xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

แรงงานกัมพูชาแห่กลับ สะเทือนธุรกิจไทย “เกษตร การ์เมนท์ พลาสติก อาหารแปรรูป” กระทบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -   ปัจจุบัน “แรงงานกัมพูชา” ที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานในไทยมีจำนวนประมาณ 5 แสนคน ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะในภาคส่วนที่ใช้แรงงานเข้มข้นและขาดแคลนแรงงานไทย ซึ่งหลังจากเกิดความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา แรงงานกัมพูชาส่วนหนึ่งได้ทยอยกลับประเทศ 

 นายเกรียงไกร เธียรนุกุล  
ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงกรณีที่กระทรวงแรงงานและการฝึกอาชีพของกัมพูชา (MLVT) เรียกร้องให้ผู้ซื้อและผู้บริโภคต่างชาติแบนสินค้า-บริการของไทย เนื่องจากแรงงานกัมพูชาในประเทศไทยถูกคุกคามเพิ่มขึ้นว่า เป็นการกระทำที่ต้องการบั่นทอนความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในสายตานานาชาติ ซึ่งเวลานี้กัมพูชาพยายามทำสงครามกับไทยทุกรูปแบบ ทั้งบนดินและใต้ดิน

นอกจากนี้ รัฐบาลกัมพูชายังมีการปล่อยข่าว หรือเฟกนิวส์ ให้แรงงานกัมพูชากลับประเทศ อ้างว่าอาจจะถูกทำร้าย เป็นการหวังผลทางการเมือง ซึ่งเวลานี้กลายเป็นการทำสงครามทางเศรษฐกิจไปแล้ว

ประธาน ส.อ.ท.ระบุว่า ช่วงเกิดการปะทะกันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา มีแรงงานกัมพูชาต้องการกลับประเทศประมาณกว่า 1 หมื่นคน จากที่ลงทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายประมาณ 5 แสนราย เมื่อรวมกับกลุ่มที่ลักลอบเข้ามาแบบไม่ถูกกฎหมายน่าจะมีอยู่ประมาณ 1 ล้านคน จำนวนแรงงานกัมพูชาที่กลับไปเรือนหมื่นส่งผลกระทบยังไม่มาก แต่เมื่อไหร่ก็ตามหากแรงงงานกัมพูชากลับประเทศหลักแสนราย จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น เช่น เกษตรทำสวนเก็บพืชผล ซึ่งมีการใช้แรงงานกัมพูชามากกว่า 1 แสนราย หรือกลุ่มการ์เมนท์ โรงงานพลาสติก โรงงานอาหารแปรรูป เป็นต้น

นอกจากนั้น ธุรกิจการก่อสร้างในไทย เป็นอีกภาคส่วนหนึ่งที่พึ่งพาแรงงานกัมพูชา หากแรงงานกัมพูชากลับประเทศ หลายไซส์งานจะขาดแคลนแรงงาน ทำให้การส่งมอบงานไม่ทันตามกำหนดและถูกปรับ

 นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กระทรวงแรงงาน อยู่ระหว่างการตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลการเดินทางกลับประเทศของแรงงานกัมพูชา ผ่านความร่วมมือกับกรมการจัดหางานและหน่วยงานความมั่นคง และสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดลงพื้นที่สื่อสารสร้างความเข้าใจกับนายจ้างและสถานประกอบการ พร้อมรับฟังผลกระทบ เพื่อเตรียมแนวทางรองรับแรงงานอย่างเหมาะสม หากแรงงานกัมพูชากลับประเทศจำนวนมาก จะพิจารณาจัดหาแรงงานสำรองจากประเทศอื่นที่มีความพร้อม และขณะนี้ยังมีแรงงานต่างด้าวที่รอการขึ้นทะเบียนอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งสามารถนำเข้าสู่ระบบงานได้ทันที

นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานยังติดตามประเมินผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมที่พึ่งพาแรงงานข้ามชาติ เช่น อาหารทะเล เกษตรกรรม และการผลิตภาคแปรรูป เพื่อวางแผนบรรเทาผลกระทบอย่างเป็นระบบ

 นายธนิต โสรัตน์  รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย กล่าวว่าแรงงานกัมพูชาที่มีอยู่ในไทยมากกว่า 8 แสนคน ทั้งที่ถูกกฎหมายและลักลอบเข้ามาทำงาน แรงงานเหล่านี้ส่งเงินกลับประเทศปี 4.8-5 หมื่นล้านบาท ถือว่าไม่น้อย โดยมาทำงานในงานที่แรงงานไทยไม่ทำ เช่น ก่อสร้าง ประมาณ 2 แสนคน รองลงไปคือ เกษตร ประมง แพปลา ปศุสัตว์

จากการตรวจสอบพบแรงงานกัมพูชาในภาคเกษตรทำสวนทุเรียนที่จันทบุรี เหตุที่กลับภูมิลำเนาส่วนหนึ่งทุเรียนเริ่มหมดฤดูกาล และเกรงกลัวจะถูกคนไทยรังแก เพราะมีข่าวจะเร่งไล่จับเลยรีบกลับประเทศ ส่วนที่ตราดเป็นกลุ่มประมง แพปลา เป็นแรงงานที่ลักลอบเข้ามาทำงาน

สำหรับแรงงานกัมพูชา ที่อยู่ในโรงงานรองเท้า เสื้อผ้า ประมงแปรรูป นายจ้างได้ดูแลไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกับแรงงานไทย

ในการกลับประเทศของแรงงานกัมพูชาตอนนี้ อยู่ในเกณฑ์หลักหมื่นหรือห้าหมื่น ซึ่งยังไม่มีผลกระทบ แต่ถ้ากัมพูชาเรียกแรงงานกลับหมด ไทยจะไม่มีแรงงานก่อสร้าง ทำให้การก่อสร้างมีราคาสูงขึ้นมาก และกว่าจะนำแรงงานจากชาติอื่น เช่น เมียนมาร์ มาทดแทนก็ต้องใช้เวลานานกว่าจะตรวจสอบ และพัฒนาทักษะการก่อสร้าง ก่ออิฐ โบกปูน กันเสียก่อน ไม่ใช่ว่าจะทำได้เลยทันที ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบอกว่าให้นำแรงงานเมียนมาร์ หรือบังคลาเทศเข้ามาทดแทนแรงงานกัมพูชา

“คนหลายแสนหายไปจากระบบ แน่นอนว่ากลุ่มแรงงานที่กลับไปก็ได้รับผลกระทบ แต่ที่กระทบมากคือไทย เพราะไม่มีคนผลิตของส่งออก คนยกของเพื่อส่งออก ส่วนใหญ่เป็นกัมพูชา ไทยกระทบเยอะมาก” รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย แสดงความกังวล และมองว่าการที่ไทยพึ่งพาแรงงานต่างชาติมากเกินไปถึง 4 ล้านกว่าคน จะมีผลกระทบหนักหากเกิดปัญหาขึ้นมา ดังนั้น ต้องลดการพึ่งพาลง ปรับเปลี่ยนการผลิตไปใช้เทคโนโลยี ใช้แรงงานคนน้อยลง ซึ่งจะทำให้ค่าจ้างสูงขึ้น

นอกจากนี้ การที่มีแรงงานต่างชาติถึง 4 ล้านคน ยังเป็นการค้ำค่าแรงขั้นต่ำให้ไม่สามารถปรับขึ้นได้ เพราะต้องปรับแรงงานทั้งฐาน แต่สินค้าที่ขายยังเหมือนเดิม อย่างการ์เม้นท์ ข้าว ยางพารา ทำให้ค่าจ้างถูกกด เพราะราคาขายถูก เศรษฐกิจถึงตกต่ำ

สำนักข่าวต่างประเทศอย่าง “รอยเตอร์” และ “เอเอฟพี” รายงานสถานการณ์ในค่ายผู้อพยพชั่วคราวแห่งหนึ่งในจังหวัดอุดรมีชัย ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกัมพูชา คุณพ่อลูกหนึ่งและครอบครัวใหญ่ของเขา เวลานี้เริ่มรู้สึกถึงผลกระทบจากความขัดแย้งตามแนวชายแดน 5 วันกับไทย ที่จบลงด้วยข้อตกลงหยุดยิงในวันจันทร์(29ก.ค.) ขณะที่เขาเป็นหนึ่งในแรงงานหลายคน ที่ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร

 Yen Luot  วัย 59 ปี พร้อมด้วยลูกๆ 4 คนและคู่สมรส ทิ้งงานในไทยและมุ่งหน้ากับสู่แผ่นดินเกิดกัมพูชาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางความกังวลว่าการสู้รบบริเวณชายแดนระหว่าง 2 ประเทศ จะลุกลามสู่การใช้ความรุนแรงกับพลเมืองกัมพูชา

“พวกเขาทั้งหมดทำงานอยู่ในไทย ก่อนการสู้รบปะทุขึ้น” เขาเล่าจากเตนท์ชั่วคราวที่เรียงแถวยาวเหยียดอยู่กลางทุ่งแห่งหนึ่ง

“ผมบอกพวกเขาว่าเราทุกคนต้องกลับบ้านเพราะการสู้รบระหว่าง 2 ประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เราถูกทำร้ายที่นี่(ในไทย)”

อย่างไรก็ตาม Luot ซึ่งทำงานเป็นคนงานก่อสร้างในไทยนานกว่า 15 ปี ยอมรับว่าเวลานี้เขากังวลกับอนาคตของครอบครัว เนื่องจากปัจจุบันเขาไม่มีทั้งงานและบ้าน แถมยังติดหนี้ธนาคารด้วย

“ถ้าสถานการณ์ดีขึ้น พวกเขาอาจเดินทางกลับไปทำงานในไทยหรือหางานทำในพนมเปญ” เขากล่าว “แต่ตอนนี้ เราไม่มีแม้กระทั่งเงินที่จะเดินทางไปพนมเปญ เพื่อหางานทำ”
ทั้งนี้ การเดินทางกลับประเทศของแรงงานกัมพูชาไม่เพียงส่งผลกับไทยเท่านั้น หากแต่กระทบกับกัมพูชาหนักหน่วยเช่นกัน เพราะต้องยอมรับว่า ด้วยสภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ย่ำแย่ ทำให้ไม่สามารถรองรับแรงงานที่เดินทางกลับประเทศไทย แถมค่าแรงในประเทศกัมพูชาเองก็น้อยกว่าค่าแรงในประเทศไทยค่อนข้างมาก

ดังนั้น คงต้องติดตามกันต่อไปว่า รัฐบาลฮุน มาเนตจะแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร โดยเฉพาะการสูญเสียรายได้จากแรงงานกัมพูชาที่ส่งกลับประเทศในแต่ละปีเป็นจำนวนมากอีกด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น