xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

โกกั้ง (9) ความขัดแย้งภายในสกุลหยัง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


หยังเหวินปิ่ง (Yang Wenbing)
ในความเป็นไป
วรศักดิ์ มหัทธโนบล

กล่าวกันว่า การเป็นผู้นำของ หยังชุนหญง เป็นไปด้วยดี โดยในยุคของเขาได้มีการจัดแบ่งพื้นที่ของโกกั้งออกเป็นเขตย่อย แล้วให้ญาติพี่น้องของตนไปช่วยกันบริหาร ด้วยเหตุที่จัดการปกครองเช่นนี้ หยังชุนหญงจึงเท่ากับผ่อนภาระการปกครองของตนลงไปมาก

 จากเหตุนี้ ชาวโกกั้งจึงตั้งฉายาให้เขาว่า เจ้านายผู้เกียจคร้าน แต่กลับเรียกหยังกว๋อเจิ้งว่า ท่านผู้เฒ่า 

หยังชุนหญงเป็นผู้นำโกกั้งมาจนถึง ค.ศ.1928 ก็ป่วยจนสิ้นชีพ ผู้ที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำสืบต่อคือบุตรชายคนโตของเขาชื่อ  หยังเหวินปิ่ง (Yang Wenbing, 杨文炳) แต่เขาปกครองได้ไม่นานก็เกิดเรื่องขึ้น เมื่อเครือญาติสกุลหยังสองคนได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังเจ้าฟ้าแสนหวีว่า การปกครองของเขามีปัญหา

เมื่อได้รับหนังสือร้องเรียนเช่นนี้ เจ้าฟ้าแสนหวีที่ไม่เคยเข้าไปแทรกแซงการปกครองของโกกั้งนั้น จำต้องรับข้อร้องเรียนเอาไว้และเรียกให้หยังเหวินปิ่งมารายงานตัว ซึ่งเขาก็มิได้แข็งขืนแต่อย่างไร ด้วยรู้ดีว่าโกกั้งขึ้นต่อแสนหวีมาช้านานแล้ว เขาจึงเดินทางไปรายงานตัวด้วยดี โดยให้คนที่เขาไว้วางใจช่วยบริหารงานแทน
แต่ดังได้กล่าวไปแล้วว่า สาเหตุหนึ่งที่เจ้าฟ้าแสนหวีปล่อยให้โกกั้งได้ปกครองตนเองโดยอิสระนั้น ก็เพราะการเดินทางไปยังแสนหวีต้องใช้เวลาหลายวัน และหยังเหวินปิ่งต้องใช้เวลานานถึงสี่วันจึงจะไปถึงแสนหวี เมื่อไปถึงแล้วก็ขึ้นศาลประจำเมืองนี้เพื่อชี้แจงข้อกล่าวหา

จากคำบอกเล่าของชาวโกกั้งที่เล่าสืบต่อกันมานั้น มิได้แจ้งว่าอะไรคือข้อกล่าวหาที่มีต่อหยังเหวินปิ่ง เล่าเพียงว่า เมื่อเจ้าฟ้าแสนหวีได้ฟังคำชี้แจงของเขาแล้วก็ตัดสินว่าคำชี้แจงของเขาฟังไม่ขึ้น แล้วตั้งให้ผู้ร้องเรียนสกุลหยังสองคนนั้นรักษาการผู้นำโกกั้งแทน แต่เขาก็ยังคงอุทธรณ์ต่อไป แต่มิไยที่เขาจะร้องอุทธรณ์อย่างไรก็ไม่เป็นผล

จากเหตุนี้ หยังเหวินปิ่งจึงร้องอุทธรณ์ไปยังผู้แทนฝ่ายบริหารของอังกฤษประจำแสนหวีแทน และผู้แทนอังกฤษเห็นว่าข้ออุทธรณ์ของเขาฟังขึ้น จึงได้ส่งเรื่องไปถึงข้าหลวงของตนที่กรุงย่างกุ้ง เมื่อข้าหลวงใช้เวลาพิจารณาระยะหนึ่งแล้วก็ตัดสินให้หยังเหวินปิ่งเป็นผู้ชนะคดี

 หลังจากชนะคดีและกลับมายังดินแดนโกกั้งแล้ว หยังเหวินปิ่งได้จัดการการปกครองของโกกั้งขึ้นใหม่ โดยเขาได้ยกเลิกการให้เครือญาติสกุลหยังเป็นผู้ปกครองเมืองต่างๆ ของโกกั้ง ยกเลิกอภิสิทธิ์ที่คนในสกุลหยังเคยได้รับในฐานะชนชั้นปกครอง และหากถูกกล่าวหาในเรื่องใดก็ให้พิจารณาคดีดุจเดียวกับสามัญชนชาวโกกั้ง 

นอกจากนี้ หยังเหวินปิ่งยังได้รวบรวมดินแดนทั้งหมดของโกกั้งให้เป็นหนึ่งเดียว แล้วให้การบริหารทั้งหมดขึ้นต่อรัฐบาลกลางโกกั้งเท่านั้น โดยเขาให้เหตุผลว่า เพื่อความสะดวกในการให้การบริการชาวโกกั้ง

การจัดระบบการปกครองขึ้นใหม่ของหยังเหวินปิ่งดังกล่าว ได้สร้างความไม่พอใจแก่หยังชุนซือ (ไม่ทราบตัวเขียน) ซึ่งเป็นบุตรคนที่แปดของหยังกว๋อเจิ้ง หยังชุนซือจึงก่อความกระด้างกระเดื่องขึ้น หยังเหวินปิ่งจึงแจ้งให้ทางอังกฤษทราบถึงปัญหานี้ ทางอังกฤษจึงได้ส่งทหารมาจับกุมหยังชุนซือ แต่เขาไหวตัวทันแล้วหลบหนีการจับกุมเข้าไปยังเมืองเจิ้นคัง (镇康) ของมณฑลอวิ๋นหนัน

อนึ่ง เจิ้นคังเป็นเมืองที่อยู่ติดกับดินแดนโกกั้งทางด้านตะวันตก ทำให้ง่ายต่อการไปมาหาสู่ ปัจจุบันที่ฐานะเป็นอำเภอหนึ่งของอวิ๋นหนัน

อย่างไรก็ตาม หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นแล้ว หยังเหวินปิ่งก็ปกครองโกกั้งด้วยความสงบเรียบร้อย จนเป็นที่ยอมรับของชาวโกกั้งและทำให้อำนาจของสกุลหยังในสายของเขาแผ่ไพศาล แต่ก็ยังมิวายที่จะมีเครือญาติที่อิจฉาริษยาคอยให้ร้ายเขา และพยายามที่จะโค่นล้มเขาอยู่ตลอดเวลา

ตลอดการเป็นผู้นำนาน 20 ปีนั้น หยังเหวินปิ่งได้ขยายอำนาจของสกุลหยังออกไปจนกว้างไกล จนถึง ค.ศ.1941 บุตรชายคนที่สองของเขาชื่อ หยังเจิ้นไฉ (Yang Zhencai, 杨振材) ก็ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลอังกฤษให้เป็นตัวแทนผู้ตรวจการจากอินเดีย ซึ่งทำให้เห็นว่า คนในสกุลหยังได้รับการยอมรับจากอังกฤษเป็นอย่างสูง

จากนั้นโลกก็เข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ต่อมาจะได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่โกกั้งครั้งใหญ่

ในช่วงที่หยังเหวินปิ่งปกครองโกกั้งอยู่นั้น ได้มีคนสกุลหยังคนหนึ่งมีชื่อว่า  หยังเหวินไท่ (ไม่ทราบตัวเขียน) ซึ่งมีบ้านเดิมอยู่ตรงเชิงเขาด้านตะวันออก และเป็นคนในตระกูลผู้นำที่มีความกว้างขวาง เขาได้รับความไว้วางใจจากหวังเหวินปิ่ง แต่ก็มิได้คาดคิดว่าหยังเหวินไท่จะฉวยโอกาสก่อกบฏขึ้นในช่วงที่กองทัพญี่ปุ่นบุกโจมตีพม่าในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

ในช่วงนั้นกองกำลังญี่ปุ่นส่วนหนึ่งเคลื่อนเข้ามาใกล้โกกั้งใน ค.ศ.1942 เมื่อรู้ความแล้วหยังเหวินปิ่งจึงจัดตั้งกำลังพลอาสาสมัครขึ้นมาต่อต้านญี่ปุ่น ด้วยการคัดเลือกชายหนุ่มได้นับสิบคนมาเป็นทหาร โดยให้หยังเหวินไท่เป็นหัวหน้าในการฝึกอบรม และหยังเหวินไท่ได้ใช้เวลาสามเดือนในการฝึกอบรมจนสำเร็จใน ค.ศ.1943 จากนั้นก็ส่งทหารหนุ่มเหล่านี้ไปประจำที่ชายแดน

 แต่ความไว้วางใจของหยังเหวินปิ่งที่มีต่อหยังเหวินไท่นั้น เป็นไปโดยที่เขาไม่รู้ไม่เลยว่า หยังเหวินไท่นั้นมีความแค้นเคืองสกุลหยังในสายของเขามานานแล้ว และเมื่อหยังเหวินไท่มีโอกาสเข้ามาควบคุมกำลังพล เขาจึงใช้โอกาสนี้ซ่องสุมกองกำลังแล้วทำการยึดอำนาจจากหยังเหวินปิ่งในเดือนกันยายน ค.ศ.1943 .ในขณะที่อีกทางหนึ่งเขาก็ติดต่อกับทางจีนอย่างลับๆ เพื่อให้จีนช่วยส่งกองกำลังมาช่วย และทางจีนก็ตกลงที่จะช่วย 

 หยังเจิ้นไฉ (Yang Zhencai)
หยังเหวินไท่ได้ส่งกองกำลังเข้าปิดล้อมที่ทำการของผู้นำโกกั้งในท้องถิ่นต่างๆ ตอนเช้ามืดได้อย่างง่ายดาย และยังได้สังหารบุตรชายคนที่สี่ของหยังเหวินปิ่งอีกด้วย เล่ากันว่า ที่จริงแล้วหยังเหวินไท่ตั้งใจที่จะสังหารเครือญาติสกุลยังให้หมดสิ้น
แต่ในขณะที่บุกเข้าไปในตอนเช้ามืดนั้นก็ให้ปรากฏว่า นกเหยี่ยวที่คนสกุลหยังผู้หนึ่งเลี้ยงเอาไว้ได้ส่งเสียงร้องขึ้นมา จนทำให้เครือญาติสกุลหยังตกใจตื่นขึ้นมาโดยพลัน และพอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ต่างจึงพากันหลับหนีได้ทัน ส่วนหยังเหวินปิ่งพอรู้ตัวก็กระโดดข้ามกำแพงหนีออกไปจนขาข้างขวาได้รับบาดเจ็บ แต่โชคดีที่ได้บริวารที่จงรักภักดีเข้าช่วยเหลือหามตัวเขาหนีไปได้

ผลคือ หยังเหวินไท่ยึดอำนาจได้ ถึงแม้เขาจะรู้สึกเจ็บปวดที่ต้องมาเข่นฆ่าเครือญาติสกุลหยังด้วยกันเอง
 อย่างไรก็ตาม การยึดอำนาจครั้งนี้ทำให้ผู้นำโกกั้งระดับต่างๆ ต้องสูญเสียทรัพย์สินเงินทองไปกว่าหนึ่งล้านเหรียญรูปี ส่วนหยังเหวินปิ่งได้หลบหนีไปยังเจิ้นคัง แต่เมื่อไปถึงเขาก็ถูกทหารจีนที่ชายแดนจับกุมตัว จากนั้นก็ทำการสอบสวนจนรู้ความจริงว่า แท้ที่จริงการยึดอำนาจครั้งนี้มีที่มาจากความแค้นส่วนตัวของหยังเหวินไท่ หาใช่เรื่องอื่นใดเลย 


กำลังโหลดความคิดเห็น