xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

โกกั้ง (8) การก้าวขึ้นเป็นผู้นำของสกุลหยัง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทหารโกกั้งในเมืองล่าเสี้ยว
ในความเป็นไป
วรศักดิ์ มหัทธโนบล
ตามที่ได้กล่าวไปแล้วว่า แรกที่โกกั้งเริ่มปกครองตนเองนั้น โกกั้งมีผู้นำที่มาจากคนใน  สกุลเฉิน โดยมีคน  สกุลหยัง  เป็นผู้ช่วย และเมื่อผู้นำสกุลเฉินสิ้นชีพไปผู้ช่วยสกุลหยังก็ขึ้นมาเป็นผู้นำต่อ เกี่ยวกับเรื่องนี้มีเรื่องเล่าที่พิสดารจากที่กล่าวมาอยู่เช่นกัน

กล่าวคือ ตอนที่โกกั้งมีคนสกุลเฉินเป็นผู้นำนั้น ว่ากันว่า ผู้นำคนนี้เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ชอบดื่มสุราและสูบฝิ่น ไม่สนใจงานบริหารตามหน้าที่ของผู้นำ ทุกครั้งที่ต้องนำเครื่องบรรณาการไปส่งให้แก่  เจ้าฟ้าแสนหวี  เขาจะให้ผู้ช่วยสกุลหยังไปส่งแทน ครั้นส่งไปนานๆ เข้า เจ้าฟ้าแสนหวีจึงรู้จักมักคุ้นผู้ช่วยสกุลหยังมากกว่าผู้นำสกุลเฉิน

ครั้นผู้นำสกุลเฉินสิ้นชีพไปใน ค.ศ.1880 ผู้ช่วยสกุลหยังจึงอยู่รักษาการแทนด้วยหวังให้ชาวโกกั้งเลือกผู้นำคนใหม่มาแทน แต่เมื่อปรากฏว่าชาวโกกั้งก็ไม่ได้เลือกใครมาแทนนานวันเข้า ผู้ช่วยสกุลหยังจึงต้องเป็นผู้นำไปโดยปริยาย และด้วยเหตุที่เป็นคนที่รู้งานเป็นพื้นเดิมมาก่อน การปกครองโกกั้งของเขาจึงเป็นที่ยอมรับของชาวโกกั้ง

การได้รับการยอมรับดังกล่าว ทำให้คนในสกุลหยังได้ก้าวเข้ามาสืบทอดตำแหน่งผู้นำสืบต่อเรื่อยมา ดุจดังการสืบสันตติวงศ์ของราชวงศ์จีนเมื่อครั้งอดีต เรื่องนี้ทำให้เห็นว่า โกกั้งที่มีเชื้อชาติจีนและเป็นผู้ดีเก่ามาแต่ดั้งเดิมนั้น ยังรักษาร่องรอยประเพณีการปกครองเดิมที่ตนคุ้นชินเอาไว้

จากเหตุนี้ เรื่องราวของคนสกุลหยังในหมู่ชาวโกกั้งจึงถูกเล่าขานสืบต่อกันมา

ตามตำนานที่เล่าสืบต่อกันมานั้น ว่ากันว่า พื้นเดิมของคนสกุลหยังมาจากหมู่บ้านในชนบทของเมืองหนันจิง (นานกิง) ของจีน และเข้ารับราชการในสมัยราชวงศ์หมิง โดยที่ควรกล่าวด้วยว่า เมื่อแรกที่หมิงถูกสถาปนาขึ้นนั้น ราชวงศ์นี้ใช้หนันจิงเป็นเมืองหลวง ก่อนที่จะย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่เป่ยจิงในชั้นหลัง ครั้นหมิงล่มสลายลงและจักรพรรดิองค์สุดท้ายเสด็จหนีลงมาทางใต้ คนในสกุลหยังก็ติดตามมาด้วย

จนเมื่อหนีเข้ามาในอวิ๋นหนันแล้วเข้าไปในพม่า คนสกุลหยังก็ยังคงติดตามจักรพรรดิของตนเข้าไปด้วยความจงรักภักดี ตราบจนจักรพรรดิถูกจับตัวไปสำเร็จโทษในจีนแล้ว คนในสกุลหยังที่มิได้ถูกจับไปด้วยก็อาศัยอยู่ในพม่าสืบมาเช่นเดียวกับผู้ติดตามคนอื่นๆ และบุคคลในสกุลหยังที่ติดตามจักรพรรดิเข้ามาในเวลานั้นมีชื่อว่า หยังเกาเสีว์ย 

 คนในสกุลหยัง (杨) คือ หยังเกาเสีว์ย (ไม่ทราบตัวเขียน) นี้เองที่ต่อมาได้กลายเป็นต้นธารของสกุลหยังในฐานะผู้นำโกกั้ง โดยหยังเกาเสีว์ยนั้นมีบุตรอยู่สองคน และบุตรสองคนนี้ก็มีลูกสืบหลานเรื่อยมา จนมาถึงยุคที่หยังเซี่ยนไฉ (杨献才) เป็นผู้นำใน ค.ศ.1739 เขาได้ปกครองดินแดนที่เป็นของพม่าที่มีชื่อว่า ตาชเวตัน (Ta Shwe Htan) และจีนเรียกว่า ซิงต๋าฮู่ (Xingdahu, 興達戶)

โดยตัวเขามีตำแหน่งเป็นหัวหน้าแห่งซิงต๋าฮู่ (the Chief of Xingdahu)  

ซิงต๋าฮู่ในยุคของเขาซึ่งตรงกับสมัยราชวงศ์ชิงนั้น เขายอมอยู่ใต้อำนาจของราชวงศ์ชิง และซิงต๋าฮู่ก็เป็นดินแดนภายใต้อำนาจอธิปไตยของราชวงศ์ชิงเช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วซิงต๋าฮู่จึงมีวาระในการส่งบรรณาการให้แก่ราชสำนักชิง จน ค.ศ.1840 ผู้ปกครองอวิ๋นหนันก็ให้สิทธิแก่สกุลหยังในการสืบทอดตำแหน่งผู้นำเจ้าศักดินาที่เรียกว่า ถู่ซือ 

 คำว่า ถู่ซือ (土司, headman, chieftains) หมายถึง ระบบการสืบทอดตำแหน่งผู้นำเจ้าศักดินาโดยเชื้อสาย ระบบนี้ปรากฏขึ้นในสมัยราชวงศ์หยวน หมิง ชิง และรัฐที่อยู่ใกล้เคียงอย่างเวียดนามและอีกบางรัฐในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในจีนนั้นจะปรากฏอยู่ในมณฑลทางตะวันตกเฉียงใต้อย่างอวิ๋นหนัน กุ้ยโจว ทิเบต ซื่อชวน ฉงชิ่ง กับอีกบางเมืองในหูหนันและหูเป่ย 

อย่างไรก็ตาม การเป็นรัฐบรรณาการของจีนของโกกั้งมาสิ้นสุดลงเมื่ออังกฤษสามารถยึดดินแดนภาคเหนือของพม่าได้ใน ค.ศ.1885 และทำให้พม่าต้องยกซิงต๋าฮู่ให้แก่อังกฤษไปด้วย แต่เมื่ออังกฤษได้มาแล้วก็มิได้ปกครองซิงต๋าฮู่โดยตรง แต่ให้ซิงต๋าฮู่ปกครองตนเองนับแต่ ค.ศ.1894 เรื่อยมา

ส่วนซิงต๋าฮู่เมื่อได้ปกครองตนเองแล้วก็ยังคงระบบถู่ซือเอาไว้ จนเมื่อหยังเซี่ยนไฉสิ้นชีพไปในค.ศ.1758 แล้ว บุตรของเขาคือ  หยังเหวยซิง (Yang Weixing, 杨维兴) ก็เป็นผู้นำสืบต่อ โดยตั้งตนเป็นหัวหน้าแห่งโคกันชาน (Chief of Kho Kan Shan) ภาษาจีนเรียกว่า เคอกั้นซัน (Kegan Shan,科干山)

จนเมื่อหยังเหวยซิงสิ้นชีพไปใน ค.ศ.1795 ทายาทของเขาคือ หยังโหย่วเกิน (楊有根)  ก็ขึ้นมาเป็นผู้นำต่อ หลังจากนั้นหยังโหย่วเกินจึงได้เปลี่ยนชื่อเรียกกลุ่มชนของตนว่า โกกั้ง  และใช้ชื่อนี้มาจนทุกวันนี้ ตราบจน ค.ศ.1840 ผู้นำโกกั้งที่มีชื่อว่า  หยังกว๋อฮว๋า (楊國華) ก็ได้รับการแต่งตั้งจากราชวงศ์ชิงให้มีตำแหน่งเป็น  “สันตติวงศ์ตุลาการแห่งอำเภอโกกั้ง”  [the Hereditable Magistrate of Guogan County, 世襲果敢縣令 (ซื่อสีกว่อกั้นเซี่ยนหลิง)]

ตำแหน่งดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า แม้เข้าสู่ยุคสมัยแล้วโกกั้งยังคงขึ้นต่อจีน โดยจีนถือเอาโกกั้งเป็นอำเภอหนึ่งของตน ส่วนโกกั้งก็ยอมรับฐานะเช่นนี้ถึงแม้จะได้รับอิสระจากอังกฤษให้ปกครองตนเองก็ตาม ที่เป็นเช่นนี้น่าจะเป็นเพราะโกกั้งมีภูมิหลังที่เป็นคนจีน และยอมขึ้นต่อจีนที่มีความเจริญกว่าพม่า

ถึงตรงนี้เราจะเห็นได้ว่า ห้วงแห่งยุคสมัยใหม่นั้น โกกั้งอยู่ภายใต้อำนาจสามเส้า เส้าแรกคือ พม่า ซึ่งในขณะนั้นตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ จึงมิได้ทำการใดกับโกกั้ง เส้าที่สองคือ อังกฤษ ที่เป็นเจ้าอาณานิคมพม่า แต่ก็ให้โกกั้งมีอิสระในการปกครองตนเอง เส้าที่สามคือ จีน ที่เป็นภูมิลำเนาเดิมของโกกั้งและโกกั้งยอมขึ้นต่อ

ภายใต้อำนาจสามเส้าดังกล่าวน่าที่จะมีส่วนไม่มากก็น้อย ในการหล่อหลอมให้โกกั้งมีพัฒนาการทางเศรษฐกิจการเมืองเฉพาะตน กล่าวคือ อยู่ในดินแดนพม่า แต่กลับไม่มีความผูกพันกับพม่า ครั้นอยู่ใต้อำนาจของอังกฤษก็กลับไม่ได้รับวัฒนธรรมใดๆ จากอังกฤษแม้แต่น้อย ส่วนที่ขึ้นต่อจีนและส่งบรรณาการให้แก่จีนก็เป็นไปในเชิงสัญลักษณ์ มากกว่าที่จะเป็นเมืองขึ้นจริงๆ

อย่างไรก็ตาม เมื่อหยังกว๋อฮว๋าสิ้นชีพไปใน ค.ศ.1874 น้องชายของเขาชื่อ  หยังกว๋อเจิ้ง (楊國正) ก็ขึ้นมาเป็นผู้นำแทน ว่ากันว่า หยังกว๋อเจิ้งปกครองโกกั้งด้วยความปกติสุขมาอย่างยาวนานจนเขามีอายุ 80 ปี อีกทั้งในยุคของเขาก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับอังกฤษ และเมื่อเขาตาบอดลงใน ค.ศ.1916 เขาก็ยกตำแหน่งผู้นำให้แก่หลานที่มีชื่อว่า หยังชุนหญง (楊春榮) 

แต่เนื่องจากหยังชุนหญงยังเยาว์วัย บุตรของหยังกว๋อเจิ้งที่มีอยู่เก้าคนต่างก็คัดค้านที่จะให้หลานคนนี้เป็นผู้นำ จากเหตุนี้ หยังกว๋อเจิ้งจึงต้องอยู่เป็นผู้นำต่อไป เขาอยู่ในตำแหน่งผู้นำไปจนมีอายุ 80 ปีจึงได้ยกตำแหน่งให้แก่หยังชุนหญง

นับแต่นั้น สกุลหยังในสายของหยังชุนหญงก็สืบสานการเป็นผู้นำโกกั้งเรื่อยมา จนสั่งสมอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ กล่าวกันว่า การปกครองโดยสกุลหยังสายนี้เป็นอย่างปกติสุข และเป็นที่รักใคร่ของราษฎร ตราบจนช่วงปลายทศวรรษ 1920 ความขัดแย้งจึงได้เกิดขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น