูกกับระเบิด

“ถ้าเราไม่เข้า ลูกน้องก็ไม่ตาม”นั่นคือคำกล่าวของหมวดบุ๊ค และได้รับคำชื่นชนในความกล้าหาญเป็นอย่างมาก

พ.อ. กิตติพงษ์ สัจจกุลนุกิจ ผู้อำนวยการกองจัดการเคลื่อนย้าย ศูนย์การเคลื่อนย้าย กองทัพบก ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงรุ่นน้องอย่างหมวดบุ๊คเอาไว้ว่า “...ใจน้องมันสุด ๆ จริง ๆ ..ผู้หมวดอนาคตไกล จบหลักสูตร Seal ด้วย ร.ต. เกียรติวงศ์ สถาวร หรือ หมวดบุ๊ค นักเรียนเตรียมทหารรุ่น 60 และ นักเรียนนายร้อย จปร.รุ่นที่ 71 นำชุดปฏิบัติการรบพิเศษเข้าเคลียร์พื้นที่ปราสาทตาควาย และกรุยทางให้ ร.31 รอ. บุกเข้ายึดพื้นที่ได้สำเร็จอย่างกล้าหาญ แม้ต้องสูญเสียขาขวา ที่พลาดเหยียบกับระเบิดของทหารกัมพูชาก็ตาม แต่ยังยิ้มได้”

ทั้งนี้ แม้ท้ายที่สุดจะมีคำยืนยันว่า กองทัพไทยไม่สามารถยึดครองพื้นที่ปราสาทตาควายได้ 100% เนื่องจากถึงเที่ยงคืนตามเวลาหยุดยิงก่อน และทหารกัมพูชามีการวางทุ่นระเบิด PMN-2 จำนวนมากรอบปราสาท แต่  “พลตรี วินธัย สุวารี”  โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่าสามารถควบคุมพื้นที่รอบปราสาทตาควายได้มากกว่าก่อนเกิดเหตุปะทะ โดยฝ่ายไทยควบคุมคนละด้านกันกับฝั่งกัมพูชา

ขณะที่กองทัพภาคที่ 2 แถลงว่า เนื่องจากมีการหยุดยิงก่อน จึงยังไม่สามารถยึดพื้นที่เนิน 350 ของปราสาทตาควายได้ บริเวณตัวปราสาทยังคงมีกำลังของทั้งสองฝ่ายอยู่ในพื้นที่ ควบคุมพื้นที่คนละด้านของโบราณสถานห่างกัน 50 เมตร

ไม่เพียงเท่านั้น เหตุปะทะรุนแรงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ชายแดนนับแสนคนใน 14 อำเภอ 4 จังหวัด ต้องอพยพเอาชีวิตรอด

โดยกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยรายงานจำนวนพลเรือนและโรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สู้รบระหว่างกองทัพไทย-กองทัพกัมพูชา ข้อมูล ล่าสุด ณ 29 ก.ค. 2568 มีพลเรือนเสียชีวิต 15 คน ได้รับบาดเจ็บรวม 38 คน แบ่งเป็นบาดเจ็บสาหัส 12 คน บาดเจ็บปานกลาง 13 คนและบาดเจ็บเล็กน้อย 13 คน รวมทั้งหมด 53 คน ขณะที่โรงพยาบาลได้รับผลกระทบ รวม 20 แห่ง ปิดบริการทั้งหมด รวม 13 แห่ง ปิดบางส่วน รวม 7 แห่ง ส่วนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) ได้รับผลกระทบรวม 175 แห่ง

สำหรับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังคงต้องติดตามใกล้ชิด หลังจากไทย-กัมพูชาบรรลุข้อตกลง “หยุดยิงทันที และไม่มีเงื่อนไข” โดยมีผลภายใน 24.00 น. ของคืนวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เนื่องเพราะแม้เป็นสัญญาณที่ดี แต่ทางฝ่ายกัมพูชาก็ยังคงละเมิดกติกาที่ตกลงร่วมกันและใช้อาวุธยิงเข้ามาในดินแดนของประเทศไทยอยู่เป็นระยะๆ


กำลังโหลดความคิดเห็น