xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เที่ยวไทยคนละครึ่ง ค่าแรงคนละครึ่ง นับถอยหลังรัฐบาลคนละครึ่ง “เป็ดง่อย”สิ้นสภาพ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -   รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่บริหารประเทศมาได้แค่ครึ่งทาง ก็กลายเป็น “รัฐบาลเป็ดง่อย” เสียแล้ว ส่วนนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ที่หาเสียงเอาไว้ก็มีสภาพไม่แตกต่าง ทั้งขึ้นค่าแรง ทั้งแจกเงินหมื่นดิจิทัล อย่างล่าสุด “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ล่มตั้งแต่เริ่ม ดูทรงจะไปได้ไม่ถึงครึ่งทางเสียด้วยซ้ำ 

จากที่ทำท่าว่าจะคึกคัก ครึกครื้นกันใหญ่กับโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ปี 2568 เอาเข้าจริงวันดีเดย์ลงทะเบียน 1 กรกฎาคม 2568 กลับออกตัวจากจุดสตาร์ทได้ไม่สวย มีปัญหาอีรุงตุงนังราวกับว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ไม่เคยทำโครงการแบบนี้กันมาก่อน แถมตอนนี้โรงแรมที่พักหลายแห่งยังถอนตัวไม่เข้าร่วม หรือหยุดจองที่พักชั่วคราว รีรอดูท่าทีว่าจะร่วมหัวจมท้ายไปด้วยหรือไม่อีกต่างหาก จากสิทธิ์ที่เปิดให้ลงทะเบียนร่วม 5 แสนสิทธิ มีผู้เข้าร่วมเพียงหลักร้อยที่จองแล้วจ่ายจริง

โครงการไทยเที่ยวไทย เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน Amazing Thailand ด้วยโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรืออุปกรณ์ Tablet จองที่พักได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เวลา 08.00 น. จนถึงวันที่ 27 ตุลาคม 2568 หรือจนกว่าสิทธิ์จะหมด ผู้รับสิทธิ์ต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย มีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป โดยลงทะเบียนผ่าน 2 แอปพลิเคชันคู่กัน คือ Amazing Thailand และ Thai ID เพื่อยืนยันตัวตน

 ทันทีที่เปิดลงทะเบียนในช่วงเช้าของวันแรกเริ่ม มีคนลงทะเบียนพร้อมกันจำนวนมาก ระบบจึงติดขัดอยู่ที่ Thai ID กว่า 6 แสนคน โดยขึ้นข้อความ อาทิ “มีข้อผิดพลาด” “มีบางอย่างผิดพลาด” และให้ผู้ลงทะเบียนกดข้อความว่า “เข้าใจแล้ว” รวมทั้งคำชี้แจง “ขออภัยในความไม่สะดวก” “ขณะนี้มีผู้เข้าใช้งานจำนวนมาก ทำให้การเข้าถึงอาจล่าช้ากว่าปกติ” “ททท.เร่งดำเนินการเพื่อให้บริการกลับมาเป็นปกติโดยเร็ว” กระทั่งถึงช่วงบ่ายในวันเดียวกัน ระบบสามารถรันการลงทะเบียนต่อได้แต่ยังมีข้อติดขัด จนประชาชนบ่นกันระงมทั่วบ้านทั่วเมือง 

ขณะเดียวกัน TravelNews โพสต์ว่า กลุ่มนักเขียนโปรแกรมต่างตั้งกระทู้เม้นท์กันสนั่น เช่น “OTP หายไปในอากาศ” “กดลงทะเบียนแล้วเจอ Too many requests” หรือแม้แต่ “App ห่วยคนละครึ่ง!” ซึ่งโยงไปถึงกระบวนการพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้เกิดความกังวลว่าข้อมูลส่วนตัวของผู้ลงทะเบียนอาจรั่วไหล ทั้งชื่อ-นามสกุล, หมายเลขบัตรประชาชน, เบอร์โทรศัพท์, อีเมล ผู้ใช้งานบางคนถึงกับตั้งข้อสังเกตว่า “ดูทรงแล้วระบบไม่ได้ผ่านการทดสอบความปลอดภัยหรือ stress test ใด ๆ มาก่อนเลย”

 น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์  ผู้ว่าการการท่องเที่ยว แห่งประเทศไทย (ททท.) ให้คำอธิบายถึงปัญหาที่เกิดขึ้นว่า มีผู้ต้องการลงทะเบียนรับสิทธิจำนวนมาก จึงทำให้ระบบเกิดขัดข้องในลักษณะคอขวดที่แอปฯ Thai ID สำหรับยืนยันตัวตนเพื่อความปลอดภัยและป้องกันการทุจริต จึงมีการปรับลดขั้นตอนใหม่ ทำให้ประชาชนลงทะเบียนได้

ด้าน  น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์  ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ขยายความการลงทะเบียนเป็นลักษณะการจองสิทธิ เมื่อจองแล้วใครใช้สิทธิก่อน ชำระเงินก่อน ถึงจะได้รับสิทธินั้น กล่าวโดยสรุปคือ การลงทะเบียนลงได้ไม่จำกัดจำนวนคน แต่ละคนได้รับสิทธิสูงสุดไม่เกิน 5 สิทธิ และการใช้สิทธิ จำนวน 5 แสนสิทธินั้น เป็นระบบ first come first serve การใช้สิทธิจะสมบูรณ์ครบถ้วน ต่อเมื่อมีการชำระเงินโดยตรงกับทางโรงแรมครบถ้วนเรียบร้อยแล้วเท่านั้น

เงื่อนไขของโครงการ ผู้ลงทะเบียนได้รับสิทธิ 5 สิทธิต่อหนึ่งคน แบ่งเป็น สิทธิค่าที่พักในเมืองหลัก 3 สิทธิ และเมืองน่าเที่ยว 2 สิทธิ สำหรับพื้นที่เมืองหลัก วันธรรมดา (จันทร์-ศุกร์) รัฐบาลจะสนับสนุน 50% ของค่าที่พัก สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องหรือคืน วันหยุดและวันหยุดนักขัตฤกษ์ รัฐบาลจะสนับสนุน 40% ของค่าที่พัก สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องหรือคืน

กรณีใช้สิทธิ์ในพื้นที่เมืองน่าเที่ยว 55 จังหวัด รัฐบาลจะสนับสนุน 50% ของค่าที่พักสูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องหรือคืน ทั้งในวันธรรมดาและวันหยุด โดยค้นหาที่พักที่เข้าร่วมโครงการได้ผ่านแอปฯ Amazing Thailand ติดต่อจองที่พักโดยตรงกับผู้ประกอบการ พร้อมชำระเงินค่าที่พักภายใน 23.00 น. ของวันที่ทำการจองและแนบหลักฐานการชำระเงินบนระบบแอปพลิเคชัน Amazing Thailand เมื่อที่พักรับชำระเงินและแจ้งยืนยันการรับชำระในระบบแอป พลิเคชัน Amazing Thailand แล้วจึงถือว่าได้รับสิทธิ์ในการสนับสนุนค่าที่พักจนถึงเวลา 12.15 น.

 นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการการท่องเที่ยวและกีฬา ออกมาโอ่ว่า การที่ประชาชนเข้าลงทะเบียนจำนวนมาก สะท้อนถึงความต้องการท่องเที่ยว ซึ่งรัฐบาลจะพิจารณาเพิ่มสิทธิในโครงการนี้หากมีการใช้สิทธิครบจำนวนแล้ว

 ทว่า ตัวเลขที่ผู้ลงทะเบียนสำเร็จในวันแรกที่ว่าคึกคักอย่างยิ่งนั้น มีจำนวน 188,675 ราย และมีการจองที่พักและชำระเงินเพื่อใช้สิทธิแล้วเพียง 272 ราย โดยมีสิทธิคงเหลือจำนวนทั้งสิ้น 499,728 สิทธิ (ข้อมูล ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เวลา 20.00 น.) และเมื่อเวลา 06.30 น.วันที่ 2 กรกฎาคม 2568 เว็บไซต์เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 ได้อัพเดตยอดสิทธิคงเหลือทั้งหมด 498,041 สิทธิ แบ่งเป็นเมืองหลัก 22 จังหวัด จำนวน 298,891 สิทธิ และเมืองน่าเที่ยวหรือเมืองรอง 55 จังหวัด จำนวน 199,150 สิทธิ 




ดีเดย์เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน Amazing Thailand โครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ของรัฐบาลเพื่อไทยวันแรก  1 กรกฎาคม 2568 ก็เจอปัญหาสารพัด
ดังนั้น แม้ว่ารัฐบาลจะช่วยจ่ายครึ่ง แต่ผู้ลงทะเบียนและพร้อมจ่ายเงินเพื่อรับสิทธิจริงในวันแรกกลับมีจำนวนเพียงน้อยนิด

ไม่เพียงแต่ฝั่งของผู้ลงทะเบียนที่มีข้อติดขัด และตัดสินใจจ่ายเพื่อเที่ยวจริงในวันแรกแค่หลักร้อย ในฝั่งของผู้ประกอบการโรงแรมที่พัก ก็ลังเลเข้าร่วมโครงการจากหลายเหตุปัจจัย พร้อมกับประกาศหยุดรับจองสิทธิที่พักในโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งชั่วคราว

อาทิ โรงแรม อมารี หัวหิน แจ้งลูกค้าผ่านเพจเฟซบุ๊ก Amari Hua Hin ระบุว่า การจองห้องพัก ผ่านโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ขณะนี้ทางอมารีหัวหิน ไม่สามารถรับจองได้ชั่วคราว เนื่องจากเกิดปัญหาความไม่สอดคล้องของราคาระหว่างข้อมูลที่ทางโรงแรมได้แจ้งไปยังระบบโครงการกับราคาที่แสดงในระบบจริง โรงแรมจึงไม่สามารถรับจองผ่านโครงการฯได้ในตอนนี้ และจะอัพเดทข้อมูลให้ทราบทันทีเมื่อปัญหาได้รับการแก้ไขแล้ว

ส่วน ทอสกานา วัลเล่ เขาใหญ่ (Toscana Valley Khao Yai) แจ้งผ่านเพจเฟซบุ๊ก Toscana Valley ระบุว่า ขอปิดรับการจองสำหรับโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งชั่วคราว เนื่องจากระบบแอปฯ Amazing Thailand ฝั่งผู้ประกอบการไม่สามารถดำเนินการจนแล้วเสร็จได้ ทางโรงแรมจะเปิดรับการจองอีกครั้งเมื่อระบบสามารถดำเนินการได้อย่างปกติ

เช่นเดียวกันกับ โรงแรมเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ แจ้งผ่านเพจเฟซบุ๊ก Thames Valley Khao Yai Hotel ว่า กำลังอยู่ระหว่างรอพิจารณาในส่วนผู้ประกอบการจากทาง Amazing Thailand หากทางโรงแรมได้รับการยืนยันจากทางระบบแล้วจะรีบเปิดรับการจองทันที

กล่าวโดยสรุป ปัญหาในฝั่งผู้ประกอบการโรงแรมที่ไม่สามารถรับจองการใช้สิทธิในโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง มาจากหลายปัจจัย เช่น โรงแรมยังไม่ได้รับการอนุมัติจาก ททท. เพื่อเข้าร่วมโครงการ ข้อมูลไม่ตรงกันอย่างเช่นวันที่ลูกค้าจองกับวันที่โรงแรมได้การจองไม่ตรงกัน

นอกจากนั้น ยังมีปัญหาเรื่องราคาไม่ตรงกันระหว่างข้อมูลที่โรงแรมแจ้งไปยังระบบโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 กับราคาที่แสดงในระบบจริง รวมทั้งระบบที่ให้ลงทะเบียนมีแค่ราคาเดียวเหมารวมวันธรรมดากับวันศุกร์-เสาร์ และแก้ไม่ได้ โรงแรมจึงเลือกลงอัตราราคาค่าเข้าพักวันศุกร์-เสาร์ ทำให้ราคาเปรียบเทียบแพงกว่าการจองผ่าน OTA (Online Travel Agency) เป็นต้น

โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 จึงดูทรงจะสัมฤทธิ์ผลแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไม่ต่างไปจากคำมั่นสัญญาโครงการแจกเงินหมื่นดิจิทัล ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่วาดเป้าแจกกลุ่มเป้าหมายในตอนหาเสียงว่าจะเติมเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้กับประชาชนสัญชาติไทยทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ซึ่งมีประมาณ 54.8 ล้านคน เป็นการแจกครั้งเดียว เพื่อให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจแบบทอร์นาโด

แต่เอาเข้าจริงก็แจกขยักขย่อนและเป็นเพียงลมพัดแผ่ว แจกได้แค่ 2 เฟส คือกลุ่มเปราะบาง/พิการ จำนวน 14.5 ล้านคน และกลุ่มผู้สูงอายุอีก 4 ล้านคน ส่วนเฟส 3 กลุ่มวัยรุ่น 2.7 ล้านคน ก็ฝันค้าง รวมทั้งเฟสต่อ ๆ ไป เลื่อนไม่มีกำหนด โครงการแจกหมื่นดิจิทัลจึงหลุดเป้ากว่าครึ่งต่อครึ่ง โดยแจกจริงรวมกันทั้งสองเฟสแค่ 18.5 ล้านคนเท่านั้น

เช่นเดียวกันกับนโยบายปรับขึ้นค่าแรง ที่ก่อนหน้านี้ นางสาวแพทองทอง ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นำทีมโชว์วิสัยทัศน์รัฐบาลเพื่อไทยในปี 2570 เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2565 ขายฝันปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน และเงินเดือนผู้จบการศึกษาปริญญาตรี 25,000 บาท ว่า รัฐบาลเพื่อไทย คิดใหญ่ ทำเป็น และทำได้แน่

แต่ในทางความเป็นจริงจนบัดนี้ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ จะเอาให้ถึง 400 บาทต่อวัน ถ้วนหน้าทุกพื้นที่ก็ยังทำไม่ได้ อย่าไปฝันเงินเดือน 25,000 บาท สำหรับผู้จบการศึกษาปริญญาตรี เพราะปัจจุบันยังย่ำๆ อยู่ที่ 12,000 – 15,000 บาท เท่านั้น 

พรรคเพื่อไทยโฆษณาเรื่องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ซึ่งในความเป็นจริงทำได้แค่เพียงบางพื้นที่ ไม่ใช่ทั่วประเทศอย่างที่หาเสียงเอาไว้
สำหรับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบ ประกาศคณะกรรมการค่าจ้างเรื่องอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 14) ลงวันที่17 มิถุนายน 2568 เพื่อลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงแรงงาน ได้เสนอ โดยมีมติเห็นชอบในการกำหนดอัตราค่าจ้างใน 3 กลุ่ม ประกอบด้วย

1.ปรับอัตราค่าจ้างในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทุกพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็นอัตราวันละ 400 บาท 2.ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในกิจการประเภทโรงแรมตามกฎหมาย เฉพาะโรงแรมประเภท 2 ประเภท 3 และประเภท 4 ทั่วประเทศ เป็นอัตราวันละ 400 บาท และ 3.กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในประเภทกิจการสถานบันเทิง ตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการทั่วประเทศ เป็นอัตราวันละ 400 บาท

 นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์  ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำครั้งนี้ มีการหารือหลายรอบภายใต้กรอบของไตรภาคี ที่พิจารณาถึงสถานการณ์เศรษฐกิจ ค่าครองชีพ ขีดความสามารถของผู้ประกอบการ โดยเลือกเริ่มต้นจากภาคการท่องเที่ยวและบริการ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นน้อยที่สุด แต่สามารถขับเคลื่อนให้เกิดการจ้างงานที่มีคุณภาพ และคาดว่าจะมีแรงงานมากกว่า 700,000 คนที่จะได้รับประโยชน์จากการปรับขึ้นค่าจ้างในครั้งนี้

อย่างไรก็ดี การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำครั้งนี้ ถือเป็นการปรับขึ้นเฉพาะกลุ่ม ไม่ได้ 400 บาทต่อวันถ้วนหน้า ทุกอาชีพ ทุกพื้นที่แต่อย่างใด นับได้ว่ายังไปได้ไม่ถึงครึ่งทางจากที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ขายฝันเอาไว้

ไม่ต่างไปจากตัวเลขเป้าหมายการขยายอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย คุยเขื่องคำโตว่า มีเป้าหมายจะผลักดันให้จีดีพีของประเทศไทย เติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี ภายในปี 2570 ถึงเวลานี้ล่วงเข้าไตรมาส 3 ของปี 2568 แล้ว คาดการณ์จีดีพีของไทยมีแต่สาละวันเตี้ยลง

ล่าสุด เมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ธนาคารโลก ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจไทยปี 2568 ลงเหลือแค่ 1.8% จากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 2.9% สาเหตุหลักมาจากเศรษฐกิจโลกที่ได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนทั้งการค้า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างมากในหลายประเทศ โดยธนาคารโลกปรับลดคาดการณ์จีดีพีโลกในปี 2568 ลงเหลือ 2.3% ต่ำสุดในรอบ 17 ปี จากปัญหาสงครามการค้าและการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯกับประเทศคู่ค้า

ขณะเดียวกัน คณะกรรมร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจไทย ปี 2568 เหลือร้อยละ 1.5-2 หลังเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลง และความไม่แน่นอนเรื่องการเจรจาภาษีทรัมป์

 รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่มาได้ครึ่งทาง นโยบายต่าง ๆ ที่ขายฝันเอาไว้ก็ล้วนแล้วแต่ทำได้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ รอวันนับถอยหลังสิ้นสภาพในอีกไม่ช้า 


กำลังโหลดความคิดเห็น