xs
xsm
sm
md
lg

เป็นสงคราม 12 วัน หรือ Forever War?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร


อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน
แม้ว่า ปธน.ทรัมป์จะออกมา “หักดิบ” ให้เลิกทำสงครามกันระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการให้สมญาอย่างทรัมป์ ไม่รอรั้งรีบเรียกสงครามครั้งนี้ว่า “สงคราม 12 วัน”เพื่อให้หยุดยิงอย่างรวดเร็ว โดยชื่อที่เขารังสรรค์ขึ้นนี้ ก็เพื่อล้อไปกับสงคราม 6 วันเมื่อปี 1967 ระหว่างอิสราเอลกับเหล่าประเทศอาหรับ ซึ่งในครั้งนั้นแม้ทางอาหรับเริ่มก่อน แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อกองทัพอิสราเอล ที่วางแผนรีบโจมตีกองทัพอากาศของอียิปต์อย่างราบคาบก่อนที่เครื่องบินรบของอียิปต์จะบินไปทิ้งระเบิดที่อิสราเอลด้วยซ้ำ

นัยของชื่อนี้ก็คือ ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยกับเมื่อเกือบ 60 ปีที่แล้ว ที่อิสราเอลชนะและได้เขมือบดินแดนของเหล่าประเทศอาหรับไปหลายแห่ง ทั้งอียิปต์และที่ราบสูง (ข่ม) โกลันของประเทศซีเรียด้วย

การหักดิบของทรัมป์ซึ่งทำประหนึ่งว่าตนเป็นคนกลางที่มาห้ามทัพไม่ให้รบกันอีกต่อไป...อาจยังพอจะมีหวังได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพอยู่บ้าง...แต่หลักฐานมีอยู่เต็มที่ว่า ทรัมป์ก็เป็นคู่สงครามกับอิหร่านด้วย เรียกว่าเป็น 2 รุม 1 ในการกินโต๊ะอิหร่านทีเดียว

เหตุเพราะทรัมป์ขุดหลุมพรางหลอกอิหร่าน (และคนทั้งโลก) ว่า เขายังมีเวลาถึงสองอาทิตย์ในการพิจารณาเพื่อตัดสินใจว่าจะส่งกำลังไปร่วมกับอิสราเอลในการเข้าร่วมโจมตีห้องค้นคว้าทดลองนิวเคลียร์ (Nuclear facilities) ของอิหร่านหรือไม่

แต่ 30 ชั่วโมงให้หลังคำพูด (ไม้หลักปักเลน) ของทรัมป์ เขาก็สั่งเครื่องบินล่องหน B2 จำนวน 7 ลำ บรรจุระเบิดยักษ์ (MOP-Massive Ordnance Penetrators) หนักถึง 30,000 ปอนด์ บินยาวรวดเดียว 18 ชั่วโมง (เติมน้ำมันกลางอากาศ) ไปหยอดระเบิดนี้ถล่มห้องทดลองนิวเคลียร์ของอิหร่าน 3 แห่ง โดยระเบิดยักษ์นี้สามารถระเบิดเป็นหลุมลึกใต้ดินที่ลึกมาก และน่าจะทำลายโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านได้หมดสิ้น...หลังจากก่อนนั้นทางอิสราเอลได้เป็นด่านหน้าไปทิ้งระเบิดทำลายอาคารหน่วยทดลองนิวเคลียร์ทั้ง 3 จุดของอิหร่านในวันศุกร์ที่ 13 มิ.ย. แต่ทำลายได้เฉพาะสิ่งก่อสร้างเหนือพื้นดิน...และประกาศขอกองกำลังของสหรัฐฯ มา Finish the Job ในการทำลายส่วนใต้ผิวดินที่ฝังอยู่ลึกลงไป

หลังปฏิบัติการ Night Hammer ของฝูงบินล่องหน (เกิดขึ้นเวลาตี 2.10 นาฬิกา)…ปธน.ทรัมป์ยืนแถลงที่ทำเนียบขาว พร้อมรมต.ต่างประเทศ, รมต.กลาโหม, รองปธน.ยืนเป็น Wall Paper โดยทรัมป์แถลงถึงความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในการปฏิบัติการทำลายล้างหน่วยค้นคว้าพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่านอย่างเสร็จสิ้นสมบูรณ์คือ ทำลายล้างจนสิ้นซาก (จากระเบิดที่ทรงอิทธิพลนั้น)

และประกาศด้วยว่า เป็นปฏิบัติการที่เจาะจงทำลายเฉพาะหน่วยพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่าน...ไม่ได้ทำลายผู้คนหรือทหารอิหร่านแต่อย่างใด...ด้วยความแม่นยำสูงสุดที่ทำลายล้างเป้าหมายจนสิ้นซาก...และสรรเสริญนักบินที่กล้าหาญและมีสมรรถนะสูงยิ่งของกองทัพอเมริกัน (หมายความว่า นักบินเสี่ยงตายเข้าไปทิ้งระเบิดมหาประลัยในดินแดนของศัตรู-อย่างอิหร่าน-และกลับมาอย่างปลอดภัย-น่าจะได้รับเหรียญกล้าหาญนั่นเอง)

เช่นเดียวกับรมต.กลาโหม Pete Hegseth ที่ประกาศว่า ได้เห็นหลักฐานด้วยตาของเขาเอง (น่าจะอยู่ใน Situation Roomเพื่อดูการทิ้งระเบิด MOP ไปทำลายหน่วยนิวเคลียร์อิหร่านในหลุมลึกมาก) ว่าโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านถูกทำลายอย่างราบคาบสมบูรณ์…จึงประกาศชัยชนะว่า สหรัฐฯ ทำสำเร็จในสมัยของปธน.ทรัมป์นี้แหละ ต่างกับอดีตปธน.สหรัฐฯ อีกหลายคนก่อนหน้าที่อยากทำเช่นนี้ แต่(ไม่มีปัญญา)ทำไม่สำเร็จ

ฝ่ายนายกฯ เนทันยาฮูออกมาประกาศชัยชนะต่ออิหร่าน และขอบคุณปธน.ทรัมป์ซึ่งได้ร่วมกันจัดการทำลายโครงการนิวเคลียร์ของรัฐก่อการร้ายอิหร่านได้สำเร็จ (เพราะอิสราเอลไม่สามารถมีระเบิดที่จะทะลุทะลวงเข้าไปได้ลึกจนถึงห้องทดลองวิจัยนิวเคลียร์ได้)

ปฏิกิริยาจากนานาชาติก็คล้ายกับของรมต.ต่างประเทศของอิหร่าน ที่กำลังประชุมกับ OIC (Organization of Islamic Cooperation) กับเหล่าผู้นำประเทศมุสลิม ที่ประเทศตุรกี…ที่ประท้วงการรุกล้ำอธิปไตยของอิหร่าน...เช่นเดียวกับอิสราเอลที่ยิงขีปนาวุธเข้าโจมตีอิหร่าน ทั้งที่เตหะรานและที่บริเวณสถานที่ค้นคว้านิวเคลียร์ของอิหร่านหลายจุด

รมต.ต่างประเทศอิหร่านเดินทางไปร่วมประชุมกับปูตินที่มอสโกทันที เพราะปูตินได้พูดโทรศัพท์กับทรัมป์ในหลายวันก่อน เพื่อเสนอตัวเป็นกาวใจในการพยายามให้หยุดยิงระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน แต่ไม่สำเร็จ

เรื่องที่นายกฯ เนทันยาฮูกล่าวหา (ลอยๆ ปั้นน้ำเป็นตัวมา 30 ปี) ว่า อิหร่านได้แอบพัฒนา Enriched Uranium จนสามารถผลิตอาวุธนิวเคลียร์ได้หลายลูกแล้วนั้น...ทางรัสเซียซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญนิวเคลียร์ได้ร่วมให้ความรู้แก่ทีมของอิหร่านในการพัฒนานิวเคลียร์...ได้เคยออกมายืนยันว่า การพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่านนั้น เพื่อใช้ในทางสันติเท่านั้น ยังไม่สามารถพัฒนาจนถึงระดับอาวุธนิวเคลียร์แต่อย่างใด...แต่ทางผู้นำอิสราเอลไม่เชื่อ

กระทรวงการต่างประเทศของจีน ก็ออกมาประณามสหรัฐฯ กับการบุกใช้อาวุธหนักรุกล้ำเข้าดินแดนอิหร่าน เป็นการทำผิดกฎสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศด้วยการเป็นเจ้าโลกที่อยู่เหนือกฎเกณฑ์ของทั้งโลก

หลังถล่มโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านได้เพียง 1 วัน พร้อมเสียงประณามและการเดินขบวนประท้วงในหลายประเทศ...ปธน.ทรัมป์ก็ออกมา “หักดิบ” ห้ามอิสราเอลและอิหร่านสู้รบกันต่อไป ซึ่งกำลังทำตัวเป็นพ่อพระที่มาห้ามสงคราม ทั้งๆ ที่ตัวเองได้รุมทำลายชีวิตและทรัพย์สินของอิหร่าน เป็น 2 รุม 1 กับอิหร่าน และประกาศจะเจรจากับอิหร่านเรื่องให้ยอมทำสัญญาจะไม่พัฒนานิวเคลียร์อีกต่อไป

ประหนึ่งดังที่สหรัฐฯ ได้เคยใช้ระเบิดนิวเคลียร์ถล่มฮิโรชิมาและนางาซากิของญี่ปุ่น เพื่อบีบให้ญี่ปุ่นยอมแพ้อย่างราบคาบในสงครามโลกครั้งที่ 2

ใช้ความรุนแรงเพื่อยุติสงคราม

หลังปธน.ทรัมป์ประกาศว่า ที่เขาทิ้งระเบิดทำลายโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านนั้น เพื่อให้ทางอิหร่านยอมลงนามในข้อตกลงที่จะไม่พัฒนานิวเคลียร์อีกต่อไป

คำถามที่กำลังถามกันทั้งโลกขณะนี้ก็คือ ยูเรเนียมที่มีการเสริมสมรรถนะถึง 60% ของอิหร่านนั้น ได้มีการเคลื่อนย้ายล่องหนจากที่ตั้งทั้ง 3 ไปก่อนการถล่มของระเบิด MOP ใช่หรือไม่ ซึ่งการออกมาประกาศชัยชนะของทั้งทรัมป์และเนทันยาฮูก็ดูจะเป็นเรื่องน่าขบขันยิ่ง…เพราะการถล่มด้วยระเบิดหนักนั้น เป็นการระเบิดลงลึกใต้ดินที่ว่างเปล่า ไม่สมราคาคุยแต่อย่างใด

โฆษกทำเนียบขาวสาวมั่นได้ออกมาประณามสื่อหลักอย่าง CNN และอีกหลายสำนักว่า กุข่าวโกหกถึงปฏิบัติการอันกล้าหาญของนักบินสหรัฐฯ เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือความเป็นวีรบุรุษของนักบิน รวมทั้งของปธน.ทรัมป์

ด้าน IAEA ก็บอกว่า ต้องรอการประเมินว่า หน่วยพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่านได้ถูกทำลายไปขนาดไหน

เพียงแต่ถ้าตัวยูเรเนียมที่เสริมสมรรถนะแล้วถูกระเบิดขนาดนั้น น่าจะมีฝุ่นกัมมันตรังสีฟุ้งกระจายไปทั่ว หรือมีควันรูปดอกเห็ดแบบที่ฮิโรชิมาหรือนางาซากิทีเดียว หรือที่โรงไฟฟ้า Chernobyl ที่ยูเครนเมื่อเกิดระเบิด...ปรากฏว่า หลังอิสราเอลเริ่มโจมตีห้องปฏิบัติการนิวเคลียร์ของอิหร่านเมื่อศุกร์ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา อิหร่านรีบแจ้ง IAEA ทันที และว่าระดับรังสีนิวเคลียร์บริเวณที่ถูกทำลาย ยังอยู่ในระดับปกติ...เช่นเดียวกับหลังการโจมตีโดยสหรัฐฯ ในครั้งนี้

ถ้าสงคราม 12 วันที่ทรัมป์รีบประกาศ (ส่วนหนึ่งเพราะอาวุธพวกขีปนาวุธของอิสราเอลกำลังร่อยหรอหมดลง) จะไม่สามารถยืนยาวในการหยุดยิงต่อไป ก็น่ากลัวว่า Forever War ระหว่างอิสราเอล, อิหร่าน และสหรัฐฯ ก็น่าจะดำเนินต่อไปอีกนานแสนนาน


กำลังโหลดความคิดเห็น