xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“เนต้า” ทำค่ายรถ EV ซวยถ้วนหน้าคลังสั่งรายงานแผนผลิตทุก 2 เดือน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



 ยังคงเป็นเรื่องร้อนของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าประเทศไทยกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับค่ายรถยนต์จากจีนอย่าง “เนต้า” โดยเฉพาะหลังจากที่บรรดากลุ่มผู้แทนจำหน่ายหรือ “ดีลเลอร์” จากทั่วประเทศประมาณ 18 ราย ได้เข้าพบและยื่นหนังสือต่อ “นายภาณุพงศ์ ศรีเกตุ” รองอธิบดีกรมสรรพสามิต เพื่อขอรับทราบข้อเท็จจริงและหารือแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานของบริษัท เนต้า ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด 

เนื่องจากในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ทางเนต้าได้ให้ข้อมูลผ่านสื่อว่า ไม่เคยได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐตามมาตรการ EV 3.0 และ EV 3.5 แม้แต่คันเดียว ซึ่งทางกรมสรรพสามิตก็ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง พร้อมยืนยันว่าก่อนหน้านี้กรมได้ดำเนินการจ่ายเงินอุดหนุนตามมาตรการที่รัฐบาลกำหนดตามลำดับ ซึ่งเนต้าได้มีการรับเงินอุดหนุนส่วนใหญ่ไปแล้ว จนถึงช่วงหนึ่งที่พบว่าสภาพคล่องของบริษัทมีปัญหา จนทำให้กำลังการผลิตชดเชยไม่เป็นไปตามแผน กรมจึงได้ชะลอการจ่ายเงินอุดหนุนส่วนหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นส่วนน้อยเอาไว้ก่อน เนื่องจากบริษัทได้มีการส่งหนังสือแจ้งมาชัดเจนว่า ไม่สามารถผลิตชดเชยได้ตามแผน

เรื่องร้อนที่เกิดขึ้นทำให้รัฐบาล โดยกระทรวงการคลังกำลังพิจารณาการปรับเงื่อนไขในการเพิ่มอำนาจให้กรมสรรพสามิตสามารถระงับการจ่ายเงินสมทบให้กับค่ายรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ที่เข้าร่วมมาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าระยะแรก (EV3.0) และ EV3.5 ได้ทันที โดยเฉพาะกรณีที่ผู้ประกอบการ หรือบริษัทมีปัญหา ไม่สามารถดำเนินการได้ตามเงื่อนไขของมาตรการ เช่น การผลิตรถอีวีชดเชยไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นกับเนต้านั้น สรรพสามิตไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยล่าสุด สรรพสามิตได้ปรับเงื่อนไขการติดตามการผลิตรถอีวีชดเชย มาตรการอีวี 3.0 และ 3.5 โดยให้ทุกบริษัทที่ลงนามสัญญาแล้ว ต้องส่งแผนการผลิตมารายงานกรมทุก ๆ 2 เดือน โดยยังคงยืดหยุ่นในแผนการผลิตประมาณ 10% แต่ละเดือน ซึ่งต่างจากก่อนหน้านี้ ที่กรมมีอำนาจในการตรวจสอบการผลิตชดเชยได้หลังจากที่หมดมาตรการแล้วเท่านั้น ซึ่งมองว่าไม่ทันการณ์

“ตรงนี้ยังเป็นรายละเอียดที่กรมสรรพสามิตจะต้องเร่งพิจารณาว่า จะต้องมีการให้บัฟเฟอร์กับค่ายรถในการผลิตชดเชยคืน 10% ของแผนหรือไม่ เช่น หากค่ายรถบอกว่าจะผลิตคืน 300 คันต่อเดือน แต่ผลิตได้จริงแค่ 280 คันต่อเดือน ตรงนี้จะพิจารณาอย่างไร จะต้องมีบัฟเฟอร์ 10% ให้ค่ายรถหรือไม่ เผื่อกรณีเดือนไหนเกิดเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบกับกระบวนการผลิต เป็นรายละเอียดที่จะต้องมาพิจารณา จากปัจจุบันกรมสรรพสามิตยังไม่สามารถทำอะไรในส่วนนี้ได้ จนกว่าจะถึงระยะเวลาสิ้นสุดมาตรการ คือวันที่ 31 ธ.ค. 68 ซึ่งเรามองว่าอาจจะช้าเกินไป โดยเมื่อได้ข้อสรุปจะต้องเสนอให้ที่ประชุมบอร์ดอีวี และที่ประชุมครม. พิจารณา”

ทั้งนี้ มองว่าการปรับเพิ่มเงื่อนไขในการเพิ่มอำนาจในการพิจารณาชะลอการจ่ายเงินชดเชยให้ค่ายรถยนต์ของกรมสรรพสามิตนั้น ถือเป็นการสร้างกลไกในการคัตเอาท์กรณีที่ค่ายรถมีปัญหา ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขของมาตรการได้ ส่วนประเด็นเรื่องการยืดระยะเวลาการผลิตรถยนต์อีวีชดเชยนั้น เป็นการช่วยเหลือค่ายรถในอีกมิติ ไม่ใช่การช่วยค่ายรถที่มีปัญหา แต่เป็นการช่วยอุตสาหกรรมในภาพรวม ซึ่งเป็นคนละส่วนกับเงื่อนไขที่กำลังพิจารณาอยู่ตอนนี้ ซึ่งในภาพรวมของมาตรการตอนนี้ ยังไม่พบว่ามีค่ายรถยนต์อีวีอื่น ๆ ที่มีปัญหาเชิงประจักษ์ โดยกรมสรรพสามิตได้มีการระมัดระวังอย่างเต็มที่

นายเผ่าภูมิยังได้เปิดเผยถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับเนต้าด้วยว่า กรมสรรพสามิตได้จ่ายเงินอุดหนุนตามมาตรการอีวี 3.0 ให้กับเนต้าไปแล้วกว่า 2 พันล้านบาท และสรรพสามิตระงับการจ่ายอุดหนุนไว้ 400 ล้านบาท ขณะเดียวกัน เนต้าค้างการผลิตชดเชยรถอีวีตามมาตรการปี 2568 ในอัตรา 1 ต่อ 1.5 อีก 1.9 หมื่นคัน หลังจากที่ผลิตออกมาได้เพียง 4 พันคันเท่านั้น

ดังนั้น จึงถือว่าไม่ทำตามเงื่อนไขสรรพสามิตจึงชะลอจ่ายเงินอุดหนุนออกไปก่อน พร้อมทั้งหากพิจารณาแล้วบริษัทไม่สามารถผลิตได้ตามเงื่อนไขเลย บริษัทก็ต้องมีการจ่ายเงินชดเชยที่รัฐให้ไปทั้งหมด

“ยืนยันว่าจากกรณีปัญหาเนต้านั้น ประชาชนที่ได้ซื้อรถอีวียี่ห้อดังกล่าวไปแล้ว จะไม่ถูกเรียกเก็บเงินค่าอุดหนุนตามมาตรการคืนหรือต้องจ่ายเงินเพิ่มอย่างแน่นอน เพราะเงินอุดหนุน 1.5 แสนบาท และภาษีต่าง ๆ นั้นถึงมือประชาชนทั้งหมด ซึ่งเป็นส่วนลดราคารถอีวีแล้ว” นายเผ่าภูมิกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น