คนแคระบนบ่ายักษ์
ไชยันต์ ไชยพร
ในประเทศที่ปกครองด้วยระบอบพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ (constitutional monarchy) กระบวนการการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีแบ่งออกได้เป็นสองแบบ แบบแรกคือ จะต้องมีการลงคะแนนเสียงในสภาผู้แทนราษฎรเลือกนายกรัฐมนตรีก่อน แล้วค่อยทูลเกล้าฯต่อพระมหากษัตริย์ อีกแบบหนึ่งคือ ไม่ต้องผ่านการลงคะแนนเสียงในสภาผู้แทนราษฎร
ในกรณีของประเทศที่ไม่ต้องผ่านการลงคะแนนเสียงในสภาผู้แทนราษฎร ได้แก่ สหราชอาณาจักร เดนมาร์ก นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ เบลเยี่ยม ภูฏาน และมาเลเซีย ผู้เขียนได้กล่าวในรายละเอียดไปสองประเทศแล้ว นั่นคือ สหราชอาณาจักรและเดนมาร์ก ในตอนนี้ จะขอกล่าวถึง นอร์เวย์ ซึ่งเป็นประเทศที่ปกครองด้วยระบอบพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญเช่นกัน
นอกจากหลังการเลือกตั้ง พระมหากษัตริย์นอร์เวย์จะแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีโดยไม่ต้องมีการลงคะแนนเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีในสภาผู้แทนราษฎรก่อนแล้ว ระบบรัฐสภานอร์เวย์ยังมีเงื่อนไขที่น่าสนใจและแตกต่างจากระบบรัฐสภาที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขโดยทั่วไปอีกด้วย นั่นคือ ระบบการเมืองของนอร์เวย์จะไม่มีการยุบสภาจนกว่าสภาจะครบวาระไปเอง
การที่สภานอร์เวย์จะไม่สามารถถูกยุบได้จนกว่าจะครบวาระ ไม่ได้เป็นเงื่อนไขที่กำหนดไว้แต่แรกในรัฐธรรมนูญ ค.ศ. 1814 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่กำหนดให้นอร์เวย์ปกครองด้วยระบอบพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่ถูกกำหนดขึ้นภายหลัง และถือว่าเป็นวิวัฒนาการของระบอบพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวของนอร์เวย์เลยทีเดียว
อย่างที่ได้กล่าวไปในตอนที่แล้วว่า ตั้งแต่ ค.ศ. 1397 นอร์เวย์อยู่ภายใต้พระมหากษัตริย์เดนมาร์กมาเป็นเวลากว่าสี่ร้อยปี เมื่อถึงปี ค.ศ. 1814 หลังจากที่เดนมาร์กแพ้สงคราม ผลจาก สนธิสัญญาควีล (the Treaty of Kiel) ที่กระทำขึ้นหลังสงครามในเดือนมกราคม ค.ศ. 1814 ได้กำหนดให้นอร์เวย์ตกอยู่ภายใต้สวีเดน และนอร์เวย์ต้องอยู่ภายใต้พระมหากษัตริย์สวีเดนต่อไปอีก 91 ปี นอร์เวย์ถึงจะเป็นอิสระอย่างแท้จริงในปี ค.ศ. 1905
สาระสำคัญของรัฐธรรมนูญนอร์เวย์ ค.ศ. 1814 คือกำหนดให้นอร์เวย์ปกครองด้วยระบอบพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ นั่นคือ พระมหากษัตริย์ไม่ทรงสามารถใช้พระราชอำนาจในทางบริหาร นิติบัญญัติและตุลาการได้โดยตรงอีกต่อไป แต่กระนั้น มาตรา 28 ของรัฐธรรมนูญนอร์เวย์ ค.ศ. 1814 ยังให้พระมหากษัตริย์มีพระราชอำนาจแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีโดยไม่ได้กำหนดเป็นลายลักษณ์อักษรว่าจะต้องแต่งตั้งจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเหมือนที่ปรากฎในปัจจุบัน
และในทางปฏิบัติ โดยส่วนใหญ่ พระมหากษัตริย์จะทรงแต่งตั้งรัฐมนตรีจากข้าราชการประจำและ/หรือสมาชิกสภา (ซึ่งสมาชิกสภาฯ ส่วนใหญ่ก็คือข้าราชการประจำที่ได้รับเลือกตั้ง)
แต่เมื่อเวลาผ่านไป 70 ปี ในปี ค.ศ. 1884 การเมืองการปกครองของนอร์เวย์ได้วิวัฒนาการเข้าสู่กรอบการเป็น “รัฐสภานิยม” มากขึ้น ส่งผลให้พระมหากษัตริย์จะต้องแต่งตั้งรัฐมนตรีจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น
คำว่า “รัฐสภานิยม” นี้แปลมาจากคำว่า parliamentarism หมายถึงการให้รัฐสภาเป็นใหญ่นั่นเอง
และเมื่อรัฐสภานอร์เวย์เริ่มเป็นใหญ่ในปี ค.ศ. 1884 ก็หมายความว่า ก่อนหน้านั้น การเมืองนอร์เวย์หลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ค.ศ. 1814 จนถึง ค.ศ. 1884 รัฐสภายังไม่ได้เป็นใหญ่ แต่ฝ่ายที่ใหญ่คือฝ่ายบริหาร เพราะพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งรัฐมนตรีจากข้าราชการหรือสมาชิกสภาได้ตามพระราชอัธยาศัย ไม่ถูกจำกัดให้ต้องแต่งตั้งจากสมาชิกสภาที่มาจากการเลือกตั้งเหมือนระบบรัฐสภาทั่วไปในปัจจุบัน แต่พระมหากษัตริย์จะไม่สามารถบริหารราชการแผ่นดินโดยตรงด้วยพระองค์เอง การวิวัฒนาการสู่การเมืองที่รัฐสภาเป็นใหญ่ (หรือใหญ่ขึ้นกว่าเดิม) ในนอร์เวย์มีสาเหตุมาจากการที่นักการเมืองในสภาผู้แทนราษฎรต้องการให้ผู้ใช้อำนาจฝ่ายบริหารมาจากหรือเกี่ยวพันกับรัฐสภามากขึ้น อีกนัยหนึ่งก็คือ รัฐมนตรีจะต้องมาจากคนที่เป็นสมาชิกสภาที่เป็นตัวแทนประชาชนที่ได้รับเลือกตั้ง
กลุ่มการเมืองที่แข็งขันรณรงค์เพื่อผลักดันให้การเมืองนอร์เวย์เข้าสู่กรอบที่รัฐสภาเป็นใหญ่คือ พรรคการเมืองที่มีชื่อว่า Venstre (ซึ่งแปลว่า ซ้าย) ซึ่งซ้ายของนอร์เวย์ในปี ค.ศ. 1884 จะมีจุดยืนแบบเสรีนิยม (และเมื่อเวลาผ่านไป เมื่อมีพรรคแนวสังคมนิยมขึ้นมา พรรคสังคมนิยมก็จะเป็นพรรคฝ่ายซ้ายแทนเสรีนิยม ส่วนพรรคเสรีนิยมก็จะกระเถิบจากที่เคยเป็นซ้ายไปเป็นกลางซ้าย และอาจเขยิบไปเป็นกลาง และกลางขวาได้)
และเมื่อพรรค Venstre ของนอร์เวย์ต้องการผลักดันให้รัฐสภาเป็นใหญ่ขึ้นในการเมืองนอร์เวย์ แน่นอนว่าย่อมมีกลุ่มการเมืองที่ไม่เห็นด้วย และยังคงต้องการให้พระมหากษัตริย์แต่งตั้งรัฐมนตรีโดยส่วนใหญ่จากข้าราชการประจำ กลุ่มการเมืองที่ต้องการรักษาเงื่อนไขเดิมนี้คือ พรรคฝ่ายขวาหรือที่เรียกว่า Høyre (Høyre แปลว่า ขวา) และแน่นอนว่า เมื่อมีจุดยืนที่ต้องการรักษาเงื่อนไขเดิมไว้ ก็ย่อมต้องถูกจัดให้เป็นพรรคแนวอนุรักษ์นิยม
อีกนัยหนึ่ง กล่าวได้ว่า การรักษาเงื่อนไขเดิมที่ถือเป็นจุดยืนอนุรักษ์นิยมนี้คือการรักษาและปกป้องพระราชอำนาจในการแต่งตั้งรัฐมนตรีของพระมหากษัตริย์โดยไม่ไปตีกรอบให้พระองค์จะต้องเลือกแต่งตั้งรัฐมนตรีจากเฉพาะสมาชิกสภาเท่านั้น เพราะในทางปฏิบัติ ตามรัฐธรรมนูญนอร์เวย์ ค.ศ. 1814 พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งรัฐมนตรีจากข้าราชการประจำและ/หรือจากสมาชิกสภาก็ได้ แต่เป้าหมายของพรรคเสรีนิยมหรือ Venstre ต้องการตีกรอบการใช้พระราชอำนาจในการแต่งตั้งมิให้กว้างขวางได้ และจะต้องเลือกแต่งตั้งแต่เฉพาะสมาชิกสภาเท่านั้น
การรวมพลังในการต่อสู้รณรงค์ของพรรค Venstre เกิดขึ้นโดยมีการตั้งพรรคการเมืองอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1884 และมีจุดยืนชัดเจนในการผลักดันให้การเมืองนอร์เวย์เข้าสู่เงื่อนไขที่รัฐสภาเป็นใหญ่ขึ้น และผลการเลือกตั้งที่ปรากฏออกมาคือ ในจำนวนที่นั่งของสมาชิกสภานอร์เวย์ทั้งหมด 114 ที่นั่ง สมาชิกพรรค Venstre ได้รับเลือกตั้งเข้าสภาไปถึง 83 ที่นั่ง ในขณะที่พรรค Høyre ได้เพียง 31 ที่นั่ง
จากผลการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรของนอร์เวย์ในปี ค.ศ. 1884 นี่เองถือเป็นชัยชนะของพรรค Venstre และเป็นหมุดหมายของการเริ่มต้นของการที่รัฐสภาเป็นใหญ่ในการเมืองนอร์เวย์ ซึ่งเทียบเคียงได้กับผลการเลือกตั้งทั่วไปของสภาผู้แทนราษฎรในเดนมาร์ก วันที่ 3 เมษายน ค.ศ.1901 ที่กลุ่มการเมืองฝั่งปฏิรูปได้ ส.ส. เพิ่มขึ้นและรวมกันแล้วเป็นจำนวนถึง 106 ที่นั่งในที่นั่งทั้งสิ้น 114 ที่นั่ง ส่วนนักการเมืองฝั่งอนุรักษ์นิยมลดลงเหลือเพียง 8 ที่นั่ง ผลการเลือกตั้งในนอร์เวย์ในปี ค.ศ. 1884 และผลการเลือกตั้งในเดนมาร์กในปี ค.ศ. 1901 ส่งผลกระทบสำคัญต่อประเพณีการปกครองระบอบพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญของทั้งสองประเทศ โดยก่อนหน้า ค.ศ. 1884 ในนอร์เวย์ พระมหากษัตริย์ทรงมีพระราชอำนาจที่จะแต่งตั้งรัฐมนตรีจากข้าราชการประจำและ/หรือสมาชิกสภา และในกรณีของเดนมาร์ก ก่อนหน้า ค.ศ. 1901 พระมหากษัตริย์ทรงมีพระราชอำนาจที่จะแต่งตั้งรัฐมนตรีจากสมาชิกสภาสูง
แต่นอร์เวย์หลัง ค.ศ. 1884 พระมหากษัตริย์จะต้องแต่งตั้งรัฐมนตรีจากสมาชิกสภาเท่านั้น และก็เช่นกันสำหรับเดนมาร์กหลัง ค.ศ. 1901
และนอกจากจะต้องรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีจากบุคคลที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาในนอร์เวย์ก็คือ สมาชิกสภาที่พระมหากษัตริย์จะแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องได้รับการสนับสนุนจากเสียงข้างมากในสภาด้วย และภายใต้เงื่อนไขนี้เองที่ นายโยฮัน สวีร์ดรูปป์ (Johan Sverdrup) หนึ่งในผู้นำของพรรค Venstre ได้รับแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลเสรีนิยมในนอร์เวย์ขึ้นเป็นครั้งแรก
และแม้ว่า โยฮัน สวีร์ดรูปป์ จะได้รับการยกย่องในฐานะที่เป็นผู้ที่บุกเบิกต่อสู้ให้รัฐสภาเป็นใหญ่ (parliamentarism) ในการเมืองนอร์เวย์ แต่เขากลับเป็นนักการเมืองที่ไม่เข้าใจเงื่อนไขสำคัญของการที่รัฐสภาเป็นใหญ่ที่จำต้องรักษาเสียงข้างมากของสภาไว้ให้ได้ และเขากลับล้มเหลวกับสภาวะที่รัฐสภาเป็นใหญ่ที่เขาต่อสู้เพื่อให้ได้มา ดังที่จะได้ขยายความในตอนต่อไป